ดวงใจภวินท์ - บทที่ 234 พบแองจี้อีกครั้ง
“ขอเพิ่มอีกแก้วค่ะ!”
อัญมณีดันแก้วเหล้าเปล่าไปทางด้านหน้า และยิ้มแฉ่งให้กับบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อหน้าเคาน์เตอร์
นี่เป็นแก้วที่สามที่เธอดื่มไปแล้ว
ญาธิดาเห็นเหตุการณ์แล้ว เกิดลางสังหรณ์อยู่ในใจ จึงรีบคว้ามือของเธอจับไว้ทันควัน พลันพูดกับหนุ่มหล่อทันที “ไม่ต้องแล้วแหละ แกจะเมาแล้ว”
ถ้าขืนปล่อยให้เธอได้ดื่มหนำตามอำเภอใจ เกรงว่าเธอจะเริ่มออกอาการเมาจากฤทธิ์เหล้า
“ธิดา อย่าห้ามฉันนะ แกก็ให้ฉันกินได้หนำใจสักทีเถอะ!”
อัญมณีพูดต่อ ศีรษะเอนพิงหัวไหล่ของญาธิดา และเริ่มพูดจีบปากจีบคอ “แกพูดมาสิ … ทำไมในหัวสมองของฉันมันคิดถึงแต่พายุวะ?”
ภายในสิบนาที นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้วที่ญาธิดาได้ยินเธอเอ่ยถึงชื่อนี้
ญาธิดาก้มศีรษะลง จงใจพูดตีเสียงเคร่งขรึม “อันอัน ฉันไม่อยากจะว่าแกเลย ทั้งๆ ที่แกชอบคนเขาอยู่แล้ว ทำไมต้องปฏิเสธด้วยล่ะ?”
“ใครจะชอบเขาล่ะ! ฉันเปล่านะ!”
อัญมณีโบกมือปฏิเสธ พลันพูดอย่างสับสน “แกพูดมาดิว่าทำไมครั้งที่แล้วเขาถึงแตะอั๋งฉัน? แถมไม่พูดให้แน่ชัด เขาเห็นว่าฉันเป็นตัวอะไร?”
“ยังมีอีกนะ ถึงแม้จะเป็นการสารภาพรักกันแล้ว ก็ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้นี่นา ฉันเป็นผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวคนหนึ่ง ไม่ใช่พวกปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนั้นนะ!”
“……”
ญาธิดามองอัญมณีที่เขยิบจนแนบชิดกับร่างกายของตนเองคอยบ่นพึมพำไม่หยุดปาก ก็รู้ว่าเธอเมาแอ๋อีกแล้ว
แต่ว่าตั้งแต่เธอหลุดปากพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาแล้ว เธอก็พอจะเดาอะไรได้บ้าง
ครอบครัวของตระกูลกรเวชพื้นเพก็ไม่เลว อัญมณีถูกพ่อแม่พี่ชายเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เล็ก จากนั้นเดินทางไปศึกษาต่อทางด้านเพลงที่ต่างประเทศมาสักระยะ และประสบผลสำเร็จจนมีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าโดยปกติเธอจะเป็นคนใจใหญ่ใจโต แต่เธอเองก็มีความภาคภูมิใจในตัวเธอเช่นกัน
ถึงอย่างไรเธอในฐานะเป็นเพื่อนสนิทของเธอ รู้ดีว่าอัญมณีเป็นคนที่ต้องการกับความรักที่สมบูรณ์แบบ และยิ่งไม่มีวันเอาความหวั่นไหวและความกำกวมในเวลานั้นมาคิดว่ามันคือความรักใคร่
สิ่งที่สำคัญกว่า ในสถานการณ์ที่พายุไม่ได้แสดงเจตจำนงที่ชัดเจนออกมาเป็นที่แน่ชัด
ญาธิดาส่ายหน้าไปมา พลางแอบถอนหายใจ
ในเวลานั้นเอง พลันมีเสียงของหญิงสาวดังขึ้นมาทางด้านข้าง “เอ๋ นี่อัญมณีใช่มั้ย? อกหักมาเหรอ?”
ญาธิดาหันศีรษะกลับไปมอง พลางเห็นแองจี้มายืนอยู่ด้านหลังของพวกเธอโดยที่ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหน ในมือถือแก้วเหล้าเอาไว้ และแสดงอาการเหล่ตามองพวกเธออย่างได้ใจ
ญาธิดาขาดสติจนตอบสนองกลับไม่ทัน ใครจะรู้ว่าจู่ๆอัญมณีที่อยู่ข้างกาย ก็รีบพรวดพราดผุดลุกขึ้นมาอย่างตกใจ พลางหันศีรษะกลับไปสบตาแองจี้ด้วยความโกรธเคือง พลันพูดโดยที่ไม่มีท่าทียอมอ่อนข้อให้ “แกนั่นแหละที่อกหัก!”
แองจี้ส่งเสียงพึมพำในลำคอ แววตาฉายอาการเยาะเย้ยออกมา พลันหัวเราะเสียงเย็นชา “ฉันนั่งอยู่ทางด้านนั้น ห่างขนาดนั้นยังได้ยินคนร้องห่มร้องไห้ เลยรู้สึกว่าดูคุ้นๆ เลยเดินมาดูหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแก? อะไรนะที่พูดว่าชอบหรือไม่ชอบ จนฉันได้ยินชัดเต็มสองรูหู”
เธอแสดงท่าทางจองหองเหนือคนอื่น คำพูดคำจาก็ตั้งใจคอยทิ่มแทงก้นบึ้งหัวใจของอัญมณี เมื่อได้ยินแล้วมันเสียดแก้วหูจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ
ญาธิดาย่นคิ้วหากัน เกรงว่าอัญมณีจะสบถด่าออกมาเหมือนครั้งที่แล้ว จึงเอามือคว้าแขนของเธอเอาไว้ พลันกระซิบพูดเพื่อเกลี้ยกล่อม “อันอัน เรากลับกันเถอะ?”
อัญมณียังไม่ทันตอบ เสียงแองจี้ดังขึ้น จึงเหล่ตามองเธออย่างดูถูกดูแคลน “ทำตัวเป็นเต่าหัวหดอยู่ในกระดองแล้ววิ่งหนีเตลิดเหมือนครั้งที่แล้วงั้นสิ? น่าตลกชะมัด!”
“แกพูดว่าอะไรนะ!”
อัญมณีโกรธจนจ้องตาเขม็ง พลันลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งทรงสูงทันที พลันเริ่มง้างมือและเตรียมเดินไปทางด้านหน้า
แองจี้เห็นเหตุการณ์ ไม่เพียงแต่ไม่ยอมหลบหลีก ในทางกลับกันกลับถลึงตาโตใส่อย่างบ้าคลั่ง และยืดอกพูด “อยากตบฉันเหรอ? อัญมณี นี่แกไม่เคยได้ยินคำคำหนึ่งเหรอ? ไม่ดูสารรูปตัวเอง!”
อัญมณีได้ยิน ถึงกลับโกรธหนักกว่าเดิม อาศัยฤทธิ์เมาเหล้า เกลียดจนอยากจะตบสั่งสอนผู้หญิงบ้าคลั่งที่อยู่ด้านหน้าสักยก
ญาธิดาเห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีแล้ว จึงยื่นมือออกมาคว้าตัวเธอเอาไว้ “พอเถอะอันอัน!”
เธอเอาตัวมาขวางทางด้านหน้าอัญมณี และทำหน้าเคร่งเครียดพลางมองมาที่แองจี้ “คุณแองจี้ ขอโทษทีค่ะ อันอันดื่มหนักจนเมาแอ๋ ฉันจะพาเธอออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เธอพูด พร้อมทั้งประคองอัญมณีเพื่อเตรียมจะออกไป
แองจี้ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ แววตาดูถูก พลันคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว ยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม จนทำเสียงแข็งอย่างอดใจไม่ไหว “เรื่องของฉันกับอัญมณี แกเข้าสอดทำไม? แค่รู้สึกว่าตนเองเก่งมากใช่มั้ย? ก็อีแค่กิ๊กของภวินท์! แกทำเหมือนคนอื่นเขาไม่รู้งั้นแหละ!”
หลังจากเกิดการทะเลาะตั้งแต่ครั้งนั้นกันแล้ว เธอกลับมาแล้วก็ให้คนไปตรวจสอบเรื่องญาธิดาอย่างละเอียด เพราะรู้สึกว่าเธอกับภวินท์สนิทสนมกันมาก บวกกับเธอรู้จักนิวรา รับรู้ถึงความสัมพันธ์นิวรากับภวินท์ จึงสรุปความจนมั่นใจได้ว่าเธอเป็นคนรักลับๆ ของภวินท์
เมื่อได้ยินแองจี้พูดออกมาแบบนี้ ญาธิดาตะลึง ใจสั่นเล็กน้อย
ที่แท้ในสายตาของคนอื่น เธอกับภวินท์มีความสัมพันธ์กันแบบนี้เองเหรอ?
เธอกัดฟันไว้แน่น ยังไม่ทันได้พูดออกจากปาก จู่ๆ อัญมณีที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งตัวมาทางด้านหน้า “แองจี้ มึงพูดเหี้ยอะไรออกมา!”
หลังจากเกิดการทะเลาะตั้งแต่ครั้งนั้นกันแล้ว เธอกลับมาแล้วก็ให้คนไปตรวจสอบเรื่องญาธิดาอย่างละเอียด เพราะรู้สึกว่าเธอกับภวินท์สนิทสนมกันมาก บวกกับเธอรู้จักนิวรา รับรู้ถึงความสัมพันธ์นิวรากับภวินท์ จึงสรุปความจนมั่นใจได้ว่าเธอเป็นคนรักลับๆ ของภวินท์
ถึงแม้อัญมณีจะเมา แต่ว่าสามารถฟังคำสาดเสียเทเสียได้เข้าใจ ซึ่งในตอนนี้ไม่เพียงแต่รังแกเธอ แถมแองจี้ยังพูดไม่น่าฟังแบบนี้กับธิดาอีก แล้วเธอจะกล้ำกลืนความโกรธเคืองเช่นนี้ลงคอได้ยังไง?
แองจี้ถูกเธอคว้าเสื้อทันที จนเหล้าในมือกระเด็นหกรดลงพื้น และกระแอมอยู่หลายครั้ง “อีนี่…อัญมณีมึงปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
อัญมณีอารมณ์ร้อนทันที ดวงตาแดงก่ำ แต่ไม่ยอมปล่อยมือ “ขอโทษ! แกต้องขอโทษธิดาซะ!”
ญาธิดาที่อยู่ด้านข้างไม่คาดคิดมาก่อนว่าอัญมณีจะปรี่เข้าหาเช่นนี้ เธอถึงขั้นยื่นมือออกมาทันควันและมองอัญมณี “อันอันพอแล้ว! ฉันไม่เป็นไร! พวกเรากลับกันเถอะ!”
การถกเถียงกันของผู้หญิงทั้งสามคนทำให้ภายในร้านเหล้าที่ไม่ได้เสียงดังมากที่มีมาแต่เดิมกลายมาเป็นจุดโดดเด่นเป็นพิเศษ เวลานั้น สายตาของทุกคนต่างเหลือบมองมาทางพวกเขา
บาร์เทนเดอร์ที่อยู่ในเลาจน์เคาน์เตอร์เห็นสถานการณ์ผิดปกติไป จึงรีบออกมาเกลี้ยกล่อมห้ามทัพทันควัน ใครจะไปรู้ว่าแองจี้กร่างขึ้นมาทันที พลันถลึงตาใส่ “อัญมณีแกมันบ้า! รีบปล่อยมือฉันนะ!
อัญมณีกำลังโกรธจนหัวร้อน พลันกัดฟันพูด “แกนะสิที่บ้า! ใครให้แกสะเออะมาหาเรื่องพวกเราอยู่ตลอดเวลา!”
ซึ่งโดยปกติแองจี้เป็นคนนิสัยเสียเพราะถูกตามใจ แถมถูกเอาใจจนยกไว้เหนือหัวสูงส่งกว่าใครๆ ย่อมทนรับกับความโกรธแบบนี้ไม่ได้ เธอกัดฟัน ความโกรธเคืองมันพุ่งขึ้นหัวจึงชูมือขึ้นโดยพุ่งมายังใบหน้าของอัญมณีทันที
วินาทีวิกฤตนั้น ญาธิดาพุ่งเข้ามาทางด้านหน้า และดึงอัญมณีมาอยู่ทางด้านหลัง
“เพี๊ยะ!”
เสียงตบหน้าดังลั่น แรงตบกระทบลงบนแก้มเธออย่างสุดกำลัง วินาทีนั้น ร่างกายของคนหลายคนต่างยืนแน่นิ่งอยู่กับที่
ญาธิดาเจ็บจนสูดลมหายใจเย็นๆ เข้า พลางย่นคิ้วหากัน และช้อนสายตามองแองจี้อย่างเซ่อซ่า “พอใจหรือยัง?”
แองจี้กะพริบตา พลันได้สติกลับมาทันที เธอถอยหลังไปครึ่งก้าว นัยน์ตาฉายความตื่นตระหนกออกมา “ใคร..ใครใช้ให้แกพุ่งหน้าเข้ามาขวางวะ?”
คนที่เธอต้องการจะตบก็คืออัญมณี ไม่ใช่เธอ
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าแรง หัวใจเริ่มอึดอัด แววตาเธอจับจ้องมองผู้หญิงทางด้านหน้า “ฉันพุ่งเข้ามารับไว้เอง ฉันไม่โทษคุณหรอก แต่ถ้าให้ฉันได้ยินคำพูดเพ้อเจ้อออกจากปากของคุณอีก ฉันจะกลับมาเอาคืน!”
การที่เธอเป็นคนไม่ตอบโต้ พวกเขาจึงคิดว่าเธอเป็นลูกไก่ในกำมือเหรอไง?
แองจี้เองก็ไม่คิดว่าญาธิดาจะกลายเป็นคนแข็งข้อขึ้นมาอย่างกะทันหัน สีหน้าเธอฉายแววความหดหู่ออกมา พลันเหล่ตามองอัญมณีทางด้านข้าง และอ้าปากเพื่อต้องการจะพูดอะไรออกมา
ทว่าใครจะรู้อยู่ดีๆ ญาธิดาก็ไม่มองหน้าเธออีกเลย แถมยังดึงตัวอัญมณี และหันหลังให้แล้วเดินออกไปทันที
เธอยืนอยู่ที่เดิมสามวินาที จากนั้นถึงได้สติกลับมา พลันส่งสายตาให้ผู้คนที่กำลังใช้สายตาถามไถ่ จึงโกรธจัดจนกัดฟันเอาไว้
ญาธิดาคนนี้ ถือว่าเกรี้ยวกราดจริงๆ! ถึงได้กล้าพูดกับเธอแบบนี้!
ช้าเร็วก็ต้องมีสักวัน ที่เธอต้องสั่งสอนเธอว่าจะเป็นคนแบบไหน!
ญาธิดาประคองอัญมณีออกจากร้านเหล้า ซึ่งทำหน้าหม่นหมองจนคนตกอกตกใจตลอดทาง
อัญมณีหมดอารมณ์ตั้งแต่แรกแล้ว พร้อมทั้งชูมือขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อสัมผัสใบหน้าของญาธิดา และเริ่มบ่นกระปอดกระแปด “ธิดา เจ็บมั้ย?”
ญาธิดาย่นคิ้ว ตีหน้าหม่นหมองไม่พูดไม่จา และเดินหน้าต่อ
“ธิดา อันอัน?”
จู่ๆ ทางด้านข้างก็มีเสียงดังขึ้น ธีทัตรีบเร่งฝีเท้ามาหาพวกเธอ เมื่อเห็นเหตุการณ์ผิดปกติ พลางอ้าปากถาม “เกิดอะไรขึ้น?”