ดวงใจภวินท์ - บทที่ 246 รีบแต่งงานกับเขา
หมอกรณ์พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรมากอีก
ภวินท์กระซิบพูด “ผมจะไปดูเธอสักหน่อยครับ”
พูดจบ เขาก็หันหลังให้ และเดินขึ้นชั้นสอง พร้อมทั้งเดินไปยังห้องของนิวราอย่างช้าๆ
ด้านหน้าประตู ก็มีคนรับใช้คอยเฝ้าอยู่ เมื่อเห็นว่าเป็นเขา ก็รีบทักทายเสียงเบาทันที “สวัสดีค่ะคุณภวินท์”
ภวินท์ค่อยๆ พยักหน้า พร้อมทั้งพูดจาเสียงปกติ “คุณไปบอกกับคุณลุงไว้ก่อน ผมจะขอเยี่ยมนิวก่อน อีกสักพักก็จะแวะไปสวัสดีเขา”
บ่าวไพร่เข้าใจความหมาย จึงพยักหน้าและก้าวเท้าเดินจากไป
เมื่อผลักบานประตูห้องเข้าไป แสงมืดหม่นภายในห้อง และเปิดไฟติดกำแพงสีส้มอ่อน จนส่องสว่างให้มองเห็นภายในห้องอย่างคลุมเครือ
ภวินท์เดินมาอยู่ข้างเตียง จึงจ้องมองใบหน้าซีดเผือดของหญิงสาวที่ซุกอยู่ในผ้าห่ม จนมีความรู้สึกละอายใจถาโถมอยู่ในหัวใจ
ก่อนหน้าเขาได้ตกลงกับเธอ รอจนอาการป่วยหายจนใกล้จะหายดี จะจัดงานแต่งงานฉลองอันยิ่งใหญ่ที่เธอมิอาจลืมเลือนได้ในชีวิตนี้ ซึ่งช่วงนี้เธอได้บอกใบ้เป็นนัยให้ตั้งหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็แสดงอาการต่อต้านอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อยืนนิ่งอยู่กับที่สักพัก เขาก็เตรียมจะหันหลังเดินจากไป จู่ๆ คนที่นอนอยู่บนเตียงก็เริ่มขยับตัว และค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
เมื่อมองเห็นเขา แววตานิวราทอประกายความแปลกใจออกมาเล็กน้อย “พี่วิน?”
เธอลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นเต้น และยื่นมือไปคว้ามือข้างหนึ่งของเขาเอาไว้อย่างไม่ลังเล “อย่าไปไหนนะ…”
ภวินท์หลุบตาต่ำ จึงมองเห็นท่าทางความน้อยใจและอาการไม่อยากให้ไปแสดงออกมาทางสีหน้าของหญิงสาว จนหัวใจอ่อนยวบยาบ
เขาเบาเสียง และพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “วางใจเถอะ พี่จะอยู่เป็นเพื่อนนิวเอง”
“จริงเหรอคะ?” นิวราซักถามอย่างตื่นเต้น แต่ครุ่นคิดไปอีกอย่าง แววตาก็หม่นหมองลง เธอกางแขนกอดช่วงเอวของภวินท์เอาไว้ น้ำเสียงฉายความน้อยใจออกมา “พี่วิน นิวยังคิดว่าพี่จะไม่ต้องการนิวแล้ว…”
ในเวลานั้น ภวินท์ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจได้ ซึ่งในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในความมืดหม่นที่สุด นิวราอยู่ข้างกายและเธอคอยดูแลเขามาโดยตลอด ทว่าตอนนี้ เขากลับให้ความรู้สึกความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่สุดกับเธอไม่ได้
เขาก้มหน้า และยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเธอ จากนั้นก็พูดเสียงแผ่วเบา “ไม่มีทางอย่าคิดให้มากเลย”
นิวราได้ยิน รู้สึกดีใจมาก แต่ยังสูดจมูก และเงยหน้าจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า “แล้วทำไมวันนี้พี่ถึงไม่มากินข้าวที่บ้านของเราล่ะคะ พี่ตกลงกับนิวไว้แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
ซึ่งไม่รอให้ภวินท์ได้ตอบคำถาม เธอเบาเสียงลง ในเสียงเผยให้เห็นความไม่สบายใจ จากนั้นจึงพูดต่อ “พี่คงไม่รู้ว่าวันนี้คุณพ่อจะเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานแล้ว พี่ก็เลย…”
เมื่อสบตากับดวงตาอันน่าสงสารคู่นั้นของหญิงสาว หัวใจภวินท์บีบรัด และพูดปฏิเสธตามสัญชาตญาณ “ไม่ใช่ อย่าคิดเองเออเองสิ”
จากนั้น เขาก็ชูมือขึ้น เพื่อปัดบริเวณหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน “มีเรื่องด่วนจริงๆ คราวหน้าจะไม่เป็นแบบนี้แล้วครับ”
มือนิวราที่กกกอดอยู่ตรงช่วงเอวของเขากอดแน่นขึ้นเรื่อย “งั้นก็ดีค่ะ นิวยังคิดว่าพี่วินจะไม่ยอมแต่งงานกับนิวแล้วค่ะ…”
“วางใจได้เลย เรื่องที่ตกลงกับเธอเอาไว้พี่จะต้องทำให้ได้”
ในตอนแรกเขาได้ตกลงกับนิวราเอาไว้ ก็ต้องทำได้ตามที่พูดอย่างแน่นอน
เมื่อเอาอกเอาใจอยู่นาน ในที่สุดนิวราก็เชื่อมั่น และห่มผ้าห่มจนหลับสนิท เขาถึงได้หันหลังและเดินออกจากห้องพัก
แม้ว่าปากเขาจะพูดว่าต้องแต่งงานกับเธออย่างแน่นอน แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกประหลาดอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เมื่อลงบันไดมา จนถึงชั้นหนึ่ง ภวินท์ก็มองเห็นชนัดพลที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา นัยน์ตาเคร่งขรึมลง เขารีบย่างฝีเท้าเดินตรงไปทางด้านหน้าทันควัน
“คุณลุงครับ”
ชนัดพลได้ยิน จึงเงยศีรษะขึ้น ดวงตาดั่งเหยี่ยวคู่นั้นปะปนด้วยความเย็นชา ไม่เก็บอาการสักนิด “วิน มานั่งสิ”
ภวินท์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขา จากนั้นก็มีบ่าวไพร่เข้ามาเสิร์ฟน้ำชาให้อย่างทันควัน
รอจนบ่าวไพร่ถอยออกไปแล้ว ชนัดพลอัดบุหรี่เข้าปอด และตอบน้ำเสียงปกติ “เยี่ยมนิวเสร็จแล้วเหรอ?”
ภวินท์ตอบกลับด้วยท่าทางเรียบเฉย “อืม เธอหลับแล้ว”
ชนัดพลเหมือนว่าไม่สนใจคำว่า “อืม” ที่หลุดออกมาจากปาก ในมือที่คีบบุหรี่เอาไว้ และเขี่ยเศษบุหรี่ออก “วันนี้ทำไมไม่กินข้าวด้วยกัน”
ครั้งนี้เขาตั้งใจให้นิวรานัดภวินท์มาที่บ้าน ตอนแรกเขาก็คิดไว้ดีแล้วว่าจะพูดเรื่องแต่งงานว่ายังไงดี ซึ่งไม่คิดเลยว่าเขาจะหักหน้าไม่มาตามที่นัดไว้!
ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นหัวตระกูลวรโชติเลย และไม่เอานิวของพวกเราไว้ในสายตา เรื่องนี้เขาจะอดทนต่อไปยังไง?
ภวินท์กล่าวพูดน้ำเสียงสบายๆ “มีธุระด่วนนิดหน่อย”
“ธุระด่วน?” ชนัดพลมองผู้ชายที่อยู่ตรงข้าม ผ่านควันบุหรี่ที่ห้อมล้อม นัยน์ตาเย็นเฉียบแหลมคมมากขึ้น ทว่าปากกับเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องด่วนที่ว่าคือเรื่องอะไร?”
ตกลงว่ามันมีเรื่องด่วนอะไรกันที่มันสำคัญไปกว่าการพบปะพูดคุยเรื่องแต่งงานที่บ้านตระกูลวรโชติ?
แววตาภวินท์ชะงักชั่วครู่ จนฉายแววตาหมดอารมณ์ออกมา “ไม่มีอะไร”
เขาพูด พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้น เพื่อสบตากับชนัดพล “คุณลุงครับ วันนี้ผมผิดนัดเอง เอาไว้วันอื่นผมจะมาขอโทษที่บ้านด้วยตัวของผมเอง วันนี้ดึกมากแล้ว ผมควรขอตัวกลับได้แล้วครับ”
ชนัดพลพยักหน้า พลันลุกขึ้นยืน “ฉันออกไปส่งแก”
ตอนที่ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตู เขาก็มองภวินท์ที่อยู่ด้านข้าง จึงอ้าปากถามไถ่ทันที “ช่วงนี้ยัยนิวได้เอ่ยเรื่องงานแต่งของพวกแกกับลุง ลุงรู้สึกว่าได้เวลาแล้ว แกมีความคิดอะไรมั้ย?”
แววตาภวินท์ถลำลึก ริมฝีปากบางเม้มจนเป็นเส้นขีด น้ำเสียงเคร่งขรึมหนักขึ้น“เรื่องงานแต่งผมมีวิธีจัดการของผมเอง คงไม่ต้องให้คุณลุงต้องพลอยเหนื่อยใจหรอกครับ”
ชนัดพลได้ยิน ได้แต่พยักหน้า แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก
เมื่อเขาขึ้นรถ และออกมาจากบ้านตระกูลวรโชติ สีหน้าของภวินท์ก็หม่นหมองลงตลอดทาง
เขาเข้าใจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างชนัดพลดี เขาแค่หวังผลประโยชน์ เพื่อผลประโยชน์ก็สามารถทำอะไรได้ทั้งนั้นโดยให้นิวราตกล่องปล่องชิ้นแต่งงานกับเขา ก็แค่เพราะว่าการแต่งงานของตระกูลวรโชติกับตระกูลสถิรานนท์จะนำพาผลประโยชน์มากมายมหาศาลมาให้เขาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
รถยนต์ทะยานเข้าสู่ถนนสายหลัก เขายกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว และหลับตาพักสักระยะ
วันนี้ทั้งวันเกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมายเหลือเกิน เขาต้องสงบสติให้ได้เพื่อจัดการเรื่องต่างๆ จริงๆสักหน่อย
ซึ่งในเวลาเดียวกัน ภายในบ้านพักตระกูลวรโชติ
ชนัดพลพ่นลมเย็นชาออกมา และเอาบุหรี่ที่เพิ่งสูบได้แค่ครึ่งมวนบี้ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ สีหน้าดูถูกเหยียดหยามปรากฏบนสีหน้า
ในเวลานี้เอง ทางบันไดมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น นิวราเดินลงมา คอยชะเง้อมองประตู“พ่อ พี่วินกลับไปแล้วเหรอ?”
ชนัดพลได้ยิน ได้แต่ตอบรับไปอย่างไม่สบอารมณ์ “อืม”
จากนั้น เขาก็เงยหน้ามองนิวรา และพูดด้วยเสียงเย็นเฉียบ “เขาพูดอะไรกับแกบ้าง?”
นิวราเดินมาอยู่ตรงหน้าเขา และนั่งลงบนโซฟา แววตาฉายความยินดีออกมาจนปิดไม่มิด “พี่วินพูดว่าเขาจะขอหนูแต่งงาน”
ชนัดพลมองลูกสาวที่กำลังแสดงท่าทางภาคภูมิใจที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาก็อดทำเสียงฮึดฮัดเย็นชาใส่ไม่ได้ “เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะแอบสอบถามเขามา เขาพูดว่าเขาจะจัดการเอง ใครจะไปรู้ว่าเขาจะจัดการตอนไหนล่ะ?”
นิวรารอได้ แต่เขารอไม่ได้ ซึ่งตอนนี้บริษัทวรโชติขาดทุนย่อยยับอยู่ไม่น้อยกับเรื่องของปริญที่เกิดขึ้นในครั้งที่แล้ว สถานการณ์ไม่สู้ดี ถ้าภวินท์ไม่ขอนิวราแต่งงานอีก เกรงว่าบริษัทก็จบเห่แล้ว!
ซึ่งนิวราไม่ได้คิดไปตามนั้น จึงกระซิบพูดทันที “พ่อ อย่าเพิ่งร้อนใจไป! พี่วินยอมตกลงกับหนูแล้ว ต้องทำได้ตามที่พูดแน่!”
ชนัดพลพูดอย่างไม่พอใจ “แกคิดในแง่บวก แกรู้มั้ยว่าวันนี้ภวินท์ไปทำอะไรมา! อย่าดูถูกผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายเขา ขืนแกไม่ใส่ใจต่อไป เมื่ออ้อยมันเข้าปากช้างจะแก้ไขยังไงก็แก้ไขไม่ทันแล้ว!”
เมื่อพูดคำพูดเหล่านี้จบ สีหน้านิวราเปลี่ยนไปทันที เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าภวินท์ไปที่ไหนมา และไปทำอะไร ตั้งแต่ตอนบ่ายหลังจากที่เธอโทรศัพท์หาภวินท์และโดนตัดสายทิ้ง เธอก็ส่งคนออกไปตรวจสอบเรื่องนี้ทันที!
เธอว่าจ้างนักสืบคอยถ่ายรูปให้เธอ ภายในรูปนั้นปรากฏภวินท์กับญาธิดาไปโรงพยาบาลพร้อมกัน! ต้นเหตุเพราะบิดาของญาธิดาได้รับการผ่าตัด เขาก็เลยต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอ!
หรือว่าในใจของเขานั้น เธอยังไม่สามารถเทียบเคียงกับผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย!
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งเดือดดาล และรู้สึกห่อเหี่ยวพร้อมกัน จึงรีบหันหน้ามามองชนัดพลทันควัน และถามอย่างกระวนกระวายใจ “พ่อ งั้นควรจะทำยังไงดีคะ?”
น้ำเสียงชนัดพลพูดอย่างแน่วแน่ “รีบแต่งงานกับเขาซะ! แต่งงานกันแล้ว หัวใจของผู้ชายจะได้ยับยั้งชั่งใจเอาไว้บ้าง!”
เมื่อได้ยินเขาพูดออกมาเช่นนี้ นิวราเองก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
ไม่ผิด ตราบใดที่เธอแต่งงานกับพี่วินของเธอแล้ว ผู้หญิงคนอื่นจะมีสิทธิ์อะไรล่ะ?
อีกอย่าง ถ้าอยากให้ภวินท์รีบแต่งงานกับเธอเร็วๆ ใช่ว่าเธอจะไร้วิธีนี่นา