ดวงใจภวินท์ - บทที่ 315 ฉวยโอกาสเพื่อให้ได้ประโยชน์จากอีกฝ่าย
ญาธิดาได้ยิน ความรู้สึกหัวใจติดค้างอยู่ตรงคอหอยก็ผ่อนคลายลงทันที
ซึ่งคนที่มีอำนาจมากที่สุดในการประชุมในวันนี้ก็คือภวินท์ ถัดมาก็คือภูผา ภวินท์ออกหน้าพูดแทนเธอ หากภูผาก็ยืนอยู่ฝั่งเธอเหมือนกัน งั้นพวกผู้บริหารระดับสูงและเหล่าผู้ถือหุ้นย่อมไม่สามารถถล่มจนทำให้ลำบากใจได้อีกแล้ว
เธอเพิ่งจะแอบถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ได้ยินภูผาพูดตามหลังมาติดๆ “ผมรู้สึกว่า เรื่องแบบนี้ ต้องให้ประธานใหญ่ตัดสินใจค่อนข้างเหมาะสมกว่าครับ”
ใครเล่าจะไม่รู้ว่าท่านประธานใหญ่ของSTN Groupคือปกรณ์ ตั้งแต่ที่เขายกบริษัทให้ภวินท์แล้ว ราวกับไม่ค่อยโผล่หน้าที่บริษัทสักเท่าไหร่ แต่เพราะว่าเรื่องนี้ จนต้องไปดึงให้ปกรณ์ออกมาจากที่กำบัง มันยิ่งทำให้เรื่องมันเปลี่ยนเป็นซับซ้อนเข้าไปใหญ่
ถ้าปกรณ์มา ซึ่งไม่ได้มีผลลัพธ์ที่ดีต่อเธอสักนิด
ญาธิดาเหลือบมองภูผาอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มยังคงแสดงท่าทางอ่อนโยนทางใบหน้า แถมยังมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า และใช้หน้าตายิ้มเช่นนี้กับทุกคน
ซึ่งเขาเคยช่วยเธอไว้ตั้งหลายครั้ง เธอยังคิดว่าครั้งนี้เขาจะยืนอยู่ทางฝั่งเธอ แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะเปลี่ยนทิศทางไปแล้ว
ภูผาพูดออกมาเช่นนี้ เท่ากับเป็นการราดน้ำมันที่บรรดาผู้บริหารระดับสูงมีต่อภวินท์ พวกเขาพูดเสริมทัพทันที “ใช่ ต้องเรียนเชิญคุณปกรณ์ให้ท่านมาจัดการเรื่องนี้!”
“ใช่ๆๆ! เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ของทั้งบริษัท ถ้าหนอนบ่อนไส้ในบริษัทไม่ถูกไล่ออกไป ไม่แน่ภายภาคหน้าอาจจะต้องเกิดแผนเล่นตุกติกอะไรขึ้นอีก!”
“……”
ญาธิดายืนอยู่ทางด้านข้าง พอได้ยินน้ำเสียงและคำพูดคำจาที่ไม่เป็นมิตร จนทั้งตัวราวกับถูกน้ำเย็นเฉียบสาดไปทั่วตัว จึงตัวสั่นเทาอย่างอดใจไม่อยู่
ส่วนทางฝั่งภวินท์ก็เหลือบมองภูผาอย่างเย็นชา มือที่วางอยู่บนโต๊ะก็กำแน่นขึ้นมากอย่างไม่รู้ตัว
เขาช่างสรรหาวิธีได้ดีจริงๆ ตนเองไม่ออกหน้าเพื่อคัดค้าน แค่พ่นออกมาประโยคเดียว ว่าต้องการเชิญบิดามาร่วมวงด้วย ส่วนตัวเขาเองนั้นถอยไปอยู่ด้านข้าง เพื่อรอฉวยโอกาสเพื่อให้ได้ประโยชน์จากอีกฝ่ายแทน
เขาช้อนตากวาดมองทุกคน พร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนพ่อผม”
“คุณภวินท์ พวกเราต่างรู้ว่าผู้ช่วยที่คอยติดตามอยู่ข้างกายคุณ จะเป็นรักครั้งเก่าของคุณพวกเราก็ไม่พูดอะไร แต่ว่าพวกเราไม่มีวันอนุญาตให้คนทรยศอยู่ในบริษัทต่อ”
“ใช่ๆๆ! เรื่องนี้ยังไงก็ต้องเชิญให้คุณปกรณ์ออกหน้าเพื่อมาจัดการแก้ไขปัญหาถือว่าค่อนข้างเหมาะสมที่สุด”
“ใช่ ผมก็เห็นด้วย”
เวลานั้น ทุกคนต่างบุกถล่มคนของตนเองยับ ต่างเห็นด้วยกับวิธีการของภูผา
ภูผายิ้มแต่ไม่พูดอะไร พลันหันไปมองครามที่อยู่ด้านข้าง เพื่อส่งสัญญาณให้เขา
ครามหันหลังให้และเดินออกจากห้องประชุม ซึ่งไม่นานนักก็กลับมา พร้อมทั้งโน้มลงกระซิบพูดอะไรบางอย่างข้างหูภูผา ภูผาพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดกับทุกคน “อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง คุณปกรณ์จะรีบมาให้ถึงโดยเร็ว ทุกคนอย่าเพิ่งหงุดหงิดกันไป ถึงตอนนั้นทุกคนต้องได้คำตอบที่พอใจอย่างแน่นอน”
ภวินท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นัยน์ตาเกิดความโกรธเคืองพลุ่งพล่าน แต่เวลานี้เอง เขาก็ไร้วิธี ทำได้แค่รอให้ปกรณ์มาถึง
เขาหันไปมองทางญาธิดา พอเห็นดวงตาที่ฉายความสงบของหญิงสาว หัวใจรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาดึงสายตากลับมา และมองไปทางพายุ และกระซิบสั่งการออกไปหลายประโยค
พายุพยักหน้าทันที พร้อมทั้งให้ญาธิดาที่นั่งติดอยู่ตำแหน่งข้างกำแพง จนกระซิบพูด “คุณภวินท์ให้ผมมาแจ้งกับคุณ คุณต้องพูดความจริงเรื่องคุณกับคุณคณิน เขาจะต่อสู้เพื่อใช้โอกาสให้คุณพิสูจน์ตนเองให้หลุดพ้น
ญาธิดากัดริมฝีปาก พร้อมทั้งใช้สายตาสับสนจ้องมองมายังทางฝั่งภวินท์ ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งและอึดอัด
สุดท้าย เธอก็เหลือบมองพายุ พร้อมทั้งพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “ฉันจะพยายามสุดความสามารถค่ะ ”
รอจนพายุเดินออกไปแล้ว ญาธิดาก็นั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับนั่งอยู่บนเข็ม โดยที่ไม่รู้ว่าเหงื่อในมือทั้งสองข้างที่กุมมือกันอยู่มันผุดมาตั้งแต่ตอนไหน
ราวกับว่าเธอพอมีลางสังหรณ์ที่ตรงมากพอ เมื่อปกรณ์มาถึงแล้วสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเขาก็ไม่ชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการอธิบายให้กับทุกคนในเวลานี้ เขาย่อมปล่อยเธอไปอย่างไม่ลังเล โดยจะฟังความคิดเห็นของผู้ถือหุ้นทุกคนเพื่อดำเนินการลงโทษเธอ กระทั่งอาจจะไล่เธอออก
ส่วนภวินท์ถ้าอยากจะปกป้องเธอเอาไว้ ก็ต้องยืนอยู่อีกฝ่ายกับปกรณ์ ถึงเวลานั้นระหว่างสองคนพ่อลูก ก็คงเกิดการข้อพิพาทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เธอไม่ยินยอมที่จะเห็นภวินท์ต้องพลอยลำบากไปด้วย และยิ่งไม่อยากกลายเป็นตัวถ่วงให้เขา เธอกัดฟันไว้แน่น
ซึ่ง ไม่เกินครึ่งชั่วโมงปกรณ์ก็รีบมาถึงบริษัท เขาก็เดินเข้ามาในห้องประชุม ทุกคนต่างลุกขึ้น เพื่อทักทายเขา
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งSTN Groupแก่ทุกคน คนเก่าแก่ก็รู้จักเขาดี คนมาใหม่ต่างหวาดกลัวเขา ตั้งแต่วินาทีที่เขาเดินเข้ามาในห้องประชุมนั้น ทุกคนต่างเงียบเสียงอย่างไม่ได้นัดหมาย
หลังจากเข้าใจเรื่องตั้งแต่ต้นชนปลายหมดแล้ว เขาก็ช้อนสายตาเหลือบมองญาธิดาที่ยืนอยู่ทางนั้นอย่างเย็นชา พร้อมทั้งมองและพูดกับภวินท์ “คุณวางแผนจะจัดการยังไง?”
“ตรวจสอบจนรู้ความจริงทั้งหมดแล้วค่อยว่ากัน ตั้งแต่คนที่แฮกระบบอีเมล” น้ำเสียงภวินท์พูดอย่างหนักแน่น “ควานหาตัวคนส่งอีเมลคนนั้นเจอ ก็น่าจะเข้าใจเรื่องได้เกินครึ่ง”
ปกรณ์ได้ยินจนทำเสียงเย็นชาในลำคอ พร้อมทั้งกวาดตามองเขา แต่ไม่ได้แสดงความคิดออกมา แต่กลับมองไปหาทุกคนพร้อมทั้งเอ่ยปากสอบถามแทน “ทุกคนคิดยังไงกัน?”
ทุกคนต่างโต้เถียงกันอย่างจริงจัง พร้อมทั้งพูดถึงคำพูดที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่ต่อหน้าปกรณ์อีกรอบ
สุดท้ายแล้ว ก็มีคนพูดอีกครั้ง “คุณปกรณ์ เรื่องนี้ยังคงต้องให้ท่านเข้ามาตัดสินใจแล้วครับ การทำเช่นนี้ทุกคนจะได้เชื่อมั่นจากใจจริง”
“ใช่ครับ!”
ปกรณ์ได้ยิน จึงลุกขึ้น หลังจากนั้นจึงเอามือทั้งสองข้างไพล่หลัง พร้อมทั้งนึกคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ช้อนสายตาเหลือบมองญาธิดา ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ทำให้บริษัทเสียหายอย่างหนัก ตอนนี้ไม่สนว่าคนทรยศคือใคร สุดท้ายคุณก็ไม่สามารถปัดความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปได้ STN Groupไม่มีทางจะปล่อยให้คุณอยู่ทำงานที่นี่ต่อได้อีกแล้ว”
หัวใจญาธิดาเต้นโครมคราม พร้อมทั้งกัดฟันพูดตอบโต้กลับไป “ความหมายของท่านคือไม่ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับฉันหรือไม่ก็ตาม ฉันก็ต้องแบกรับโทษนี้ไว้ใช่มั้ยคะ?”
ปกรณ์ไม่คิดเลยว่าเธอจะยอกย้อนกลับมาแบบนี้ จนหน้าดำหน้าแดง และพูดกลับด้วยเสียงแข็งกร้าว “คุณมีหลักฐานที่แสดงว่าตัวเองบริสุทธิ์ไหมล่ะ?”
เวลานั้น ญาธิดาไร้คำพูดตอบโต้กลับ
ภวินท์ลุกขึ้นตาม พร้อมทั้งเหลือบมองปกรณ์ “ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจนแล้วค่อยพูดกันใหม่ครับ”
“ฉันพูดว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้” ปกรณ์ขมวดคิ้วไว้แน่น พร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชา “เธออยู่ที่STN Groupไม่ได้อีกแล้ว อีกอย่างรอให้ถึงวันงานหมั้นของแก ฉันจะเอาเรื่องนี้ประกาศกับสื่อมวลชน และต้องมีคำอธิบายให้แก่ทุกคน!”
ญาธิดาหัวใจบีบรัดแน่น จนพูดไม่ออก
ปกรณ์วางแผนทำแบบนี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการโยนความผิดใส่หัวของเธออย่างแท้จริง
พอเธอร้อนใจขึ้นมา ก็อดพูดโพล่งออกไปไม่ได้ “แต่ว่าฉันไม่เคยทำเรื่องทรยศกับSTN Groupสักครั้งเลยนะคะ”
ปกรณ์ส่งเสียงพึมพำในลำคอ พร้อมทั้งใช้สายตากระแทกแดกดันมองเธอ “หน้าตาของคนทรยศก็ไม่ได้เขียนเอาไว้บนใบหน้านี่ คุณพูดอยู่เต็มปากว่าตนเองบริสุทธิ์ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไร ก็ไม่มีคนเชื่อคุณหรอก ข้อเท็จจริงคือคุณมีความสนิทสนมกับคนที่รับผิดชอบโครงการJV ซึ่งไม่มีใครที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณทำหรือไม่ได้ทำอะไร!
หัวใจญาธิดาทั้งหนักอึ้งและอึดอัด จนร่างกายสั่นสะท้าน
เวลานี้เอง ถึงแม้ว่าร่างกายเธอจะมีปากเพิ่ม เกรงว่าก็ไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจน
บรรยากาศถึงขั้นพัฒนาไปสู่ระดับจุดจบที่เข้มข้นที่สุด มีคนคอยช่วยสนับสนุนข้างตนเอง และมีคนใช้สายตาเย็นชาคอยสอดส่องมอง เวลานั้น ภายในห้องประชุมกลับเงียบสนิทจนน่าตกใจ
เวลานี้เอง จู่ๆประตูห้องประชุมก็มีคนผลักออก พร้อมทั้งมีผู้ชายเดินเข้ามาอาการตื่นตระหนก จากนั้นก็เดินมาอยู่ด้านข้างของภวินท์ พร้อมทั้งพูดกระซิบกระซาบ “คุณภวินท์ครับ คุณคณินผู้จัดการกิจการของJVมาถึงแล้วครับ เขาต้องการจะเข้ามาในห้องประชุมด้วย”
ภวินท์ย่นคิ้วหากัน ดวงตาฉายแววตาความแปลกใจออกมา ยังไม่ทันรอให้เขาขยับปาก ประตูห้องประชุมก็มีบอดี้การ์สองคนผลักประตูเข้ามา ตามมาติดๆคือร่างกายสูงใหญ่เดินเข้ามา
การปรากฏตัวของคณิน ราวกับโยนระเบิดลูกย่อมๆลงในแม่น้ำอันสงบนิ่ง จนทำให้ห้องประชุมที่เงียบสนิทเป็นทุนเดิมจนระเบิดลงจนน้ำกระฉอกออกมาในชั่วขณะนั้นทันที