ดวงใจภวินท์ - บทที่ 285 เธอก็ต้องรับผิดชอบ
บทที่ 285 เธอก็ต้องรับผิดชอบ
เมื่อฟาดอีกปกรณ์ ก็ตะโกนอย่างเย็นชา “นับด้วย ทั้งหมด10ครั้ง!”
“เพี้ยะ!” ฟาดลงอย่างแรงอีกครั้ง
ภวินท์ขมวดคิ้ว น้ำเสียงเล็ดลอดออกมาจากช่องฟันที่กัดแน่น “สี่!”
“ห้า!”
ญาธิดายืนอยู่ตรงนั้น มองดูหลังที่เต็มไปด้วยรอยแผลยาวๆ มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ เลือดสีแดงเปื้อนหลังของชายหนุ่มไปทั้งตัว เนื้อเลือดก็เหวอะน่ากลัว
คุณย่าทนไม่ไหวแล้ว ยืนขึ้นอย่างสั่นๆ “กรณ์! แกจะตีหลายชายฉันให้ตายจริงๆเลยใช่ไหม!”
ปกรณ์เลือดขึ้นหน้า “ประเทศมีกฎหมาย ในบ้านก็ต้องมีกฎระเบียบ เขาไม่ใช่แค่หลานแม่ เขาก็เป็นลูกผมด้วย!”
เขาพูดพลางง้างมืออีกครั้ง แล้วฟาดลงอย่างจัง!
“เจ็ด!”
“แปด!”
คุณย่ายืนขึ้นอย่างเร็ว ยื่นมือเข้าไปห้าม “ปกรณ์หยุดตีเดี๋ยวนี้!”
ขืนฟาดต่อไปอีก ภวินท์ต้องแย่แน่ ตอนนี้ หน้าผากของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเหงื่อ ร่างกายที่พยายามอดทนไว้ก็สั่น ราวกับว่าถ้าฟาดลงไปอีกเขาได้สลบลงไปแน่
ปกรณ์ไม่ยอมอ่อนข้อและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “แผนงานรั่วไหล หุ้นของบริษัทลดลง แค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งฟาด10ทียังไม่พอเลย!”
พูดเสร็จเขาก็หันหน้าเข้มไปสั่ง “ลุงทอง มาเอาคุณหญิงออกไป!”
ในเมื่อตีแล้วก็ต้องตีให้ครบ ไม่งั้นจะมีบทลงโทษประจำตระกูลไว้ทำไม!
ทันทีที่เขาง้างมือขึ้นอีกครั้ง ญาธิดาก็กัดฟันวิ่งเข้าไปขวางภวินท์
“เพี้ยะ!” แส้เส้นนั้นฟาดลงบทตัวเธอจังๆ
ญาธิดาคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยรอยย่น
ตอนนั้นเอง เธอรู้สึกเพียงราวกับว่ามีอะไรมาดึงเนื้อและฉีกมันอย่างรุนแรง ทันทีที่เนื้อและเลือดสัมผัสกับอากาศ ความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปทั่วตัวเธอ
มันเจ็บปวดมาก เป็นความเจ็บปวดแทบจะทนไม่ไหว
ทุกคนตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาขวางแบบนี้ เมื่อเห็นชัดว่าเป็นญาธิดา แววตาดูประหลาดใจก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
คุณย่าร้องเรียก “ธิดา ทำไมเธอ…”
ภวินท์ก็ไม่คิดเลยว่าญาธิดาจะเข้ามารับแส้แทนเธอ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันใด “คุณไม่ต้องมายุ่ง!”
ญาธิดาสะดุ้ง กัดฟันพูด “ถ้าจะทำโทษ ก็ควรจะทำโทษฉันด้วย”
ปกรณ์หน้าเข้มเขียว มือที่กำแส้แน่นกลายเป็นขาวซีด เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอเป็นอะไร! มายุ่งเรื่องครอบครัวเราทำไม!”
ญาธิดาอดทนกับความเจ็บปวด กัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “ฉันกับคุณภวินท์เคยจดทะเบียนกัน ถึงแม้ว่าเราจะหย่ากันแล้ว แต่ก็ถือว่าเคยเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล อีกอย่าง เรื่องที่แผนงานรั่วไหล ฉันก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ … ”
ภวินท์มีสีหน้าเปลี่ยนไป “เธอพูดบ้าอะไร!”
ญาธิดาหน้าซีด ไม่ตอบภวินท์ นัยน์ตาสีดำแข็งกร้าวมองที่ปกรณ์แล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ “คุณลุงคะ ตอนนี้ฉันเป็นเลขาของคุณภวินท์ แผนงานชุดนั้น เป็นฉันที่ส่งต่อให้ ไทเฮงกรุ๊ปในช่วงเวลานั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะรั่วไหลไป ฉันก็ผิดด้วย”
บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง
ญาธิดากัดฟันกรอดแล้วพูดต่อว่า “อีกทั้ง เรื่องข่าวฉาว ฉันรับรองได้เลยว่า คุณภวินท์กับคุณแพรวาเป็นแค่หุ้นส่วนทางธุรกิจเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นเลย”
แววตาของภวินท์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย พูดไม่ออก
“จดทะเบียนงั้นหรอ”ปกรณ์เหล่ตาลง ใบหน้ามู่ทู่ “ไม่ต้องมาโกหกฉัน!”
ถึงตอนนี้บรรยากาศได้เข้าสู่ช่วงที่คุที่สุด ดวงตาของคุณย่าแดงหมดแล้ว “กรณ์ธิดาพูดจริง พวกเขาจดทะเบียนกันแล้ว แต่ต่อมา…”
เมื่อเห็นปกรณ์ขมวดคิ้ว ภูผาพูดอีกเสียงว่า “พ่อครับ เธอพูดความจริง”
คราวนี้ถึงตาที่ปกรณ์และ มรกตต้องตะลึงแล้ว
ลุงทองเหลือบมองภวินท์ที่หน้าซีดเซียว ก้าวไปข้างหน้า แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ท่านครับ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เหลือแค่ทีเดียวครับ”
จะยืดเยื้อต่อไปก็ไม่มีผลดีกับใคร
ปกรณ์หรี่ตาลงเล็กน้อย เหลือบมองดูญาธิดาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเธออยากโดนลงโทษ งั้นฉันก็จะจัดให้!”
พูดเสร็จ เขาก็ง้างมือขึ้น ฟาดลงไปที่ตัวญาธิดาอย่างจัง
“เพี้ยะ!” ญาธิดาสั่นสะท้านจนตัวสั่นไปทั้งตัว
นี่มันหนือขอบเขตความเจ็บปวดที่เธอจะทนได้
โชคดีที่บทลงโทษนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ปกรณ์ยื่นแส้ให้ลุงทอง หันไปหาภวินท์แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “หวังว่าลงโทษครั้งนี้จะทำให้แกจำไปยาวๆ!”
คุณย่าได้ยินอย่างนั้นก็โล่งอก และรีบสั่งคนใช้ “โทรเรียกหมอประจำครอบครัวมา ให้เขารีบมา!”
ด้วยบาดแผลขนาดใหญ่ที่หลังของภวินท์ ใครที่ได้เห็นก็อดกลัวไม่ได้และแม้ว่าญาธิดาจะโดนฟาดแค่2ที แต่เสื้อเชิ้ตก็ฉีกขาดถลกจนเผยให้เห็นบาดแผลที่หลัง
คุณย่าสั่งสาวใช้ให้เข้ามาทันที เอาเสื้อให้ญาธิดาแล้วคลุมร่างเธอไว้ “รีบพาธิดาไปที่ห้องรับแขกข้างบน!”
ปกรณ์กลับมาที่ห้องด้วยใบหน้ามืดมน มรกตพูดไม่กี่คำแล้วจากไปเช่นกัน คนใช้ที่เหลืออยู่ก็รีบช่วยภวินท์และญาธิดาเข้าไปในห้องตามลำดับ
ในบ้านเก่าหลังนี้เกิดความโกลาหลขึ้น ในห้องโรงแรมที่กว้างขวางและสว่างไสวอีกด้านหนึ่ง ก็มีคนวิตกกังวลด้วยเช่นกัน
นิวราเดินเตร่ไปมาที่ทางเดินกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของภวินท์ เธออยากจะโทรหาเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าอยู่ไหน แต่ว่านี่เป็นแผนการที่เธอจะเจอเขา “โดยบังเอิญ” โทรไปแบบนี้ไม่ดีแน่ เธอจึงทำได้แค่รอต่อไป
“นิว” ชนัดพลก็รอไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เขาออกมาจากห้องแล้วก็เห็นนิวราเดินไปมาที่ทางเดิน เขาขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “แม่กับพ่อรอมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่มีใครมาเลย!”
เดิมทีนิวราบอกว่าพ่อแม่ของภวินท์จะกลับประเทศ เธอสืบมาว่าภวินท์จองโรงแรมไว้แล้ว เธอก็ตั้งใจจองห้องข้าง ๆ กัน เพื่อสร้างโอกาสให้พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายรีบเจอกันจะได้คุยเรื่องงานแต่งงานสักที
ไม่คิดเลยว่าจะต้องรอนานขนาดนี้ รอมาเกือบ 2 ชั่วโม.แล้วแต่ก็ไม่มีใครมา! เป็นธรรมดาที่จะโกรธจนระงับไว้ไม่ไหวแล้ว
นิวรากังวลจนหน้าแดงไปหมด เธอกัดริมฝีปากแล้วพูดอย่างไม่มั่นใจ “หนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่หนูได้ยินมาเขาจองห้องนี้ไว้แล้วแน่ๆอะ ตามหลักแล้วตอนนี้เขาควรจะรับคุณลุงกับน้าผิงมาแล้วนะ ทำไมยังไม่มาอีกล่ะ”
“ฮึ่ม!” ชนัดพลถอนหายใจอย่างเย็นชา “บอกไปนานแล้วใช่ไหมว่าทำอะไรต้องให้มั่นใจก่อน ดูสิว่าทำอะไรลงไป ให้พ่อกับแม่มารอนานขนาดนี้เนี่ย ยังไม่รู้อีกว่าพวกเขาจะมาจริงหรือเปล่า!”
นิวาราถูกตักเตือนจนพูดอะไรไม่ออก เธอเหลือบมองเวลา หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะค่ะพ่อ พวกเขาอาจจะมีเรื่องอะไรแน่ๆเลย พวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะ เรื่องจะพบกันยังไงค่อยว่ากัน”
ชนัดพลได้ยินแบบนั้นก็ หงุดหงิดสีหน้าไม่พอใจ แล้วก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง
ระหว่างมื้ออาหาร นิวราไม่สบายใจเลย พอกลับถึงบ้านก็รีบโทรศัพท์ “ไปเช็คที่อยู่ของพี่วินสิ! เอาให้ละเอียดเลยนะ!”
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอต้องรู้ให้ได้!
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็มีสายก็โทรเข้ามา ก็มีเสียงผู้ชายมาจากอีกฝั่งหนึ่งว่า “คุณผู้หญิงครับ เกิดเรื่องกับภวินท์”
นิภาดาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกรีบร้อนขึ้นมาทันที “เขาเป็นอะไรไป!”
“หลังจากลงจากเครื่องบินปกรณ์และมรกตก็กลับบ้านเก่า เพราะเรื่องของบริษัทภวินท์ก็เลยถูกลงโทษเป็นการฟาดแส้”
“อะไรนะ เขา… ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง!”
ชายคนนั้นยังคงรายงานต่อว่า “คนใช้ของตระกูลสถิรานนท์บอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เลขาที่เขาพามาด้วยเอาตัวมาขวางแส้ให้เขา2ที”
นิวราได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกเหมือนลมผ่านหูไปเท่านั้น ในหัวของเธอว่างเปล่าไปหมดแล้ว