ดวงใจภวินท์ - บทที่ 274 ต่อให้เขาเป็นคนยากจน
บทที่ 274 ต่อให้เขาเป็นคนยากจน
ด้านนอกรถ ญาธิดาเลื่อนหารูปถ่ายใบขับขี่อิในโทรศัพท์มือถือ ต้องยืนยันด้วยความซื่อสัตย์ต่อเจ้าหน้าที่หลายครั้ง ถึงจะโดนปล่อยตัว
เธอถอนหายใจออกยาวๆ เมื่อขึ้นรถ มองไปที่นิวราที่นั่งด้านหลัง พูดเบาๆว่า “ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณรอนาน”
นิวราขยับริมฝีปาก ยิ้มแบบไม่สะทกสะท้านว่า “ ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้รีบสักหน่อย”
ขณะที่พูด แววตาหล่อนเป็นประกายระยิบระยับ
หลังจากที่ขึ้นรถ ญาธิดาสตาร์ทรถ ขับต่อออกไป ตอนที่ผ่านคริสตัล เซ็นเตอร์ก็จอดรถข้างทาง เพื่อให้นิวราลงจากรถ
นิวราส่งยิ้มหวาน โบกมือให้เธออยู่ข้างถนน “ ขอบใจนะธิดา แล้วเจอกัน”
ญาธิดายิ้ม หลังจากบอกลาหล่อนเรียบร้อยแล้ว ถึงจะขับรถออกไปด้านหน้า
เมื่อขับมาถึงทางแยก ถ้าตอนนี้เธอเงยไปดูกระจกหลังสักนิด จะเห็นว่ามีรถหนึ่งคนจอดอยู่ข้างถนน และนิวราที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่มีความลังเล เปิดประตูรถและขึ้นรถทันที
เมื่อขึ้นรถ นิวรามองดูคนขับรถที่เป็นผู้ชายครู่หนึ่ง ยื่นโทรศัพท์ส่งให้เขา “ ส่งอันนี้ออกไป อย่าให้โจ่งแจ้งละ แต่ต้องส่งข้อมูลแผนธุรกิจที่ถูกเปิดโปงนี้ออกไป ”
ชายคนนั้นมีผิวดำคล้ำ รูปร่างผอมตัวเล็ก เมื่อเห็นเช่นนั้น เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ คุณหนู นี่เป็นแผนธุรกิจระหว่างSTN Groupกับไทเฮงกรุ๊ป คงเป็นเอกสารลับ คุณได้มายังไงครับ”
มือสองข้างของนิวรากุมไว้ที่หน้าอก กรอกตาขาวไปมาด้วยความรำคาญ “ แกไปสนใจว่าฉันได้มายังไง ให้แกทำแกก็ทำซิ ทำไมพูดจาไร้สาระขนาดนี้ ”
ชายคนนั้นยังคงลังเล “ ถ้าแผนธุรกิจถูกเปิดโปง ความร่วมมือของSTN Groupก็ล่มไปด้วย ภวินท์ไม่ใช่เป็นคนรักของคุณหนูหรอกเหรอ คุณทำแบบนี้ STN Groupก็เสียหาย……….”
นิวรากัดฟัน ขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกลังเล แต่เมื่อถึงหน้าใบนั้นของญาธิดา แค่เสี้ยววินาที ความลังเลความกังวลทั้งหมดก็ถูกทำลายด้วยความอิจฉาและความเกลียดชัง
หล่อนไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น แม้ว่าSTN Groupล้มละลาย สำหรับหล่อนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร สิ่งที่หล่อนต้องการ ก็แค่ภวินท์คนนี้ไม่เคยเปลี่ยน
เธอเป็นคู่แข่งจริงๆ ที่ผ่านมาอะไรๆก็ญาธิดา ก็แค่ลากเธอลงน้ำ พลีชีพสักหน่อยหล่อนไม่ได้สนใจหรอก
นิวราสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ถ้าภวินท์ตกอับ เป็นคนยากจน ฉันก็จะอยู่กับเขา ที่ฉันต้องการก็คือเขาคนนี้ อย่างอื่นฉันไม่สนใจทั้งนั้น”
เมื่อชายที่อยู่ข้างๆได้ยิน มองหญิงสาวด้วยสายตาพร่ามัวเล็กน้อย
สักพัก เขาก้มหน้าลง พูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวว่า “ขอแค่คุณหนูยินยอม ผมก็จะทำให้ครับ”
เมื่อนิวราได้ยิน ถึงกับเลิกคิ้ว ดูเป็นที่พอใจ“ นี่มันยังน้อยไป”
หล่อนยกมือเสยผม จู่ ๆก็คิดอะไรออกบางอย่าง หรี่สายตาเล็กน้อย พูดว่า “ เมื่อกี้ฉันให้แกหาวิธีดักรถของหล่อน เคลียร์เรียบร้อยแล้วยัง”
“ วางใจเถอะครับคุณหนู เรียบร้อยแล้วครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น นิวราจึงวางใจ ยกค้างขึ้น “ โอเค ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้าน ”
หลังจากผ่านไปยี่สิบนาทีกว่าๆ ญาธิดาขับรถมาถึงไทเฮงกรุ๊ป เธอหาที่จอดรถ หลังจากนั้นหยิบซองเอกสารเดินเข้าไปที่ห้องโถงของบริษัท เมื่อแจ้งกับพนักงานต้อนรับ พนักงานต้อนรับรีบต่อสายโทรศัพท์ทันที พูดอยู่สองประโยคก็วางสาย
“ คุณญาธิดา กรุณารอสักครู่นะคะ คุณฌอนกำลังลงมาค่ะ ”
“ ได้ค่ะ”
ญาธิดายิ้มกับหล่อน เดินไปนั่งรอที่มุมพักผ่อนที่อยู่ข้างๆ ไม่นาน ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อสูทสีดำเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
คนคนนั้นได้ใส่กรอบแว่นตาสีดำ ดวงตาคมชัด ดูสดใส เขามองหารอบๆ ไม่นานก็เจอเป้าหมาย จึงเดินตรงเข้ามาหาญาธิดา
เมื่อญาธิดาเห็นดังนั้น จึงรีบลุกขึ้นยืน หลังจากมองดูป้ายพนักงานที่หน้าอกของเขา และมั่นใจตัวบุคคลแล้ว เธอจึงยิ้มทักทายกับเขา “ สวัสดีค่ะ คุณฌอน”
คุณฌอนยิ้มมุมปาก หลังจากที่จับมือทักทายกับเธอแล้ว จึงพูดคุยประเด็นสำคัญทันที “ ทางคุณภวินท์ได้ส่งอีเมลแจ้งว่าส่งพนักงานนำแผนธุรกิจฉบับล่าสุดมาส่งให้ที่นี่ พวกเราทางนี้จำเป็นต้องปรึกษากันก่อน ถ้าเหมาะสมแล้วการประชุมในวันพรุ่งนี้จะมีการเซ็นสัญญาทันที”
ญาธิดาแสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พยักหน้ากับเขา และยื่นเอกสารด้วยสองมือ “ ได้ค่ะ นี่เป็นแผนธุรกิจค่ะ คุณรับไว้นะคะ”
“ รบกวนเลย”
ทั้งสองคนพยักหน้าให้กันและกัน พูดคุยด้วยความเกรงใจ ถึงจะแยกย้ายกัน
เมื่อออกมาจากไทเฮงกรุ๊ป ญาธิดาถอนหายใจโล่ง ไทเฮงกรุ๊ปแห่งนี้สมกับที่เป็นหนึ่งในธุรกิจขนาดใหญ่ของเมือง J จังหวะและแผนดำเนินธุรกิจของบริษัทลงตัวกันมากๆ
หลังจากที่แยกย้าย ญาธิดากลับมาถึงห้องทำงานของบริษัท หลังจากรายงานสถานการณ์กับภวินท์แล้ว ก็ทำงานที่อยู่ในมือต่อ
พริบตาเดียว ก็ถึงเวลาเลิกงาน ญาธิดากำลังจัดการกับตาราง จู่ ๆโทรศัพท์ก็สั่นสะเทือน เธอถึงกับตกใจ
เมื่อเห็นชื่อแสดงบนหน้าจอ ญาธิดากระตุกริมฝีปาก หันไปดูเวลา จึงรีบรับโทรศัพท์ทันที “ อันอัน แกนี่เฝ้ารอที่จะโทรหาฉันใช่ไหม”
เพิ่งจะเป็นเวลาเลิกงาน หล่อนก็โทรศัพท์มาพอดี ตรงเวลากว่านาฬิกาปลุกเสียอีก
เสียงปลายเสียงของอัญมณีเป็นน้ำเสียงที่แอบน้อยใจ “ แกเคยบอกว่าไม่ให้ฉันรบกวนแกในเวลางาน ฉันก็เลยไม่กล้าโทรหาแกได้ทันที ดังนั้นก็รอช่วงนี้แหละ”
หล่อนพูดด้วยความน้อยใจเป็นอย่างมาก ถ้าญาธิดาไม่รู้จักนิสัยของหล่อนจริงๆ ต้องถูกหล่อนครอบงำแน่ ๆ
เธอหัวเราะเบาๆ พูดว่า “ พูดมาเหอะ วันนี้มีเรื่องอะไร”
เสียงที่ไม่สดใสของอัญมณีดังมาจากปลายสายว่า “ อารมณ์ไม่ดี ไปกินหม้อไฟกันไหม”
แต่เดิมญาธิดาจะลองไปเยี่ยมดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีที่โรงพยาบาล แต่พอนึกถึงผ้าก๊อซที่แปะอยู่บนหน้าผาก ได้แต่ล้มเลิกความคิดนี้ เมื่อไตร่ตรองดีแล้วจึงพูดว่า “ อย่ากินหม้อไฟเลย ไปกินโจ๊กกันเถอะ ช่วงนี้รู้สึกอยากกินอาหารที่ไม่หนักท้อง”
ฝั่งอัญมณีก็ไม่คิดอะไร ตอบตกลงด้วยความเต็มใจ
เมื่อสองคนนัดเวลาและสถานที่กันแล้ว เป็นร้านโจ๊กที่พวกเขาไปบ่อยๆก่อนหน้านี้ ญาธิดานั่งตรงที่เดิมของพวกเขา ไม่นานอัญมณีก็มาถึง
อัญมณีเดินเข้ามาหา เพิ่งจะนั่งก็พูดแขวะการจราจรด้านนอกที่ติดขัดเหมือนน้ำขัง สายตาก็กวาดมาที่หน้าของญาธิดา ถึงกับตะลึง “ ธิดา แกบาดเจ็บเหรอ”
ญาธิดาเอียงศีรษะเล็กน้อย อยากจะลืมอดีตอันเลวร้ายให้ผ่านไป “ อืม เดินชนเพราะไม่ระวังนะ”
“ เดินชนเพราะไม่ระวังเหรอ ” อัญมณีหงุดหงิดเล็กน้อย “ แกโตป่านนี้แล้ว……”
เมื่อได้ยินอัญมณีเงียบไปพักใหญ่ ญาธิดาก็กลั้นหัวเราะ โจ๊กกับเครื่องเคียงก็มาเสิร์ฟ เธอหยิบช้อนส่งให้ญาธิดา “ พอแล้วพอแล้ว รอบนี้ฉันจำแล้วนะ ครั้งต่อไปจะระวัง”
เมื่อเห็นอาหารที่อยู่ตรงหน้า อัญมณีถึงกับหยุดพูด ไม่นาน ก็พูดถึงหัวข้ออื่นสองคนคุยกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อทานมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว เดินออกไปจากร้านโจ๊ก สองคนก็เดินเล่นไปด้วยคุยเล่นไปด้วย ในระหว่างที่เดิน ญาธิดาก็นึกถึงการแสดงการกุศลของอัญมณีในวันเสาร์นี้ จึงหันไปมองหล่อน “ อันอัน การแสดงวันเสาร์นี้ฉันอาจจะไปไม่ได้”
ก่อนหน้านี้เธอรับปากจะไปชมการแสดงเพื่อเป็นกำลังใจให้กัน แต่เธอเพิ่งจะย้ายมาทำงานที่สำนักงาน CEO วันเสาร์มีงานเลี้ยงยังต้องไปทำงานอีกด้วย กลัวว่าไม่สมควรจะลางาน
อัญมณียกมือขึ้นตบที่ไหล่เธอเบาๆ พูดหยอกล้อว่า “ ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็มีคนดูอยู่แล้ว”
ญาธิดาหัวเราะ จู่ ๆก็นึกถึงคำพูดเหล่านั้นของพายุ ทำตากะพริบกับอัญมณีและพูดว่า “ ไม่แน่แกไปถึงเมืองY อาจจะได้เจอผู้ชายที่ถูกใจ”
พายุพูดว่าจะหาอันอัน คงไม่ใช่แค่เป็นการพูดเล่นๆหรอกนะ