ดวงใจภวินท์ - บทที่ 314 ปกป้องเธอสุดความสามารถ
ไม่เกินสิบนาที ประตูของห้องรับรองก็เปิดออก ภวินท์เดินออกมา สีหน้าเคร่งขรึมพร้อมทั้งเย็นชา ดวงตาฉายความเย็นเฉียบออกมาเพิ่มขึ้น
เขากวาดตามองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกอย่างเย็นชา โดยที่สายตาไม่ได้จับจุดมองอยู่นาน พริบตาเดียว เขาก็หันหลังให้ และมองคุณอติวัณณ์ที่อยู่ทางด้านหลัง
“ขอโทษด้วยครับคุณอติวัณณ์ ที่ทำให้คุณต้องพลอยขบขันไปด้วย วันนี้ที่บริษัทเกิดเรื่องด่วนขึ้นจำเป็นต้องจัดการครับ จึงไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุณได้แล้ว เอาไว้วันอื่นผมต้องเป็นเจ้าภาพเอง ต้องคุยกันอีกยาวเลย”
ทางคุณอติวัณณ์ได้แต่ยิ้มให้ พร้อมทั้งโบกมือ “ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อย งั้นเรื่องความร่วมมือกันพวกเราค่อยนัดหมายเวลากันใหม่ วันนี้ขอตัวก่อนครับ”
ทั้งสองคนกล่าวทักทายกันไม่กี่ประโยค คุณอติวัณณ์พร้อมทั้งผู้ช่วยเดินออกไป ภวินท์ยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าดูย่ำแย่เล็กน้อย
ตอนที่เขาเงียบงันอยู่นั้น ผู้ช่วยแผนกที่มายื่นขอเสนอเปิดประชุมและเลขานุการคนอื่นๆต่างไม่กล้าจะหายใจเสียงดัง เพื่อรอให้เขาเป็นคนอ้าปากพูดก่อน
สายตาของเขาเหลือบมองญาธิดา พร้อมทั้งหันไปออกคำสั่งกับพายุที่อยู่ด้านหลัง “ไปจัดการนะ เรียกประชุม”
“ครับ” พายุเดินไปจัดการอย่างคล่องแคล่ว
ถัดมา เขาก็มองพลางพูดกับญาธิดา “คุณเข้ามาหาผม”
ญาธิดาลังเลอยู่ชั่วครู่ มือที่อยู่ข้างตัวค่อยๆกำแน่น พร้อมทั้งก้าวเท้าเดินตามหลังไป
เมื่อเดินเข้าห้องทำงานแล้ว วินาทีที่บานประตูปิดนั้น หัวใจของญาธิดาก็หม่นหมองลงเยอะ
โดยไม่รอให้เธอได้เงยหน้าพูดอธิบายก่อน ชายหนุ่มก็เปล่งเสียงตวาดกลับมาอย่างเย็นเฉียบ “ทำไมคุณถึงไปอยู่กับเขา!”
ญาธิดาตัวสั่นทันที พร้อมทั้งจ้องมองเขาอย่างตกใจ พอเห็นแววตาของชายหนุ่มที่ฉาบความโกรธเคืองอยู่จางๆ พลางสูดลมเย็นพร้อมทั้งตอบกลับไป “ระ…เราแค่บังเอิญเจอกันค่ะ”
“บังเอิญเจอแล้วยังไปเดินเที่ยวด้วยกัน ยังกินข้าวด้วยกัน จากนั้นก็ส่งคุณกลับบ้านอีกนะเหรอ?” ภวินท์ระเบิดอารมณ์โกรธอยู่เต็มหัวใจ จู่ๆก็ก้าวฝีเท้ามาต้อนเธอเอาไว้ “ญาธิดา คุณรู้จักคำว่ารักนวลสงวนตัวบ้างมั้ย!”
เธอพูดว่าตัวเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาจะเชื่อเธอ แต่คนอื่นกลับไม่เหมือนกัน! คนในบริษัทมีคนมากมายขนาดนี้ หูตากว้างขวางนับไม่ถ้วน ทุกคนต่างเห็นรูปกันแล้ว โดยไม่สนว่าจะเป็นการแอบถ่ายมา เธอกับคณินเดินกันอย่างกะหนุงกะหนิงจนมีหลักฐานคาตา! ทุกคนต่างสงสัยว่าเธอเป็นคนร้ายที่ทำให้แผนงานรั่วไหล ถึงเวลานั้นเขาก็อยากจะปกป้องเธอก็ไร้วิธีแล้ว!
จู่ๆญาธิดาตกใจกับความโกรธเคืองของชายหนุ่ม จนร่างกายเธอสั่นเทา พร้อมทั้งเลือดกำลังพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว รอจนเธอดึงสติกลับมา ถึงได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจตามมาทีหลัง
เธอกัดฟัน “หรือว่าการเดินช็อปปิ้งและกินข้าวกับเพศตรงข้ามมันจัดว่าไม่รักนวลสงวนตัวเหรอ? งั้นฉันกับคุณถึงขั้นไม่ยับยั้งชั่งใจแล้วใช่มั้ย?”
ภวินท์ได้ยิน พลางย่นคิ้วเข้าหากัน พร้อมทั้งความโกรธอย่างรุนแรงมันตีขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอหอย จนสุดท้ายกลับกลืนลงคอไป
เขาจับจ้องดวงตาคู่นั้นของญาธิดา พร้อมทั้งเสียงทุ้มต่ำอย่างเคร่งขรึม “คุณรู้ทั้งรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคณินมันเป็นเรื่องหวั่นไหวมากจนถูกลากไปรวมกับเรื่องแผนงานรั่วไหล ทำไมถึงได้ยังคบหากับเขาโดยที่ไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน?”
เธอตกอยู่ในสภาพนี้ งั้นเขายังจะช่วยเธออยู่มั้ย?
หัวใจญาธิดาบีบรัดแน่น พร้อมทั้งพูดไม่ออก
เธอกับคณินบังเอิญเจอกันจริงๆ ตอนที่กินข้าวอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้คิดมากอะไรขนาดนั้น เธอคิดว่าภวินท์ถูกลงโทษจากทางบ้าน เธอเลยโดนหางเลขโดยการถูกแส้ไปด้วย เรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า…
ในเวลานี้เอง บริเวณประตูก็มีเสียงพายุดังขึ้นมา “คุณภวินท์ครับ จัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จแล้วครับ ผู้ถือหุ้นกับผู้บริหารระดับสูงต่างมาถึงกันแล้ว และกำลังรอคุณอยู่ครับ”
ภวินท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และส่งเสียงตอบรับ พลันหันมามองญาธิดา เมื่อเห็นดวงตาอันดำขลับคู่นั้นของเธอ จนเกิดความรู้สึกลังเลเล็กน้อย จากนั้นถึงอ้าปากพูด “คุณกับคณิน…”
ในใจญาธิดารู้ดีว่าเขาอยากจะพูดอะไรออกมา จึงตอบกลับอย่างแน่วแน่ทุกถ้อยคำกลับไป “ฉันกับเขาไม่มีอะไรกันจริงๆ และยิ่งไม่ได้เปิดเผยแผนงานจนมันรั่วไหลออกไปกับเขาฟังเลย”
ความรู้สึกที่เก็บซ่อนจนไม่แสดงออกมาของภวินท์ พอได้ยินแล้วจึงพูดว่า “ได้ ผมจะพยายามสุดความสามารถ”
พยายามปกป้องเธอให้อยู่รอดปลอดภัย
พูดจบ เขาก็หันหลังให้ พร้อมทั้งก้าวขาเรียวยาวเดินออกไปทางด้านนอก พอตอนที่ถึงประตูนั้น ก็หลุดโพล่งออกมาประโยคหนึ่ง “คุณตามผมมา”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมทั้งกัดฟันเอาไว้ และเดินตามหลังไป
สถานการณ์ท้าทายที่เกิดขึ้นที่มาจากผู้ถือหุ้นระดับสูงทุกท่าน ไม่ช้าเร็วยังไงก็ต้องมี
เมื่อเดินออกมาจากสำนักงานCEO ญาธิดาก็เดินตามหลังภวินท์ และเดินมุ่งหน้าไปยังห้องประชุม ตอนที่ถึงประตูห้องประชุมนั้น เธอยังได้ยินเสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังลั่น แต่ตอนที่ผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปในห้องนั้น ทุกเสียงต่างเงียบกริบทันที
เธอเดินตามหลังเข้าไป และสบตากับสายตาอันสับสนของผู้คน หัวใจบีบรัดแน่น และรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว
ผู้คนที่อยู่ในห้องประชุม ต่างคุ้นหน้าคุ้นตากับญาธิดาอยู่บ้าง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ซึ่งเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของพวกเขาในเวลานี้ เธอแค่รู้สึกว่าร่างกายของตนเองต่างถูกมองจนทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว
“โดยทำตามคำร้องขอของพวกคุณ ผมจึงเปิดประชุม”
ภวินท์มุ่งหน้าเดินไปยังตำแหน่งหลักพลางนั่งลง และเหล่ตามองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา
ภายในห้องประชุมเงียบกริบชั่วขณะ หลังจากนั้นสักพัก ก็มีผู้ชายหัวล้านคนหนึ่งเป็นคนเปิดปากพูดก่อน “คุณภวินท์ ตอนที่แผนงานรั่วไหลออกไป คุณพูดในที่ประชุมว่าจะมีคำอธิบายให้พวกเรา แต่ว่าวันนี้ พวกเราทุกคนก็รอแล้วรอเล่าแต่ก็ยังไม่เห็นได้คำตอบจากคุณ!”
เขาพูด พร้อมทั้งเหล่ตามองญาธิดาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
คนที่อยู่ด้านข้างคอยเสริมทัพ “ใช่ครับ ถึงแม้ตอนนี้สภาพของบริษัทจะมั่นคงแล้วก็ตาม แต่ผ่านเรื่องนั้นมาแล้ว ก็เสียหายไปอยู่ไม่น้อย เรื่องที่ผิดพลาดไปแล้วก็ต้องมีคนเข้ามารับผิดชอบ”
“ใช่ ถูกต้อง!”
“……”
จากนั้นก็มีเสียงพูดคุยซุบซิบฮือฮาขึ้นมา ทุกคนต่างมองมาที่ญาธิดาอย่างไม่ได้ตั้งใจ โดยความหมายไม่ต้องพูดก็เข้าใจ
จากนั้นก็มีหัวหน้าแผนกที่กล้าหาญชาญชัยเป็นคนอ้าปากพูดทันที “คุณภวินท์ เรื่องนี้จำต้องมีคำอธิบายให้ทุกคนด้วย โครงการตั้ง70ล้านมันกลับละลายไปกับสายน้ำแบบนี้ อีกอย่างเพราะว่าในบริษัทมีหนอนบ่อนไส้ แถมยังใช้วิธีส่งอีเมลของบริษัทส่งให้กับทุกคน ซึ่งตอนนี้ถ้าไม่มีการอธิบาย เกรงว่าทุกคนในบริษัทก็ไม่สามารถทนรับได้อีกแล้ว”
ภวินท์ขมวดหัวคิ้วไว้แน่น สีหน้าเย็นชาลงเยอะ
ซึ่งในวันนี้จุดประสงค์ของทุกคนเขาชัดเจนที่สุดแล้ว เพราะว่าเรื่องที่แผนงานครั้งนี้รั่วไหลออกไป ทุกคนต่างมีปมอยู่ในใจ และหาคนระบายอารมณ์ไม่ได้ จู่ๆก็มีการส่งอีเมลขึ้นมาในตอนนี้ อันดับแรกคนที่ทุกคนสงสัยก็ย่อมเป็นญาธิดา นี่เป็นข้อเท็จจริงที่สุด
ภวินท์อ้าปากพูดอย่างเย็นชา “ผมเคยพูดว่าจะอธิบายให้พวกคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสามารถโยนความผิดให้คนคนหนึ่งได้นะครับ”
มีคนเปล่งเสียงขึ้น “คุณภวินท์ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ในใจของทุกคนต่างชัดเจนกันดีอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องปกป้องใครอีกแล้ว”
ปลายคางภวินท์เชิดขึ้น ความเย็นเฉียบในดวงตาราวกับธนูแห่งความเย็นเฉียบพุ่งแสงออกมา “ไหนคุณลองพูดให้ฟังหน่อย ผมกำลังปกป้องใครอยู่เหรอครับ?”
การถูกเขาสอบถามกลับมาแบบนี้ คนคนนั้นหุบปากทันที พลางเหล่ตามองญาธิดา ไม่กล้าจะตอบคำถาม
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่พูดจา ภวินท์นั่งหลังตรง น้ำเสียงพูดดังกึกก้อง “จู่ๆระบบอีเมลของบริษัทก็โดนคนแฮก แถมยังส่งอีเมลในรูปแบบชี้นำ หากมีคนจงใจแฮกมันขึ้นมา งั้นทุกคนก็ชี้กวางไปเป็นม้าโดยไม่แยกแยะถูกหรือผิดอะไรเลยใช่มั้ย?”
อีกอย่างช่วงเวลากับตอนที่อีเมลปรากฏตัวขึ้นมาถือว่ามีจุดสงสัยมากมายเกิดขึ้นจริงๆ อีกอย่างแค่อาศัยรูปไม่กี่ใบนี้ ก็โยนความผิดให้คนคนหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเลย
ชั่วขณะนั้น ในห้องประชุมก็เงียบงันลงเล็กน้อย
เมื่อผ่านไปสักพัก จู่ๆผู้ชายหัวล้านคนนั้นก็เหลือบมองภูผาที่ไม่ได้พูดอะไรเลย “รองประธานครับ เรื่องนี้คุณคิดเห็นว่ายังไงครับ?”
ราวกับภูผาสามารถทำให้คนละเลยพลังปีศาจของเขา ตอนที่เขาไม่พูดไม่จานั้น ทุกคนต่างไม่มีใครสนใจเขาเลย แต่พอมีคนเอ่ยถึงในตอนนี้ สายตาของทุกคนต่างพุ่งเป้ามามองเขาทั้งหมด
ทุกคนต่างรู้ว่าภวินท์กับภูผาคู่สองพี่น้องไม่กินเส้นกัน ซึ่งในเวลานี้พวกเขาเอาปัญหายากๆมาโยนให้ภูผา เห็นได้ชัดว่าอยากจะเห็นความครึกครื้นที่เพิ่มมากขึ้น
ภูผาคลี่ยิ้มมุมปาก จึงเงยหน้าเหลือบมองภวินท์ที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธาน ด้วยความรู้สึกสับสนที่ซ้อนเร้นอยู่ในดวงตา
เขาอ้าปากพูดน้ำเสียงปกติ “เรื่องนี้ ผมเองก็พูดไม่ได้”