ดวงใจภวินท์ - บทที่ 232 พยายามสุดชีวิตเพื่อผู้ชายคนเดียวกัน
ญาธิดาได้ยิน พลันแอบถอนหายใจโล่งอก ทว่าเมื่อมองเห็นสีหน้าแววตาของภวินท์ที่ดูผิดแปลกไป “ตกลงว่าเป็นอะไรไปคะ?”
ภวินท์เม้มริมฝีปากพลางขยับเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นเฉียบ “เมื่อก่อนแม่ผมก็ชอบตุ๋นซุปปลาให้ผมดื่มอยู่เป็นประจำ”
ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย จู่ๆ พลันฉุกคิดคำพูดเหล่านั้นที่หลุยส์พูด ถึงได้เข้าใจได้ทันที
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินภวินท์เอ่ยถึงมารดาของเขา แม้จะเป็นเพียงประโยคสั้นๆ ง่ายดายมากประโยคเดียว ทว่ากลับทำให้หัวใจของเธอหม่นหมองตามอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหมือนผีดลใจพลันหลุดปากพูดออกไป “ถ้าคุณชอบ อีกสองวันฉันจะตุ๋นมาให้คุณอีกค่ะ”
ภวินท์ได้ยิน จึงช้อนตาเหลือบมองเธอ ความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึกของดวงตากระเพื่อมขึ้นอย่างมีเลศนัย
จู่ๆจังหวะนั้นเอง ประตูห้องพักผู้ป่วยก็มีคนผลักเข้ามา และมีเสียงวิตกกังวลดังตามหลังมาติดๆ “พี่วินคะ พี่เป็นไง…”
นิวรารีบวิ่งเหยาะเข้ามาด้านในอย่างร้อนใจ ตอนที่เห็นญาธิดายืนอยู่ข้างเตียงนั้น แสดงท่าทางตกตะลึงออกมาทางสีหน้า คำพูดติดค้างทันที
ญาธิดาตกตะลึงตาม ไม่คิดเลยว่านิวราจะปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ชั่ววินาทีนั้น เธอเริ่มตื่นเต้นเล็กน้อย ความรู้สึกผิดมันตีจนพลุ่งพล่านขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจทันที
สายตานิวราจดจ้องอยู่บนร่างกายของเธออยู่สักพัก ถึงได้หันไปมองภวินท์ที่อยู่บนเตียง และเดินนำหน้าไปอย่างร้อนใจ พลันเอ่ยปากถามทันที “พี่วิน พี่เป็นไงบ้างคะ? บาดเจ็บตรงไหนบ้างมั้ยคะ?”
ภวินท์กล่าวตอบน้ำเสียงปกติ “พี่ไม่เป็นไร”
“นิวเพิ่งกลับมาจากเกาะสมุย พอลงเครื่องก็ได้ข่าวว่าพี่เกิดเรื่องขึ้น ก็รีบบึ่งมาทันที” น้ำเสียงนิวราปะปนการกล่าวโทษอยู่บ้าง เสียงสั่นจนใกล้จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว “ทำไมพี่ไม่บอกนิวล่ะคะ?”
ภวินท์ช้อนตา พลางมองขอบใต้ตาอันแดงระเรื่อของเธอจนใจอ่อน “ไม่อยากให้นิวเป็นห่วง พี่ไม่เป็นไร”
หัวไหล่นิวราสั่นเทิ้ม พลางพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมอกของภวินท์ และเริ่มต่อว่าต่อขานทันที “การที่พี่ไม่บอกนิวนั่นแหละเป็นสิ่งที่นิวเป็นห่วงที่สุดแล้วค่ะ!”
“พอแล้วนะ คราวหน้าจะบอกน้องนิวครับ”
“อะไรที่ว่าคราวหน้า! นี่พี่ยังจะคิดว่ามีคราวหน้าอีกเหรอคะ!”
“……”
ญาธิดายืนอยู่ด้านข้าง พลันรู้สึกว่าในเวลานี้ตัวเองกลายเป็นส่วนเกิน เธอกัดริมฝีปาก พลางเบนสายตาไปทางอื่น และค่อยๆ ย่างฝีเท้าเดินมุ่งหน้าออกทางด้านนอก
ภวินท์กวาดตามองร่างกายที่จะเดินจากไปของเธอ พลางขมวดคิ้วหากัน จังหวะที่เตรียมจะอ้าปากพูด นิวราเงยศีรษะมองเขาทันควัน “พี่ยังเจ็บแผลอยู่มั้ยคะ?”
“สบายใจได้เลย ดีขึ้นมากแล้ว”
เมื่อพูดจบ เขาก็เงยศีรษะขึ้นมาอีกครั้ง ตัวญาธิดาก็ไม่อยู่แล้ว
ทางด้านนอกประตู ญาธิดากัดริมฝีปาก รู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมุ่งหน้าเดินออกไปทางด้านนอก ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด หัวใจช่างว้าเหว่เหลือเกิน
เมื่อเห็นภาพที่ภวินท์อยู่กับนิวรา ในใจของเธอนั้นก็เกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้มันตีขึ้นมา
เมื่อเดินผ่านทางเดินอยู่สักพัก เธอถึงได้ปรับอารมณ์ของตนเอง ยังไม่ทันเดินถึงด้านหน้าประตูลิฟต์ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังตามหลังมาติดๆ จนมีเสียงสูงแหลมของหญิงสาวดังขึ้น “คุณญาธิดา รบกวนรอเดี๋ยวค่ะ”
ญาธิดาหันศีรษะไปตามเสียง จึงมองเห็นนิวรายืนอยู่ทางด้านหลังเธอโดยไม่ไกลนัก
ญาธิดาเริ่มไม่เข้าใจ “คุณนิว?”
นิวราคลี่ยิ้มให้เธอ “ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณค่ะ”
เมื่อได้ยิน ในใจญาธิดาก็น่าจะคาดเดาอะไรได้บ้าง เธอรวบรวมความกล้าหาญพลันพยักหน้า และเดินไปทางด้านหน้าตามฝีเท้าของนิวรา
โดยเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยที่กำลังว่างอยู่ห้องหนึ่ง นิวราไม่พูดพร่ำทำเพลง พลันล็อกประตูห้องทันที
ญาธิดายืนอยู่ทางด้านข้าง ด้วยความรู้สึกสมองเบลอไปหมด “คุณนิวนี่คุณกำลัง…”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” นิวรายิ้มให้เธอ “กลัวว่าจะไปรบกวนคนอื่นก็เท่านั้นเองค่ะ”
เธอพูด พร้อมทั้งเดินเข้ามาด้านในห้องพักผู้ป่วย สีหน้าเฉยเมย จนมองไม่ออกว่ามีความรู้สึกอย่างไร
จู่ๆ เธอก็หันหลังกลับมา พลางคลี่ยิ้มให้ญาธิดาพลันกล่าวพูดออกมา “ช่วงนี้ขอบคุณที่คุณคอยเป็นห่วงเป็นใยและคอยดูแลพี่วินให้นะคะ”
เธอพูด และหยุดพูดกะทันหัน “ความจริงฉันรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพี่วินก่อนหน้านี้”
เมื่อเธอพูดคำพูดนี้ออกมา สีหน้าญาธิดาเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอรู้เรื่องนี้ทั้งหมด อีกทั้งยังสารภาพโดยพูดออกมาตามความจริง
ในขณะนั้น เธอยิ่งไม่สบายใจกว่าเดิม ซึ่งไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับนิวราอย่างไรมากขึ้น “ฉัน…”
เธอพูด และหยุดพูดกะทันหัน “ความจริงฉันรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพี่วินก่อนหน้านี้”
นิวรายื่นมือออกมา พลางตบหัวไหล่เธออย่างแผ่วเบา น้ำเสียงปลอบใจ “อย่าคิดมากเลยค่ะ ฉันไม่ได้แสดงความหมายกล่าวโทษคุณเลย ในทางกลับกัน ฉันต้องขอบคุณคุณมากที่อยู่เป็นเพื่อนพี่วินในช่วงเวลาที่ฉันกำลังป่วยอยู่”
ญาธิดาชะงักเล็กน้อย เมื่อสบตาสีหน้าอันอ่อนโยนของนิวรา ในใจกลับรู้สึกละอายใจโดยที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี
แม้ว่าพูดกันตามตรง จู่ๆ เธอก็เข้ามาแทรกแซงความรู้สึกของนิวรากับภวินท์อย่างเต็มที่ ไม่คิดเลยว่ามาถึงจุดจบเธอกลับไม่ได้กล่าวโทษเธอสักนิด
“คุณนิว ขอโทษด้วยค่ะ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ” นิวรายิ้มให้อย่างไม่ใส่ใจ ทว่าวินาทีที่ญาธิดาก้มศีรษะลงนั้น นัยน์ตาเธอกลับฉายแววตาเย็นชาขึ้นมาแวบหนึ่ง
“ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ต้องขอบคุณคุณด้วย ถือว่าคุณเป็นคนช่วยชีวิตพี่วินเอาไว้ เราสองคนถือว่าชะตาต้องกันมากเลยค่ะ”
นิวรายิ้มให้ จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมา พลางเลิกเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวขึ้นเล็กน้อย จนเผยให้เห็นเอวคอดกิ่วอันขาวเนียนละเอียด
ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย โดยยังไม่เข้าใจว่าเธออยากจะทำอะไร พลางเห็นว่าเธอเลิกชายเสื้อขึ้นไปอีก บริเวณเหนือช่วงเอวขึ้นไปหนึ่งนิ้วมีรอยแผลเป็นอยู่
รอยแผลเป็นตรงช่วงเอวคอดอันขาวเกลี้ยงเกลาความยาวประมาณห้าเซนติเมตรเตะตา ญาธิดาย่นคิ้วเข้าหากัน “นี่คือ…”
นิวรายิ้มจางๆ “ก่อนหน้าฉันก็เคยรับมีดแทนพี่วิน นี่คือรอยแผลเป็นค่ะ”
เธอพูด พร้อมทั้งปล่อยชายเสื้อลง พลันกล่าวพูดคล้ายการหยอกล้อ “พอพูดรวมๆ ดูแล้ว พวกเราเคยช่วยชีวิตผู้ชายคนเดียวกันอย่างสุดชีวิต”
ญาธิดาได้ยิน ถึงขั้นเริ่มยิ้มไม่ออก
เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับนิวรา การที่เธอวิ่งไปขวางรถมันจะถือว่าเป็นเรื่องหนักหนาอะไรล่ะ?
มิน่าล่ะคนที่ภวินท์หวงแหนที่สุดก็คือนิวรา เธอเป็นคนใจกว้าง ผู้รากมากดี การอยู่ข้างกายเขามาตั้งหลายปี กระทั่งยังรับมีดแทนเขา ผู้หญิงแบบนี้ ผู้ชายคนไหนบ้างล่ะที่จะไม่หวงแหน?
ส่วนเธอ เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับนิวราแล้ว แม้เพียงเศษเสี้ยวยังเทียบไม่ติด
เมื่อเห็นเธอกำลังตกตะลึง นิวรายื่นมือออกไป พลันกุมมือของเธอเอาไว้ และพูดสื่อเจตนาความหมายลึกซึ้ง “ธิดา ความจริงฉันก็คิดว่าคุณเป็นเพื่อนมาตลอด คุณกับพี่วินจะเป็นยังไงมาก่อนฉันก็ไม่ซักไซ้ถามให้มากความ แต่คุณรู้มั้ยคะ ชีวิตนี้ความหวังอันใหญ่หลวงที่สุดของฉันก็คือการได้แต่งงานกับเขา ฉันหวังว่าต่อจากนี้เขาจะมีฉันเพียงคนเดียว คุณเข้าใจความหมายของฉันมั้ยคะ?”
เธอพูดอ้อมค้อม แต่ความหมายในคำพูดก็ชัดเจนที่สุดแล้ว ทำไมคนอย่างญาธิดาจะไม่รู้เรื่องล่ะ?
เธอกล้ำกลืนฝืนยิ้มให้เล็กน้อย พลางสบตานิวรา และพูดน้ำเสียงแผ่วเบา“วางใจได้เลยค่ะ เขาจะเป็นของคุณคนเดียว และจะเป็นตลอดไป”
เมื่อนิวราได้ยิน พลันเขยิบมาทางด้านหน้าด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง และอยากกางแขนออกเพื่อกอดเธอ “ขอบคุณนะคะที่คุณเข้าใจฉัน”
ต่อจากนั้นเธอพูดอะไรออกมา ญาธิดาก็ไม่ได้ยินอะไรเข้าหูอีกเลย เมื่อออกมาจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว เธอจึงออกมาจากโรงพยาบาลทันที ด้วยความรู้สึกหัวใจว่างเปล่า
เธอชัดเจนทุกอย่าง นิวราพูดคำพูดเช่นนี้กับเธอ ถือว่าไว้หน้าเธอที่สุดแล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นความรู้สึกเคอะเขินที่จะพบกับคนเก่าหรือคนในปัจจุบัน โดยที่ไม่ได้ให้ความหมายในการเยาะเย้ยอย่างชัดเจน เธอใช้วิธีการที่อ่อนโยนที่สุดในการตักเตือนให้เธอคอยรักษาระยะห่างกับภวินท์
ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอ เกรงว่าก็จะไม่แสดงลักษณะท่าทางเฉกเช่นนิวราละมั้ง? ที่แท้ที่ภวินท์เลือกเธอ ถือว่ามีเหตุผลจริงๆ
ความเศร้าโศกแผ่ซ่านขึ้นมาในหัวใจ ญาธิดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โดยต้องการโทรหาอัญมณี เพื่อเป็นการระบายความรู้สึกของตนเองลงบ้าง
เมื่อทางนั้นกดรับสายแล้ว เธอจึงพูดพล่ามออกมาทันควัน “อันอัน คืนนี้ไปกินเหล้าด้วยกันมั้ย?”
เสียงปลายสายเงียบอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็มีเสียงชายหนุ่มสอบถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยปะปนออกมา “ธิดา คุณเป็นอะไรไป?”
ญาธิดาได้ยิน พลันตื่นตัวทันที เมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงของธีทัต จึงรีบถามทันควัน“เอ่อคือ… อันอันละคะ?
ธีทัตตอบอย่างไม่รีบไม่ร้อน “เธอไปห้องน้ำ แล้วคุณเป็นอะไร? ทำไมอยู่ดีๆ ถึงอยากจะไปดื่มเหล้าขึ้นมาได้ล่ะ?”