ดวงใจภวินท์ - บทที่ 295 เขาจะรับผิดชอบ
บทที่ 295 เขาจะรับผิดชอบ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ญาธิดาก็ผงะไปครู่หนึ่ง มองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ประโยคนี้ชวนให้คิดมาก!
แต่ใบหน้าของชายหนุ่มดูเป็นธรรมชาติ การเคลื่อนไหวของเขาราบรื่น เขานอนตะแคงหันหน้าเข้าหาเธอ
สักพัก ญาธิดารู้สึกว่าเลือดในร่างกายไหลเวียนขึ้นหัว แต่หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ครู่หนึ่ง จู่ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างออก จู่ๆ เธอก็หน้าซีด “เราทำแบบนี้ ไม่เหมาะมั้งคะ”
เขากับนิวราจะหมั้นกันแล้ว ยังจะมานอนเตียงเดียวกับเธอ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป เกรงว่ามันจะไม่ดีสำหรับทั้งสองคน
เมื่อเห็นความลังเลในนัยน์ตาของญาธิดา นัยน์ตาสีดำของภวินท์ก็เป็นประกาย ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ลุกขึ้นนั่ง
สักพักเขาก็ยืนขึ้น พูดเบา ๆ ว่า “ก็ได้ งั้นฉันไปล่ะ”
หลังจากนั้นเมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบ เขาจึงยกมือขึ้นปิดไฟข้างเตียงแล้วหันหลังเดินจากไป
ทันทีที่ไฟในห้องดับลง บรรยากาศก็มืดมนทันที เสียงฟ้าร้อง ลม และฝนก็ปะปนกันไป ทำให้คนรู้สึกหนาวสั่น
ญาธิดาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เอื้อมมือออกไปโดยไม่รู้ตัว จับมุมเสื้อภวินท์ไว้ “อย่า…ไป!”
อันที่จริงเธอก็ยังกลัวอยู่
ภวินท์รู้สึกได้ว่าเสื้อตึงๆ พอหันกลับมาก็เห็นหญิงสาว หวาดกลัวก้มหน้าหลับตาลง
เห็นปฏิกิริยาของเธอแบบนี้ เขาก็ยกมุมริมฝีปากขึ้น หันหลังกลับไปที่เตียง แล้วเอามือใหญ่อันอบอุ่นโอบไหล่เธอไว้ หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายที่ตึงเครียดของเธอก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
“อย่ากระวนกระวายไป เดี๋ยวกระทบแผล”
เขาปลอบเธอให้นอนลงช้าๆ แล้วนอนตะแคงข้างๆเธอ
เตียงของโรงพยาบาลไม่ใหญ่และค่อนข้างแออัดสำหรับทั้งสองคน แต่ทั้งคู่บาดเจ็บที่หลังจึงไม่สามารถนอนหงาย นอนตะแคงแบบนี้ทำให้พวกเขาสามารถนอนลง
เพียงแต่ว่าทั้งสองหันหน้าเข้าหากันได้ใกล้กันมากเท่านั้นเอง
ข้างหน้าของญาธิดาคือหน้าอกของภวินท์ ลมหายใจอุ่นๆของชายหนุ่มก็พ่นโดนที่หน้าผากของเธอ อุ่นๆ คันๆ
แม้ว่าความกลัวในหัวใจของเธอจะหายไปมาก แต่ระยะห่างขนาดนี้ทำให้เธอประหม่า ความง่วงที่เคยมีก็หายไป
ภวินท์รู้สึกถึงความประหม่าของเธอ ภวินท์เอื้อมมือไปห่มผ้าให้ทั้งสองคนอย่างแผ่วเบา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อย่าคิดมาก นอนซะ”
คำพูดของชายคนนั้นดูมีเวทมนตร์ ทำให้ญาธิดาผ่อนคลายและผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของเธอ ภวินท์ก็ยิ้ม แล้วค่อยๆหลับไปเหมือนกัน
ในตอนนั้น เงาดำปรากฏขึ้นที่นอกประตูห้อง
ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เมืองJ ที่ถูกชำระล้างด้วยพายุฝนกเมื่อคืนก็ดูสดใส พระอาทิตย์ขึ้น อากาศก็อบอุ่น
นิวราหลับจนตื่นขึ้นมาเอง พอลงมากินข้าวเช้า ก็เห็นชยิน เลยกวักมือเรียกให้เขามาหา “เรื่องที่ให้ไปตรวจสอบ เป็นยังไงบ้าง”
ชยินก้าวไปข้างหน้าและรายงานอย่างแผ่วเบา “เจอแล้วครับ อยู่ที่โรงพยาบาลพัฒนา ญาธิดากับคุณภวินท์แอดมิดอยู่ที่โรงพยาบาล ห้องข้างๆกัน อีกทั้ง….เมื่อคืน คุณภวินท์นอนในห้องของญาธิดา”
“อะไรนะ!”
นิวราตกใจ มือที่ถือกาแฟสั่น ของเหลวสีน้ำตาลหกลงบนโต๊ะในทันใด
ไม่คิดเลยว่า นังญาธิดาคนร่านจะยั่วยวนคนแม้กระทั่งเวลาแบบนี้! แม้แต่ในห้องผู้ป่วย!
เมื่อไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้ นิวราก็ลุกขึ้น ไม่สนใจคราบกาแฟที่มือแล้วรีบขึ้นไปชั้นบน “ฉันจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”
“คุณหนูครับ!” ชยินไล่ตามขึ้นไป “คุณตามวีนคุณภวินท์แบบนี้ เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีนะครับ!”
นิวราแทบจะระเบิดออกมา “แล้วฉันควรทำยังไงดี!”
เธอจะทำอะไรได้ในตอนนี้! ถ้าไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วยของเธอ เธอคงไม่ให้ผู้หญิงคนอื่นมาฉวยโอกาส แต่ตอนนี้เธอทำได้แค่ดูผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่เธองั้นเหรอ
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! เธอไม่ยอมแน่!
ชยินรีบพูด “คุณยืมมือคนอื่นจัดการ ดีกว่าออกโรงเอกนะครับ คุณบอกว่าปกรณ์เกลียดญาธิดามากใช่ไหม ทำไมไม่ให้คนร้ายเป็นเขาล่ะ!”
คำพูดนี้ทำให้นิวราคิดอะไรออก เธอหายใจเข้าลึก ๆ กัดฟันและสงบลง
ใช่! แทนที่จะไปทะเลาะกับภวินท์ สู้เอาเรื่องนี้ไปบอกปกรณ์ดีกว่า ปล่อยให้เขาสั่งสอนกับญาธิดาแทนเธอ นอกจากนั้น เมื่อวานเขาก็บอกเองว่าจะไปหาภวินท์ด้วยตนเอง
นิวราดีใจ แล้วรีบพูด “ชยิน นายคิดถูก รีบหาวิธีบอกเรื่องของภวินท์ให้ปกรณ์เร็ว!”
ชยินโล่งใจเมื่อเห็นเธอสงบลง ” ไม่ต้องกังวลครับ คุณหนู เรื่องนี้ให้ผมจัดการ”
หลังจากได้ยินแบบนั้น นิวราก็ยิ้ม เอื้อมมือไปตบไหล่ของชยิน “นายนี่ดีจริงๆ รีบไปจัดการเถอะ!”
พูดจบ เธอก็รีบขึ้นไปชั้นสอง
ชยินเงยหน้าขึ้น มองไปที่หลังของผู้หญิงคนนั้น ยกมือขึ้นแตะไหล่ที่เธอเพิ่งตบไป มุมริมฝีปากของเขาก็ยกขึ้น ตราบใดที่เธอมีความสุข เขายินดีจะยอมทำทุกอย่าง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ที่บ้านเก่าของตระกูลสถิรานนท์ ปกรณ์ก็รีบร้อนพาคนไปที่โรงพยาบาลพัฒนา
เมื่อไปถึงประตูห้องผู้ป่วยของภวินท์ เขาก็ผลักประตูให้เปิดออกอย่างแรง รีบเดินเข้าไป
ภวินท์และหลุยส์กำลังคุยกัน พวกเขาถูกขัดจังหวะด้วยเสียง “ปัง” ก็เห็นปกรณ์ด้วยใบหน้าเขียวปั๊ดพร้อมกับคนอื่น
ภวินท์หน้ามืดลง “คุณพ่อ”
“แก!” ปกรณ์มองไปรอบห้อง นอกจากหลุยส์แล้วก็มองไม่เห็นใครอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องญาธิดาเลย
ภวินท์มองคนที่เขาพามาแล้วถามอย่างใจเย็นว่า “คุณพ่อ มาได้ยังไงครับ”
ปกรณ์ไม่เห็นคนในห้อง เขาจึงต้องหยุดพูด แต่เขาก็ยังโกรธ กัดฟันแล้วพูดว่า “แกพูดสิว่ามันยังไง บ้านมีไม่อยู่ มาอยู่โรงพยาบาล ถึงขนาดทะเลาะกับฉันแค่เพราะผู้หญิงคนเดียว!”
ภวินท์มองนิ่งไม่พูด
บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง ปกรณ์หันไปมองคนที่อยู่ข้างหลังเขา “พวกแกทุกคนออกไป!”
หลุยส์ซึ่งอยู่ด้านข้างก็เดินออกไปแล้วปิดประตู เหลือเพียงพ่อลูกสองคน
ปกรณ์สูดลมหายใจมองดูภวินท์ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไหน แล้วแกจะเอายังไงกับบริษัท”
“ผมกำลังจัดการอยู่ ตอนนี้คอมเม้นท์ในเน็ตก็คุมได้แล้ว ผมพยายามที่จะฟื้นฟูที่เหลืออยู่ ”
ปกรณ์ขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เรื่องคอมเม้นท์ในเน็ตซาลงเยอะแล้วจริงๆ นี่คือความจริง เขาก็ว่าอะไรไม่ได้
ปกรณ์พ่นลมอย่างเย็นชา “แล้วเรื่องนิว แกจะเอายังไง ไปพัวพันกับผู้หญิงคนอื่น แกจะรับผิดชอบเธอไหม!”
ได้ยินอย่างงั้น ภวินท์ก็ขมวดคิ้ว มองไปที่เขา แล้วถามว่า “นิวบอกพ่อเหรอ”
ใบหน้าของ ปกรณ์เย็นชา “ไม่ต้องสนใจหรอกว่าใครบอกฉัน แกกับนิวหมั้นกัน ฉันอนุญาต แต่ฉันไม่รับผู้หญิงคนอื่นแน่นอน!”
ได้ยินแล้ว ภวินท์ก็นิ่งเงียบ
ปกรณ์พูดต่อว่า “แกพูดสิ เรื่องการแต่งงานครั้งนี้แกจะหมั้นไหม!”
อันที่จริงจากมุมมองส่วนตัว ถ้าตระกูลสถิรานนท์หมั้นตอนนี้ อาจจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปได้ แน่นอนว่าเขาก็ต้องอยากจะใช้โอกาสนี้ในการช่วยบริษัท
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ภวินท์ก็ขยับริมฝีปาก “ผมจะรับผิดชอบ”
สำหรับนิวรา เขารู้สึกขอบคุณและรู้สึกอยากจะตอบแทน เขาจะทำตามที่สัญญากับเธอ
เสียงของ ปกรณ์ดังขึ้นอีกครั้ง “งั้นก็ตัดขาดกับญาธิดาคนนั้นซะ!”
เขาขมวดคิ้ว หลังจากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้น มองตรงไป “ผมกับญาธิดาไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแบบนั้น”
ปกรณ์เอามือไปข้างหลังแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่สนหรอกว่าความสัมพันธ์เป็นยังไง ฉันจะรีบจัดงานหมั้นของแกกับนิวให้เร็วที่สุด แกก็เตรียมใจไว้ละกัน!”