ดวงใจภวินท์ - บทที่ 297 ทำไมรับเธอไม่ได้นะ
บทที่ 297 ทำไมรับเธอไม่ได้นะ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” หลุยส์แกล้งยิ้มให้เธอ “ก็แค่อยากจะเตือนคุณธิดาว่าทำอะไรขอให้คิดให้ดีน่ะครับ”
“ภวินท์กับนิวราเขาความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามาแทรกกลางได้ง่ายๆ ถึงแม้ว่าภวิน์เขาจะมีด้านอบอุ่นให้คนอื่นด้วย แต่คนที่สำคัญที่สุดในใจเขาก็ยังเป็นนิวราอยู่ดี ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
คำพูดเหล่านี้เหมือนเสียงฟ้าร้องที่ระเบิดเข้าหูญาธิดาโดยตรง
หูเธออื้ออยู่นาน ญาธิดาก็ชะงัก ไม่ได้สติอยู่นาน
จนกระทั่งเธอได้ยินหลุยส์เรียกชื่อเธอ เธอถึงจะตั้งสติกลับมาได้ มือของเธอก็เย็นไปหมด
หลุยส์พูดแบบนี้มีนัย อย่างแรกเลยก็คือบอกว่าเธอไปแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ของภวินท์กับนิวรา แล้วเขาก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของนิวราในใจของภวินท์ บอกให้เธอรู้ซึ้งจุดยืนของตัวเอง
แม้ว่าคำเหล่านี้ไม่ได้มาจากปากของภวินท์ แต่มาจากปากเพื่อนสนิทของเขา สำหรับเธอ นี่ทำให้เธอเสียใจไม่น้อยเลย
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ประสานมือกันอย่างช้าๆ “แล้วคุณหลุยส์…”
“ผมหมายถึง ถ้าเป็นแค่เลขาของภวินท์ ก็แค่ทำในสิ่งที่คุณต้องทำ ไม่ต้องอยากรู้เรื่องอื่น อย่าเข้าไปรบกวนชีวิตส่วนตัวของเขา คุณธิดาฉลาดขนาดนี้ น่าจะเข้าใจที่ผมพูดนะครับ”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ สงบลงเล็กน้อย จิตใจของเธอรู้สึกหดหู่
สุดท้าย เธอก็ขยับริมฝีปากและพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจก็ดีครับ รักษาระยะห่าง มันดีต่อทั้งภวินท์และตัวคุณเอง”
เมื่อพูดจบ หลุยส์ก็จ้องมองเธอ แล้วก็เดินออกไป
จู่ๆ ห้องก็เงียบลง ญาธิดามองดูกล่องข้าวที่อยู่ข้างหน้าโดยไม่รู้สึกอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าคนรอบๆ ภวินท์จะมองว่าเธอนั้นเป็นส่วนเกิน ไม่ว่าจะเป็นนิวรา หรือว่าปกรณ์กับมรกตพวกเขาไม่ต้องการให้เธอเข้าใกล้ภวินท์มากเกินไป
แล้วภวินท์เองล่ะ
ด้วยความผิดหวัง ญาธิดานั่งลงบนเตียง ครุ่นคิด และสับสน
และเมื่อพยาบาลมาตรวจอาการบาดเจ็บ จู่ๆ เธอก็เรียกหล่อนไว้แบบจริงจังมาก “สภาพร่างกายของฉันตอนนี้ ออกจากโรงพยาบาลได้หรือยังคะ”
พยาบาลตกใจเล็กน้อย “ถ้าทายาแล้วก็กลับไปอยู่บ้านได้แล้วนะคะ แต่ทำไมจู่ๆถึงอยากออกจากโรงพยาบาลล่ะคะ”
ญาธิดายิ้มๆ ไม่ตอบคำถามของเธอ “งั้นช่วยทำเอกสารขอออกจากโรงพยาบาลให้หน่อยได้ไหมคะ”
เธออยู่ติดกับห้องของภวินท์ ไปๆมาๆแบบนี้ จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอกันคงเป็นไปไม่ได้ เธอไปรักษาตัวที่บ้านคงจะดีกว่า แถมประหยัดเงินค่ารักษาด้วย
นางพยาบาลพยายามเกลี้ยกล่อมเธอ แต่เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของเธอ เธอก็พูดอะไรไม่ได้อีก เธอก็เลยต้องช่วยทำเอกสารออกจากโรงพยาบาลให้
เก็บของเสร็จหมดแล้ว ญาธิดาก็จากไปอย่างเงียบๆ พอเห็นห้องข้างๆของภวินท์ เธอก็ใจหาย ทำได้เพียงกัดฟันเดินจากไป
อีกด้านหนึ่งภวินท์กำลังดูเอกสารที่พายุส่งมาบนโน้ตบุ๊ก ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับห้องข้างๆเลย
เวลาช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากภวินท์ทำงานในมือจบ จู่ๆ เขาก็นึกถึงผู้หญิงตัวเล็กในห้องข้างๆ
ไม่คิดเลยว่าเธอจะหายหน้าหายตา ไม่โผล่มาให้เขาเห็นเลยตั้งแต่เช้า เขายกริมฝีปาก หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วส่งข้อความหาเธอ
นานไป ก็ไม่มีข้อความตอบรับ เขาเหลือบมองดูเวลา เกือบได้เวลากินข้าว เขาก็เลยโทรไปหาญาธิดา แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือไม่มีคนรับสาย
เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กๆ และจู่ๆ หลุยส์ก็ผลักประตูเข้ามา เอาอาหารเย็นเข้ามาด้วย
ภวินท์ขมวดคิ้วมองหลุยส์แล้วพูดว่า “เรียกพยาบาลสิ”
“เป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนเหรอ”
ภวินท์ทำหน้าจริงจัง “ไปเรียกมาก่อนเถอะน่า”
ทำไงได้ หลุยส์ยักไหล่แล้วออกไปที่เรียกพยาบาล
พอพยาบาลมาถึงประตูก็เห็นว่าภวินท์ดูเย็นชา จึงรีบถามขึ้นว่า “เป็นอะไรไปคะ”
ภวินท์รีบถามว่า “ญาธิดาน่ะ วันนี้เธอเป็นยังไงบ้าง”
นางพยาบาลแปลกใจเล็กน้อย “คนไข้ห้องข้างๆใช่ไหมคะ เธอ… ”
เมื่อเห็นพยาบาลลังเลที่จะพูด ภวินท์ก็กังวลใจมากขึ้น ถามว่า “เธอเป็นอะไร”
เธอไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆมาเกือบทั้งวันแล้ว
นางพยาบาลประหม่าเล็กน้อย แล้วพูดเบา ๆ ว่า “เธอทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ภวินท์ก็หน้าหงอยลงทันที หลังจากเงียบไป เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มเดินออกไป
เมื่อเห็นแบบนั้น นางพยาบาลจึงอธิบายด้วยความตื่นตระหนกว่า “เธฮจะกลับไปพักฟื้นที่บ้านค่ะ ออกไปตั้งแต่บ่ายแล้ว..”
ภวินท์หยุดเดิน มองนางพยาบาลอย่างเย็นชาแล้วถามอย่างประชดประชันว่า “ปล่อยให้คนไข้ที่แผลไม่หายดีออกจากโรงพยาบาลได้เหรอ”
หลุยส์เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปเกลี้ยกล่อม “ภวินท์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณพยาบาล คุณญาธิดาอยากออกจากโรงพยาบาลเองนะ ..”
เมื่อได้ยินดังนั้นภวินท์ก็นึกอะไรออก เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วถามอย่างเย็นชาว่า “นายใช่ไหม”
หลุยส์ตกใจเล็กน้อย “อะไร”
สีหน้าของภวินท์น่ากลัวเล็กน้อย “ฉันถามว่านายไปพูดอะไรกับเธอ”
วันนี้ตอนเที่ยงหลุยส์อยากเอาอาหารไปให้ญาธิดาไปประมาณสิบนาที เขาก็กลับมาก็บอกว่าไปสูบบบุหรี่มา แต่ไม่เห็นได้กลิ่นบุหรี่อะไรเลย ตอนนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร ตอนบ่ายญาธิดาก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ต้องเป็นหลุยส์นั่นแหละที่ไปพูดอะไรกับเธอ
หลุยส์รู้ว่าเขาปิดไว้ไม่ได้แล้ว แทนที่จะตอบตรงๆ เขามองไปที่พยาบาลข้างๆ”คุณออกไปก่อนเถอะครับ”
พยาบาลพยักหน้าแล้วออกจากห้องไปทันที
จู่ๆ ห้องก็เงียบและน่ากลัวขึ้น หลังจากหลุยส์เงียบไป เขาก็เงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่ม “ฉันเองแหละ”
ภวินท์ได้ฟังก็ขมวดคิ้ว ตาแหลมคมก็ปกคลุมไปด้วยความเย็นชา ความโกรธก่อตัวขึ้นในดวงตาของเขา เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ
“ทำไมพวกนายถึงมีปัญหากับเธอกันไปหมด”
คนแรกเลยคือปกรณ์และมรกตทนเธอไม่ได้ จึงไล่เธอออกจากบ้านทั้งๆที่เธอก็บาดเจ็บอยู่ และตอนนี้ก็เป็นหลุยส์ที่พูดให้เธอรีบออกจากโรงพยาบาลทั้งที่ยังไม่หายดี
คนอื่นไม่รู้อะไร แต่เขาเข้าใจดีญาธิดาเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมรับเธอได้เลย!
เมื่อเห็นความโกรธในแววตาของภวินท์ หลุยส์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แบ้ปากถามเขา “ภวินท์ นายโกรธฉันเพราะผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ”
ภวินท์กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว “นี่คือเหตุผลที่แกไม่ชอบเธอหรอ”
หลุยส์ยิ้มเยาะ “ภวินท์ นายไม่เคยใจดีกับใครขนาดนี้เลยนะ แล้วทำไมตอนนี้นายถึงเป็นแบบนี้แค่กับเธอ ”
“หลุยส์ นายนั่นแหละที่เปลี่ยนไป” ภวินท์แววตาโกรธเคือง เดินเข้ามาหาเขา “ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราร่วมมือกัน ฉันก็รู้ว่าฉันต้องทำอะไร แต่นายนั่นแหละ ลืมอะไรไปหรือเปล่า”
“ฉันรู้ดีกว่านายอีก!” จู่ๆ หลุยส์ก็ตาแดงก่ำ เขาขึ้นเสียง “ขจัดความชั่ว ส่งเสริมการทำดี มุ่งมั่นที่จะกวาดล้างทุกมุมมืดของเมือง J แต่นายนั่นแหละที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนภวินท์คนเดิมเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว! พวกนายสองคนแตกต่างกันเกินไปนายเข้าใจไหม!”
ประโยคนี้ราวกับสายฟ้าฟาด ทำให้ภวินท์ชะงักอยู่กับที่