ดวงใจภวินท์ - บทที่ 292 โกหกทำไม
เมื่อได้ยินดังนั้น ภวินท์ตาเป็นประกาย ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ”
เธอออกจากบ้านสถิรานนท์ทั้งที่ร่างกายยังบาดเจ็บอยู่แบบนั้น เขาจะไม่กังวลได้เหรอ
ญาธิดาสบตากับเขา แล้วละสายตาจากไปอย่างรวดเร็ว สายตาของเธอไปอยู่ที่ไหล่กว้างๆของเขา เธอลังเลแล้วถามว่า “แผลของคุณ…ซี้ด—”
เธอพูดไม่ทันจบ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ขมวดคิ้วแน่น
ตอนนั้นเอง พยาบาลที่อยู่ข้างๆก็พูดเบา ๆ ว่า “กำลังทายาต่อนะคะ อาจจะเจ็บหน่อย อดทนหน่อยนะคะ”
ญาธิดาตอบรับเสียงเบา แล้วกำมือไว้แน่นทั้งสองมือ
ภวินท์เงยหน้าขึ้นมอง มุมที่เธอพยาบาลยกขึ้นเผยให้เห็นหลังของญาธิดา ดูเหมือนงูสีดำแดงคลานมาบนผิวสีซีดของเธอ บาดแผลดูน่ากลัว
มันต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ
ภวินท์ขมวดคิ้วโดยไม่พูดอะไรต่อ เขาดึงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆมานั่งลงข้างเตียง เอื้อมมือไปกุมมือเล็กๆของหญิงสาว
ตอนนั้นเอง พยาบาลก็เริ่มทายา ญาธิดาขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดและหลับตาลง ไม่สนใจอะไรมากนัก จับมือใหญ่อันอบอุ่นไว้โดยไม่รู้ตัว
“ซี๊ด—”
พยาบาลค่อยๆ ดึงผ้าปูที่นอนที่คลุมแผ่นหลังของเธอออก และในที่สุด รอยแผลเป็นยาวสองเส้นก็ปรากฏขึ้น รอยแผลนั้นเด่นชัดอยู่บนแผ่นหลังที่เรียบเนียนของญาธิดา
ภวินท์ขมวดคิ้ว กลืนน้ำลาย แล้วถามขึ้นมาว่า “แผลแบบนี้จะกลายเป็นแผลเป็นไหมครับ”
เธอพยาบาลพูดเบาๆ “อาจจะเป็นค่ะ แต่ถ้ารักษาดีๆ ระวังเป็นพิเศษ แผลเป็นก็จะจางลง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ภวินท์ก็ขมวดคิ้วอีก
อาจจะพราะรู้สึกว่าบรรยากาศตึงเครียดเกินไปแล้ว พยาบาลยังคงทาแผลต่อไป พลางพูดขึ้นเบาๆว่า “แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะ ถึงจะเป็นรอยแผลเป็น แต่ถ้าแฟนไม่รังเกียจก็ไม่เป็นไรหรอก”
พูดพลาง เธอก็เหลือบมองภวินท์
จู่ๆ เขาก็มาถึงที่นี่ เป็นธรรมดาที่พยาบาลจะคิดว่าเขาเป็นแฟนของเธอ
ภวินท์เงียบไป ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย “ผมไม่รังเกียจ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เธอพยาบาลก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม มองดูญาธิดาด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
แต่เจ้าตัวอย่างญาธิดาสนใจแค่ความเจ็บปวด ไม่มีเวลามาสนใจคำพูดอะไรพวกนั้น เธอหลับตาแน่น หยาดเหงื่อที่หน้าผากไหลออกมาเรื่อยๆ
“เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว อดทนไว้นะคะ” เธอพยาบาลพูด รีบทายา แล้วเริ่มพันผ้าพันแผล
เพราะว่าเธอไม่ได้ดูแลแผลให้ดี แผลที่พันไว้เดิมนั้นเปิดออกมา และมีเลือดไหล จะพันแผลอีกรอบก็ต้องเจ็บกว่าเดิม
ญาธิดารู้สึกเจ็บแสบที่หลัง ร้อนผ่าว เจ็บยิ่งกว่าวินาทีที่เธอถูกแส้ฟาดซะอีก มือของเธอกำมือภวินท์ไว้แน่น
ไม่นานความเจ็บปวดก็บรรเทาลง และเธอก็ค่อยๆหายใจได้อย่างปกติ ลืมตาขึ้น
แต่เจ้าตัวอย่างญาธิดาสนใจแค่ความเจ็บปวด ไม่มีเวลามาสนใจคำพูดอะไรพวกนั้น เธอหลับตาแน่น หยาดเหงื่อที่หน้าผากไหลออกมาเรื่อยๆ
“พันแผลเสร็จแล้วนะคะ อย่าขยับเยอะอีกนะคะ แผลจะได้ไม่เปิด”
ญาธิดาพยักหน้า ลืมตาขึ้น สังเกตเห็นว่าชายที่นั่งริมหน้าต่างขมวดคิ้วและมองลงต่ำ ตอนนั้นเองเธอถึงรู้ว่าเธอจับมือเขาแน่น จนเล็บกดไปที่หลังมือของเขาจนเป็นรอยโค้ง
เธอตกใจรีบปล่อยมือ “ขอโทษค่ะ…”
“ไม่เป็นไร” ภวินท์เอามือออก ทำหน้าเครียด แล้วถามเสียงเข้ม “คุณกลัวเจ็บขนาดนี้ แล้วตอนนั้นมารับแส้แทนผมทำไม”
ประโยคนี้ติดอยู่ในใจเขามาหลายวันแล้ว นี่เป็นโอกาสดีที่จะถาม
ญาธิดาได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็ดูลุกลนอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ “แผนงานเคยอยู่ในความรับผิดชอบของฉัน อาจจะรั่วไหลไปตอนนั้นก็ได้ ดังนั้นฉันก็ต้องรับผิดชอบด้วย ฉันแค่รับโทษตามที่ฉันสมควรได้รับก็เท่านั้น”
น้ำเสียงของเธอจริงจังราวกับไม่ได้ผสมกับความรู้สึกส่วนตัวเลยสักนิด
ภวินท์หรี่ตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชา “วันนั้นที่คุณไปส่งหนังสือรายงาน นิวราก็อยู่บนรถด้วยไม่ใช่หรือไง”
ญาธิดาก็เบิกตากว้างทันทีและมองมาที่เขา “คุณรู้ได้ยังไง”
เธอจงใจเก็บเรื่องนี้ไว้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องนี้ เขาไปตรวจสอบมาแล้วเหรอ
ภวินท์มองเธออย่างเย็นชา จ้องมาที่เธอ แล้วถามว่า “จะโกหกทำไม”
ญาธิดาก็ชะงักไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ตอบผมมา”
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น มีความเยือกเย็นอยู่ในน้ำเสียงของเขา ญาธิดารู้เลยว่าเขาโกรธแล้ว
เธอกัดฟัน หายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าและพูดออกมา “ฉันกลัวว่าจะทำลายความสัมพันธ์ของคุณสองคน อีกอย่างฉันก็ไม่คิดว่าคุณนิวราจะเป็นคนทำแผนงานรั่วไหล”
ทันใดนั้น บรรยากาศก็เงียบไปชั่วครู่ ทันใดนั้น ภวินท์ส่งเสียงด้วยความโกรธ “คุณ…”
ยังไม่ทันจะพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนขึ้นทันที ร่างกายของเขาแข็งทื่อและใบหน้าก็เปลี่ยนไป
ญาธิดารีบเงยหน้า เมื่อเห็นสีหน้าของเขาก็ตกใจ “เป็นเพราะแผลที่หลังใช่ไหม…”
ภวินท์ขมวดคิ้ว ริมฝีปากขาวซีด ยังไม่ทันไร ญาธิดาก็เรียกพยาบาลที่กำลังเก็บของเตรียมตัวจะออกไป “คุณพยาบาลคะ… เขาก็มีบาดแผลที่หลัง!”
นางพยาบาลได้ยินเสียง จึงหันกลับมามองภวินท์ที่สีหน้าผิดปกติไป เธอจึงรีบเดินไปดูข้างหลัง ก็ต้องตกใจ “เลือดไหลเต็มเลย!”
ญาธิดาพูดด้วยความตกใจว่า “เขาบาดเจ็บหนักกว่าฉัน คุณพยาบาลคะ ช่วยดูแลเขาด้วยค่ะ เร็วๆเลย”
นางพยาบาลไม่รีรอ รีบพาภวินท์ไปจัดการกับบาดแผล
ญาธิดาถูกสั่งไม่ให้ขยับตัว จึงทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงอย่างกระวนกระวายใจ ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง นางพยาบาลก็เข้ามาและยิ้มให้เธอว่า “เราทำแผลของแฟนคุณเสร็จแล้ว อยู่ที่ห้องข้างๆนี่เองค่ะ ถ้ามีอะไรคุณเรียกฉันได้ตลอดนะคะ”
เมื่อได้ยินคำว่าแฟน ญาธิดาก็ยิ้มแหยะด้วยความเขินอาย เมื่อเห็นนางพยาบาลกำลังหันหลังเดินออกไป เธอก็ทำได้แค่กลืนคำอธิบายนั้นไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินว่าบาดแผลของเขาได้รับการรักษาแล้ว หัวใจที่อยู่อย่างไม่เป็นสุขของเธอก็สบายใจไปได้เปลาะหนึ่ง
เธอนอนอยู่บนเตียง นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ในใจของเธอวุ่นวายไปหมด ในที่สุดก็ผล็อยหลับไปโดนไม่รู้ตัว
เธอถูกเสียงโทรศัพท์ทำให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความงุนงง รู้แต่ว่าข้างนอกมืดแล้ว เมื่อเห็นข้อความกะพริบบนหน้าจอ เธอหาวและกดปุ่มตอบรับ “ฮัลโหลค่ะ คุณภวินท์”
เสียงเบาๆของชายหนุ่มดังเข้ามา “เธอหิวไหม ที่ห้องฉันมีของกิน จะให้เอาไปให้ไหม”
ญาธิดาอึ้งเล็กน้อยแต่ก็รับน้ำใจเขา “ก็ได้ค่ะ…ขอบคุณค่ะ”
เธอตื่นมาก็หิวจนปวดท้อง
ทันทีที่วางสาย เธอก็ขยับตัว อยู่ดีๆ ก็นึกได้ว่า ภวินท์ก็ยังบาดเจ็บอยู่ ถ้าลุกเอาอาหารมาให้เธอ เขาอาจจะแผลฉีกอีกก็ได้
คิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจเดินไปเอาเอง เธอค่อยๆลุกลงจากเตียงช้าๆ ออกจากห้องผู้ป่วยไป พอหันไปก็เห็นประตูห้องข้างๆ แง้มอยู่ครึ่งหนึ่ง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เดินเข้าไป
เธอเปิดประตู และสิ่งแรกที่เธอเห็นคือหลุยส์ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง และภวินท์ก็นั่งอยู่บนเตียง
เมื่อเห็นหญิงสาวที่ประตู ภวินท์ขมวดคิ้ว “คุณมาได้ยังไง”
เขาบอกว่าจะเอาไปส่งให้ ไม่คิดว่าเธอจะมาเอาเอง
ญาธิดาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมีคนอื่นอยู่ในห้อง เธออ้ำอึ้ง “ฉัน… มาเอาของกิน”
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น “พยาบาลห้ามเธอไม่ให้ขยับตัวไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวผมให้คนเอาไปให้เอง”
ญาธิดาหน้าร้อนผ่าว พูดไม่ออก “งั้น…”
หลุยส์ที่อยู่ข้างๆ เห็นทั้งสองคนแบบนี้ เขาก็หัวเราะลั่น มองภวินท์แบบมีเลศนัย
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ ลดเสียงลง “งั้นฉันไปก่อนละกัน”
เมื่อเห็นเธอเดินไปที่ประตู ภวินท์ก็รีบร้อน แล้วโพล่งออกมา “เดี๋ยวก่อน!”