ดวงใจภวินท์ - บทที่ 301 มีความรัก
บทที่ 301 มีความรัก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ญาธิดามีความรู้สึกสุขใจมากกว่าเดิม เธอยิ้มมุมปาก และเอียงคอมองภวินท์เล็กน้อย “คุณยังจะเชื่อฉัน ใช่มั้ยคะ?”
ภวินท์ตกตะลึงเล็กน้อย และจ้องมองหญิงสาวที่ยิ้มจนคิ้วตาโค้งตามที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นหัวใจก็บีบรัดจนเต้นระรัวตามทันที
โดยที่ไม่รอให้เขาตอบคำถาม ญาธิดาก้มหน้ายิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็กระซิบพูด “ฉันมีคำตอบอยู่ในใจแล้วค่ะ คุณภวินท์ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
เธอพูดจบ ก็หันหลังให้ และเดินออกจากห้องทำงานทันที
วินาทีที่บานประตูปิดนั้น ภวินท์คลับคล้ายคลับคลาราวกับเพิ่งตื่นจากห้วงความฝัน
หัวใจของเขายังเต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่งจนไร้การควบคุม ภายในหัวสมองกลับปรากฏใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบานแฉ่งของหญิงสาวคนนั้น ช่างสวยงาม มีชีวิตชีวา อีกทั้งยังหวานหยาดเยิ้มอย่างอธิบายไม่ถูก…
“ก๊อก ก๊อก!”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พายุรีบเดินเข้ามาด้านใน และยื่นเอกสารให้หนึ่งฉบับ ตอนที่เขาเห็นสีหน้าของภวินท์ ถึงกลับตกตะลึงสุดขีด “คุณภวินท์ครับ คุณ…”
ภวินท์ยังคงแสดงท่าทีเย็นชาดังเดิม พลางแหงนหน้ามองเขา และย่นคิ้วหากันอย่างหมดความอดทน “ทำไมเหรอ?”
พายุลังเลอยู่สักพัก ถึงได้ตอบกลับ “คุณหน้าแดงแจ๋ ป่วยจนไข้ขึ้นสูงหรือเปล่าครับ?”
พอภวินท์ได้ยินเท่านั้นแหละ กลับตีหน้าเข้มทันที
เขาหน้าแดง? ทำไมเขาถึงหน้าแดงล่ะ?
เขาแหงนหน้า เพื่อจ้องมองพายุด้วยแววตาคาดโทษ และย้อนถามกลับทันที “จริงเหรอ?”
พายุไม่ได้คิดอะไรมากนัก จึงพยักหน้าทันท่วงทีอย่างตรงไปตรงมา “ใช่ครับ หน้าแดงมากจริงๆ เหมือน …กำลังมีความรัก!”
เขาฉุกคิดถึงสถานะตอนที่เขาอยู่กับอัญมณี บ้างก็หน้าแดงขึ้นมาจริงๆ ซึ่งเฉกเช่นเดียวกับสภาพของท่านประธานของเขาในเวลานี้เลย
“นายกำลังคิดอะไรอยู่?” ภวินท์ย่นคิ้วหากันอย่างไม่ถูกใจ และหยิบเอกสารที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาหนึ่งฉบับขว้างไปทางพายุอย่างโมโห
พายุหูตาว่องไว และหลบหลีกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยิ้มให้อย่างเก้อเขิน พร้อมทั้งก้มลงเพื่อหยิบเอกสารที่หล่นอยู่ที่พื้น “คุณภวินท์ครับ ผมก็แค่พูดไปตามความจริงก็เท่านั้นเองครับ…”
ตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก สภาพที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักเขาชัดเจนที่สุดแล้ว
ระยะนี้ภวินท์จับสัมผัสได้ถึงอาการผิดปกติของพายุ เขาเลิกคิ้วขึ้น และมองมาทางเขา “นายกับอัญมณีคนนั้น…”
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วเรื่องที่พายุกลับมาจากเมืองYเขาก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรมาก แต่ว่าเห็นลักษณะของเขาแล้ว น่าเรื่องอะไรดีๆ แน่
ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ พายุยกมือขึ้นเกาท้ายทอย และกล่าวพูดด้วยความเขินอาย “ผมเป็นแฟนกับอันอันแล้วครับ”
ภวินท์ได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาฉายความหวั่นไหวออกมาเล็กน้อย เมื่อลังเลอยู่สักพัก ถึงได้พูดน้ำเสียงราบเรียบ “เป็นเรื่องดีนี่นา ต่อไปก็คงให้นายทำโอทีไม่ได้แล้วแหละมั้ง”
พายุยิ้มพลางพูดออกมา “ท่านประธานวางใจได้เลยครับ ผมจะไม่เสียงานเสียการแน่นอนครับ”
ภวินท์ได้ยิน จึงพยักหน้าเล็กน้อย และแสดงสัญญาณให้เขาออกไป
หลังจากที่พายุเดินออกไปแล้ว ภวินท์นั่งอยู่ในห้องอยู่คนเดียว และเริ่มคิดเตลิดไปไกล
ซึ่งไม่คิดเลยว่าพายุจะหลุดจากสถานะโสดได้เร็วกว่าเขา แม้ว่านิวราจะเป็นแฟนของเขาในนาม แต่ในใจของเขาก็ยิ่งหมกมุ่นขึ้นเรื่อย ความรู้สึกแบบนั้นที่เขามีต่อนิวรา ตกลงว่ามันถือว่าเป็นความรักหรือเปล่า
เขารักใคร่เอ็นดูเธอเป็นน้องสาวคนหนึ่ง และอยู่เคียงข้างเธอในยามเวลาที่เธอทุกข์ทรมานที่สุด พร้อมทั้งคิดแผนการร้อยแปดพันเก้าเพื่อให้เธอได้ทำการผ่าตัด แต่การพร่ำพูดพรรณนาออกมามากมายขนาดนี้ ซึ่งเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เคยมีนั่นก็คือความรู้สึกหวั่นไหวหัวใจเต้นโครมคราม และก็ไม่มีความรู้สึก “มีความรัก” เฉกเช่นที่พายุพูดถึง
ภวินท์ดึงสติที่เตลิดไปไกลให้กลับมา เขามองเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะราวกับกองเป็นภูเขาเลากาลูกย่อมๆ จากนั้นก็นวดหัวคิ้ว และจัดการเรียกพลังกลับมาเพื่อมุ่งหน้าทำงานต่อ
ญาธิดาตรวจสอบเรื่องของคิรินตลอดทั้งบ่าย เรื่องนี้ฟังดูแล้วมันดูง่ายมาก แต่พอลงมือทำกลับยากเย็นเหลือเกิน
ในระยะสองปีที่ผ่านมาการพัฒนาตัวแบรนด์สินค้าแฟชั่นredeurภายใต้STN Groupถือว่าไม่เลวทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์สินค้าเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ อีกอย่างยังมีจุดเด่นเป็นของตนเอง และยังมีนักแสดงจำนวนไม่น้อยที่ตบเท้าเคยร่วมงานกัน
บอกได้ว่ามีนักแสดงอีกมากมายที่อยากจะรีบแจ้นมาเซ็นสัญญากับSTN Group แต่ว่า STN Groupเพิ่งจะผ่านกระแสถาโถมครั้งใหญ่มา ผู้คนต่างถกเถียงกันไม่หยุดหย่อน ซึ่งกระแสก็ยังไม่ได้กลบหายไปทั้งหมด จนในเวลานี้การหานักแสดงเข้ามาร่วมงานเกรงว่าต้องเป็นสิ่งที่ยากมาก
ใครก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับทาง STN Group ที่กำลังตกเป็นกระแสฮิตในเวลานี้ เพราะจะกลายเป็นหัวข้อของชาวเน็ตให้กรูเข้ามาคอมเม้นท์ ยิ่งจะทำให้ส่งผลกระทบต่อตัวนักแสดงเอง ฉะนั้นในเวลานี้ทุกคนต่างระแวดระวังมากๆ
ญาธิดายุ่งตลอดทั้งช่วงบ่าย ขนาดวิธีการติดต่อกับผู้จัดการของคิรินก็หาไม่เจอ
จู่ๆ เธอก็ฉุกคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้
เพิ่งเลยเวลาเลิกงานได้ไม่นาน เธอก็โทรศัพท์นัดหมายอัญมณีให้ออกมา
อัญมณีเป็นคนในวงการดนตรี รู้จักคนมาก ซึ่งไม่แน่อาจมีช่องทางในการหาวิธีการติดต่อกับผู้จัดการของคิรินมาก็ได้
หลังจากนัดหมายสถานที่เป็นอันเรียบร้อยแล้ว อัญมณีเพิ่งมาถึง และพูดดักทางญาธิดาอย่างตรงไปตรงมา “พูดมาเถอะ มีธุระอะไรที่ต้องการให้ฉันช่วย?”
วันนี้ญาธิดาเป็นคนเสนอตัวว่าจะเลี้ยงหม้อไฟเธอ เธอก็เดาได้ทันทีว่าญาธิดาต้องมีเรื่องขอร้องเธอแน่นอน
ญาธิดามองจนทะลุปรุโปร่ง จากนั้นก็ยิ้มให้ “อันอัน แกนี่ช่างน่าทึ่งจริงๆ แกรู้ได้ยังไงว่าฉันมีเรื่องให้แกช่วย?”
อัญมณีเชิดปลายคางใส่อย่างทะนงตน “ก็แหงแหละ ฉันน่าทึ่งขนาดนี้ มีเรื่องอะไร? ถึงได้ทำแกร้อนใจได้ขนาดนี้?”
ญาธิดาไม่ได้แสดงท่าทียึกยักต่อ จึงพูดกระชับสั้นๆ ออกมาทันที เพื่อสรุปเรื่องคร่าวๆ ให้เธอฟังรอบหนึ่ง
อัญมณีได้ยิน จึงเอ่ยปากพูด “งั้นแกก็หาได้ถูกคนจริงๆ แล้วแหละฉันมีเพื่อนในวงการบันเทิง ถึงเวลานั้นก็ให้นางไปสอบถามให้ น่าจะพอถามให้ได้นะ”
เมื่อได้ยินอันอันพูดออกมาเช่นนี้ ญาธิดาราวกับมองเห็นความหวังขึ้นมาในวินาทีนั้น จึงใช้ฝ่ามือใหญ่โบกไปมา และตบหัวไหล่ของอัญมณีเบาๆ อย่างภาคภูมิใจ “วันนี้แกจะสั่งเป็นเนื้อวัวเนื้อแพะสไลด์และยังมีลูกชิ้นกุ้งตามใจแกเลยนะ เอาให้พอใจเลยจ้า!”
อัญมณีได้ยิน ดวงตาเปล่งประกายในชั่วพริบตา และตอบกลับตามสัญชาตญาณ “งั้นฉันเรียกพายุมานะ…”
เมื่อคำพูดหลุดออกจากปาก บนโต๊ะเงียบสนิทอยู่หลายวินาที
ญาธิดาเหลือบมองอัญมณีด้วยอาการตกใจเล็กน้อย “อันอัน แกกับพายุ…”
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่อัญมณีกลับมาจากเมืองYครั้งนี้ถือว่าเป็นการเจอหน้ากันครั้งแรกของพวกเขา เมื่อครู่ก็เพิ่งจะพูดเรื่องของคิรินอยู่เรื่องเดียว จนทำให้เธอลืมเรื่องของพายุอย่างหมดสิ้น
“เราคบกันแล้วจ้า” อัญมณีพูด แก้มแดงแจ๋ “เมื่อกี้ขอโทษนะที่พูดออกมาตรงๆ ตอนแรกก็คิดจะทำให้แกตกใจสักหน่อย…”
ญาธิดาได้ยิน ก็อดคลี่ยิ้มตรงมุมปากไม่ได้ “สุดยอดเลยอันอัน!แกมีแฟนแล้วลืมเพื่อนรักเลยนะ!”
“เปล่านะ!”
ทั้งสองคนพูดคุยหยอกล้อกันไปมาหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่นาน ถึงได้กลับมาสู่หัวข้อหลัก จากนั้นจึงได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองYในเวลานั้น
พูดไปพูดมา ก็วนกลับมาที่พายุ อัญมณีวางโทรศัพท์ในมือ “เขาตอบกลับมาว่าเขายุ่งอยู่ มาไม่ได้ ช่วงนี้เหมือนกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องเตรียมงานหมั้นหมาย ก็เลย….”
อัญมณีพูดได้เพียงครึ่งประโยค ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาอย่างกะทันหัน จึงหยุดเสียงทันที พร้อมทั้งมองญาธิดาอย่างไม่สบายใจ
วินาทีที่ญาธิดาเพิ่งจะได้ยินเธอเอ่ยถึงพิธีหมั้นหมาย หัวใจบีบรัดชั่วขณะ เธอเม้มริมฝีปาก จากนั้นก็มองพร้อมทั้งพูดกับอัญมณี “พิธีงานหมั้นได้ระบุมาหรือยังว่าเป็นวันไหน?”
อัญมณีอยากจะเอามือตบปากตัวเองสักฉาดสองฉาด อะไรที่ไม่ควรพูดก็ยังจะวกกลับไปพูดขึ้นมาให้ได้จริงๆ เลย!
“ฉันแค่บังเอิญได้ยินพายุเอ่ยถึง เหมือนจะเป็นวันอาทิตย์นี้แหละ”
ญาธิดาตกใจ และกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว
เร็วปานนี้ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเอง
พริบตาเดียว ภวินท์ก็จะกลายเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของผู้หญิงคนอื่นเสียแล้ว
พลางมีความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนปรากฏอยู่ในก้นบึ้งหัวใจ
อัญมณีเอ่ยปากแกมสอบถามกลับ “ธิดา แกไหวมั้ย? แกคงไม่ได้…สนใจเขาอยู่ใช่มั้ย?”
เมื่อญาธิดาได้ยินพลันคลี่ยิ้มเล็กน้อย แสร้งทำท่าทางพูดจาอย่างผ่อนคลาย “จะสนใจอะไรล่ะ? ดีมากเลยแหละ เขาก็เหมาะสมกับนิวรามากๆ …”
“งั้นเหรอ?” อัญมณียื่นมือออกไปคว้ามือของเธอเอาไว้ และถามกลับอย่างจริงจัง “ธิดา นี่เป็นคำพูดออกมาจากใจจริงของแกใช่มั้ย?”
เธอเป็นเพื่อนรักของเธอ
แล้วทำไมจะดูไม่ออก ในใจของญาธิดายังมีผู้ชายคนนั้นอยู่