ดวงใจภวินท์ - บทที่ 308 กินเผ็ดไม่ได้
บทที่ 308 กินเผ็ดไม่ได้
ญาธิดาเริ่มแปลกใจเล็กน้อย ราวกับไม่คิดเลยว่าภวินท์ยังคงสนใจกับเรื่องการผ่าตัดของยติภัทรอยู่ เธอขยับปาก จากนั้นจึงอ้าปากพูด “งั้นถ้าฉันมีเวลาจะติดต่อคุณหมอเธียรชัยเองค่ะ เพื่อดูว่าเขาจะวางแผนการรักษายังไง”
ร่างกายภวินท์เอนไปทางด้านหลัง พร้อมทั้งพูดอย่างแผ่วเบา “อืมถึงตอนนั้นมีอะไรที่ต้องการอยากจะให้ช่วย ก็มาหาผมได้ตลอดเลย”
ญาธิดารู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมา พร้อมทั้งพยักหน้าอย่างยินดี
เมื่อออกมาจากห้องทำงานแล้ว เธอก็แอบถอนหายใจโล่งอก
จนจำต้องพูดออกมา ภวินท์ปฏิบัติดีต่อครอบครัวเธอไม่เลวเลย ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตามก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเสมอ อาจจะ…เหตุเป็นเพราะว่ายติภัทรเป็นอาจารย์ของเขาแหละมั้ง
ญาธิดาถอนหายใจอย่างแผ่วเบา เมื่อกลับมาที่ห้องทำงานของตนเองแล้ว
ซึ่งทำงานยุ่งอยู่ตลอดทั้งวัน นอกจากกินข้าวและเข้าห้องน้ำแล้ว ญาธิดาก็ไม่ได้พักผ่อนอะไรเลย พริบตาเดียวก็ลากยาวมาถึงเวลาเลิกงาน เธอจ้องมองงานตั้งมากมายที่กองอยู่เต็มมือ จนอดถอนหายใจไม่ได้
วันนี้ภวินท์บอกว่าต้องทำงานโอที เธอผู้เป็นเลขานุการจำต้องอยู่เป็นเพื่อนอย่างแน่นอน
เพิ่งจะพ้นเวลาเลิกงานไปได้ไม่นานนัก ในบริษัทก็เงียบลงเยอะ ญาธิดาลุกขึ้นไปยังห้องชงกาแฟ เพื่อเตรียมชงกาแฟไปให้ภวินท์สักแก้ว พร้อมทั้งไปสอบถามว่าเขาอยากจะกินอะไร
“คุณภวินท์ เย็นแล้วค่ะ คุณอยากจะกินอะไรคะ?”
ภวินท์สนใจแต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งพูดตอบโต้กลับมาอย่างเรียบเฉย “เอาอะไรก็ได้ที่ไม่เผ็ดครับ”
“ได้ค่ะ”
ญาธิดารับคำสั่ง พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์และกดสั่งไปยังร้านโจ๊กเพื่อสั่งโจ๊กสองชามที่เธอกินอยู่เป็นประจำ ยังมีกับข้าวที่ถูกปากอีกสองอย่าง ยังมีซาลาเปาอีกหลายลูก และกดสั่งทันที
ไม่นานนัก ไรเดอร์ก็มาส่งอาหารให้ เธอรับอาหารตรงประตูลิฟต์ และมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของภวินท์ทันที “คุณภวินท์คะ ฉันสั่งโจ๊กและกับข้าวมา จะวางไว้ให้คุณตรงนี้อีกชุดค่ะ คุณต้องกินตอนร้อนๆนะคะ”
เธอพูด พร้อมทั้งเปิดถุงไว้ และหยิบออกมาจากด้านในหนึ่งชุด พร้อมทั้งวางไว้ตรงเคาน์เตอร์หน้าโซฟา จากนั้น เธอก็ลุกขึ้นพร้อมทั้งก้าวเท้ามุ่งหน้าเดินไปทางด้านนอก
พอภวินท์ได้ยินจึงแหงนหน้ามอง พร้อมทั้งมองไปหาเธอที่กำลังเดินออกไป ดวงตาฉายความหวั่นไหวออกมาเล็กน้อย พร้อมทั้งเรียกรั้งเธอเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน”
ญาธิดาตกตะลึง พร้อมทั้งถามเขากลับ “มีอะไรหรือคะ?”
ชายหนุ่มดูเหมือนเหนื่อยล้าเล็กน้อย จึงยกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งก้าวเดินมาทางนี้ “คุณกินข้าวพร้อมกับผมที่นี่แหละครับ.
“เอ่อ…” ญาธิดาพูดอย่างไม่สบายใจ “มันไม่ค่อยดีมั้งคะ”
ถึงแม้ว่าจะเลิกงานกันแล้ว แต่เธอกับภวินท์ก็อยู่ในความสัมพันธ์แบบเจ้านายลูกน้อย ถ้าให้ใครมาเห็นเขา เกรงว่าจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีแน่
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้น “คุณกลัวอะไรเหรอ?”
เมื่อวานนี้เธอก็แสดงท่าทางหนักแน่นต่อหน้าพิชญ์สินี จนระเบิดอารมณ์อย่างทนไม่ไหว ทำไมพออยู่ต่อหน้าเขา ก็กลายเป็นเจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยที่แสนเชื่อฟังไปทันที
ญาธิดาลังเลและพูดทั้งๆที่ก้มหน้าลงเล็กน้อย “ฉันรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม…”
จู่ๆ เบื้องหน้าก็หม่นหมองลง วินาทีต่อมา เธอถูกภวินท์ดึงให้เดินมายังที่โต๊ะเคาน์เตอร์หน้าโซฟา พอเดินมาอยู่ข้างโซฟาแล้ว เธอก็ถูกกดให้นั่งลง และมีเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังอยู่ด้านข้าง “ผมพูดว่าเหมาะก็เหมาะสิ”
วินาทีนั้น ญาธิดาไร้วิธีการตอบโต้
ภวินท์นั่งอยู่ทางด้านข้าง จากนั้นก็หยิบผ้าเปียกขึ้นมาเช็ดมือตัวเอง ญาธิดาไม่สามารถทำอะไรได้ จึงก็ทำได้แค่หยิบกล่องข้าวออกมาจากถุง
ทั้งสองคนต่างก้มหน้ากินของตนเอง และไม่ได้มีการพูดคุยตอบโต้แต่อย่างใด พริบตาเดียว บรรยากาศก็ดูเคอะเขินเล็กน้อย
ญาธิดานั่งอยู่ด้านข้าง และกินข้าวไปสองคำ ก็รู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง การกินข้าวท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ เธอรู้สึกไม่สบายจริงๆ
เธอคนโจ๊กในมือ พลางเหลือบตามองภวินท์ที่อยู่ทางนั้น ก็เห็นว่าเขาหยิบตะเกียบขึ้นมา และคีบหมูผัดพริกอ่อนขึ้นมาชิ้นหนึ่ง และใส่ปากอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในกับข้าวที่ญาธิดาชอบที่สุด พ่อครัวร้านโจ๊กร้านนี้เป็นคนภาคใต้ กับข้าวที่ทำก็จะเป็นอาหารรสเผ็ดแบบต้นตำรับ ทุกครั้งที่เธอกับอัญมณีไปกินโจ๊ก ก็จะสั่งกับข้าวนี้มากินคู่กับโจ๊ก
ตอนแรกคิดว่าภวินท์จะชอบ แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อเขากินหมดคำแล้ว จู่ๆก็ขมวดหัวคิ้วทันที
จนสัมผัสได้ถึงลักษณะท่าทางผิดแปลกของเขา ญาธิดาหนักใจทันที จึงรีบอ้าปากถามทันควัน “เป็นอะไรไป? ไม่ถูกปากคุณเหรอคะ?”
ใบหน้าภวินท์แสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมาเล็กน้อย พลันส่ายหน้าปฏิเสธ “อร่อยมาก…”
ถึงแม้ว่าปากจะพูดออกไปแบบนี้ แต่หูของเขากลับแดงก่ำ และย่นหัวคิ้วพร้อมทั้งยกแก้วน้ำทางด้านข้างขึ้นมากระดกดื่มอึกใหญ่
วินาทีนั้น ญาธิดาตอบสนองทันควัน “คุณกินเผ็ดไม่ได้เหรอคะ?”
เมื่อภวินท์ได้ยิน จึงหันศีรษะมามองเธอ จนเผยให้เห็นร่องรอยความอับอายอยู่บนสีหน้า พริบตาเดียวก็หายวับไป “ใครบอก?”
เขาพูด พร้อมทั้งจับสังเกตของญาธิดา ราวกับเพื่อเป็นการพิสูจน์ตนเอง จึงหยิบตะเกียบและคีบหมูผัดพริกอ่อนขึ้นมายัดเข้าปาก
ตอนแรกท่าทางของเขาก็ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป แต่พอนานวันเข้า เขาก็ย่นคิ้วหากัน และแสร้งทำทีสงบเสงี่ยมไม่ยอมดื่มน้ำ
เมื่อเห็นท่าทางฝืนอดกลั้นแบบนี้ของเขาแล้ว ญาธิดาอดใจจนเผลอหัวเราะ “พรืด”ออกมา
ทั้งๆที่กินเผ็ดไม่ได้ ยังต้องฝืนทนอีก!
ภวินท์หันศีรษะไปมองเธอ ด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย “หัวเราะอะไร?”
ญาธิดาส่ายหน้าทันควัน “ไม่…ไม่มีอะไรค่ะ”
ภวินท์ย่นคิ้ว ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ก็มองเห็นว่าเธอเอาหมูผัดพริกอ่อนชามนั้นย้ายไปอยู่ฝั่งเธอ และเอาผัดมันฝรั่งแบบเผ็ดเปรี้ยวจานนั้นมาวางตรงหน้าเขา
เธอช้อนตา พร้อมทั้งยกมุมปากให้เขา “คุณกินอันนี้สิ”
ภวินท์หัวใจบีบรัดทันที พลางมีความรู้สึกสับสนจนพรรณนาไม่ถูกมันพลุ่งพล่านขึ้นมาในหัวใจ
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ขายหน้าต่อหน้าเธอขนาดนี้
ภวินท์กวาดตามองหมูผัดพริกอ่อนชามนั้น พลันเลิกคิ้วถามกลับทันที “คุณกินเผ็ดเก่งเหรอ?”
ญาธิดาหันศีรษะไปมองเขา หลังจากตะลึงอยู่ชั่วครู่ ก็พยักหน้าให้อย่างจริงจัง
สำหรับเพื่อนๆที่เธอรู้จักนั้น ระดับความเผ็ดของเธอถือว่าไม่เลวเลย อีกอย่าง ระดับความเผ็ดของหมูผัดพริกอ่อนจานนี้ถือว่าแค่ชาปลายลิ้นเท่านั้นเอง ไม่ถือว่าเป็นอะไร
เธอไม่ได้คิดอะไรมา จึงหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบชิ้นหมูผัดพริก พร้อมทั้งคีบพริกอ่อนกับหมูยัดใส่ปาก
ตอนแรกก็ไม่มีอะไร หลังจากที่ญาธิดากลืนลงคอไปแล้ว ถึงได้รู้ว่าพริกครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งก่อน มันเผ็ดจนร้อนฉ่าไหลผ่านลำคอไป พร้อมทั้งนำความเผ็ดร้อนมาพร้อมกัน
ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย และยังไม่ทันได้สติ จนหน้าแดงแจ๋ทันที เธอย่นคิ้วหากัน “ครั้งนี้…ทำไม…” เผ็ดขนาดนี้!
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความเผ็ดที่อยู่ปลายลิ้นยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าที่ร้านจะเปลี่ยนพริกพันธุ์ใหม่ มิน่าล่ะเมื่อครู่ที่ภวินท์กินสีหน้าก็ดูผิดแปลกไปพิกล
ซึ่งตอนแรกเธอก็เพื่อจะพิสูจน์ตัวเอง จึงจงใจคีบมาชิ้นคำใหญ่ แถมยังคีบท่อนพริกมาหลายชิ้น จึงเผ็ดจนทนไม่ไหว
เธอเผ็ดจนเหงื่อแตกตรงหน้าผาก จนพูดอย่างกระวนกระวายใจ “เผ็ดมากค่ะ ….น้ำ…”
เมื่อพูดออกมาแบบนี้ เธอเหลือบมองบนโต๊ะ แต่ตอนนี้อยู่ในห้องทำงานของภวินท์ จึงไม่มีแก้วของเธอแม้แต่เงา ส่วนแก้วของภวินท์กลับไม่มีน้ำ
วินาทีนั้น ญาธิดาใช้มือพัดอย่างทำอะไรไม่ถูก จึงสูดลมเย็นๆเขาปาก จู่ๆ ก็มีมือของชายหนุ่มยื่นมาทางด้านข้าง เพื่อโอบไหล่เธอ จากนั้นก็ดึงเธอเข้าอ้อมกอดทันที
ญาธิดาช้อนสายตามองอย่างตกใจ ยังไม่ทันมองการแสดงออกของภวินท์ให้ชัดเจนเลย ริมฝีปากอันอ่อนนุ่ม ก็ถูกคนปิดปากเรียบร้อยแล้ว
สมองของเธอขาวโพลนในชั่วพริบตา จนรู้สึกถึงความเย็นเล็กน้อยปะปนอยู่บนริมฝีปากของชายหนุ่ม ความรวดเร็วของลิ้น สัมผัสลงบนปลายลิ้นอันเผ็ดและร้อนผ่าวของเธอ จนเพิ่มความเย็นชาให้กับเธอ
ความเผ็ดร้อนที่อยู่ปลายลิ้นค่อยๆหายไปช้าๆ เรื่อยๆ ส่วนร่างกายของเธอนั้นกลับถูกความรู้สึกเร่าร้อนและร้อนผ่าวนั้นเข้ามาเติมเต็ม ราวกับถูกเขาจุดประกายขึ้นมา จนร่างกายเร่าร้อนไปทั่วตัว