ดวงใจภวินท์ - บทที่ 318 คิดว่าเธอเป็นตัวแทนงั้นเหรอ
บทที 318 คิดว่าเธอเป็นตัวแทนงั้นเหรอ?
สายลมยามวิกาลโบกพัดอย่างอ้อยอิ่ง ภวินท์ยืนอยู่ข้างตัวรถยนต์ ตรงแปลงกระถางดอกไม้ใต้ตึกคอนโด ราวกับดื่มหนักมา เขาจึงเอนตัวพิงรถยนต์อย่างเกียจคร้าน พร้อมทั้งหรี่มองทางบันไดที่อยู่ด้านหน้า
ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงเป็นแบบนี้?
เพราะรู้สึกอึดอัดใจ ตกกลางคืนเขาก็เลยไปนั่งดื่มเหล้ากับหลุยส์ พอตอนที่ได้ดื่มได้ครึ่งขวด ในหัวสมองกลับปรากฏใบหน้าของญาธิดาอย่างไม่หยุดหย่อน จนทำให้ความตึงเครียดในหัวของเขาหนักขึ้นกว่าเดิม เขากระดกเหล้าไปไม่น้อยอย่างไม่รู้ตัว หลังจากที่ออกมาจากRambler Clubhouse เขาก็เมาจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว
ตอนแรกพายุก็ต้องไปส่งเขากลับบ้าน แต่เขากลับบอกที่อยู่ของญาธิดาไปอย่างไร้การควบคุม
ไม่นานนัก ตรงบันไดชั้นหนึ่งมีแสงสว่างขึ้น หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ร่างกายของหญิงสาวก็ปรากฏขึ้นตรงประตูในเวลานี้
เธอใส่เสื้อโค้ตตัวยาวสีครีมทับร่างกายมาอีกชั้น จนเผยให้เห็นโคนขาอ่อนอันกลมเกลี้ยงเนียนละเอียด ตอนที่วิ่งมาหาเขานั้น โบยบินมา ราวกับเจ้าผีเสื้อตัวน้อย
ภวินท์หัวใจหวั่นไหว สายตาจับจ้องบนเรือนกายของญาธิดา จนไม่สามารถละสายตาได้
ญาธิดาเดินเข้ามาหา พร้อมทั้งมองภวินท์ที่ยืนอยู่ข้างรถ พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และยื่นน้ำเย็นให้เขา พร้อมทั้งพูดทันที “มีเรื่องอะไรก็พูดมาสิ”
ภวินท์ช้อนตามองขวดน้ำในมือของเธอ สุดท้ายสายตาจับจ้องบนข้อมือที่เรียวของของเธอ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็บ่นพึมพำออกมา “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมไม่ได้ช่วยคุณเลย”
ตอนที่อยู่ในห้องทำงานของประธาน เขาก็ได้พูดไว้ว่าจะปกป้องเธอให้ดีที่สุด แต่สุดท้ายคนที่ช่วยเธอให้หลุดรอด และเรียกความเป็นธรรมให้เธอกลับไม่ใช่เขา
ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ถึงได้มีปฏิกิริยาในคำพูดของเขา เธอตอบกลับน้ำเสียงปกติ “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันส่งผลลัพธ์ที่ไม่ดีต่อภวินท์ ภูผาไม่ได้เอนไปทางเดียวกับเขา แถมยังตั้งใจหาเรื่องอีก ส่วนปกรณ์ก็เกรงใจแต่คนอื่น ดังนั้นเขาจึงออกรบทัพจับศึกอยู่คนเดียวตลอดเขายินยอมช่วยเธอ ในใจเธอก็ซาบซึ้งใจมากแล้วจริงๆ
เมื่อภวินท์ได้ยิน จึงแหงนหน้ามองเธอ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันมากขึ้น “คุณไม่โทษผมเหรอ?”
ญาธิดาส่ายหน้า “ไม่โทษค่ะ”
ภวินท์เงียบงันไปชั่วครู่ จู่ๆก็ฉุกคิดถึงเรื่องที่คณินได้เอ่ยปากให้ตกล่องปล่องชิ้นกับเขา เวลานี้จนปมที่อยู่ในใจมันไร้วิธีแก้ปมหนักกว่าเก่า
เมื่อเห็นว่ามือที่หญิงสาวถือขวดน้ำมาเตรียมดึงกลับไป จู่ๆภวินท์ก็ยื่นมือออกไป และคว้าข้อมือเธอไว้ และดึงเธอเจ้าหาตนเอง
แต่เหมือนว่าเขาดื่มเหล้าหนักเกินไป จนทำให้ขาทรงตัวไม่มั่นคง พอตอนออกแรงร่างกายจึงส่ายไปเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว พร้อมทั้งดึงหญิงสาวเข้าสู่อ้อมอกได้ทันที
ญาธิดาตกตะลึง พร้อมทั้งย่นคิ้วหากันอย่างอดใจไม่อยู่ และพยายามผลักเขาออก เพื่อรักษาระยะห่างของคนสองคนเอาไว้
แต่มือของภวินท์กลับเกาะกุมเอวคอดกิ่วของเธอไว้แน่น จนทำให้เธอไร้ความสามารถในการขยับเขยื้อน น้ำเสียงแหบพร่า และพูดจาเสียงทุ้มต่ำ “เหมือนว่าผมดื่มเหล้าหนักไปหน่อย…”
เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นมาข้างหู ญาธิดาหัวใจบีบรัดแน่น หัวใจกระแทกชนผนังทรวงอกดัง “ตึกตัก”
บางทีอาจจะเป็นเพราะกลิ่นเหล้าจางๆที่อยู่บนตัวของเขา จนทำให้เธอเริ่มมึนงง มือที่อยู่ตรงช่วงเอวสอบของภวินท์ก็กำแน่นอย่างไม่รู้ตัว
เขาดื่มเหล้าเมาแอ๋ ถ้าเธอปล่อยเขาปุ๊บ เกรงว่าเขาจะทรงตัวไม่อยู่จนล้มลงไป
จู่ๆ ภวินท์ก็ออกแรง เพื่อพลิกตัวญาธิดา พร้อมทั้งกดร่างกายเธอให้ติดกับรถยนต์ทันที มือทั้งสองข้างของเขาปล่อยลงทางด้านข้าง ซึ่งมันประจวบเหมาะกับการกุมญาธิดาให้อยู่ตรงกลางแผงอก
ญาธิดาช้อนตามองเขาอยากตกใจ “คุณ…”
เขาเมาอยู่ไม่ใช่เหรอ?
ดวงตาของชายหนุ่มเลื่อนลอยอย่างพบเห็นได้ยากยิ่ง เส้นผมบริเวณหน้าผากไม่ได้จัดทรงให้เรียบร้อย จนมีเส้นผมหลุดลุ่ยให้เห็นอยู่หลายเส้น เนกไทตรงลำคอ ซึ่งไม่รู้ว่าดึงออกไปตั้งแต่ตอนไหน พร้อมทั้งแกะกระดุมออกสองเม็ด จนเผยให้เห็นกล้ามอกผิวสีน้ำผึ้ง
ภวินท์ในวินาทีนี้ ไม่ได้มีลักษณะท่าทางที่เย็นชาเฉยเมยตามปกติทั่วไป ในทางตรงกันข้ามยิ่งเป็นกระตุ้นเธอด้วยซ้ำ
จู่ๆภวินท์ก็ก้มหน้าลงมาเล็กน้อย พร้อมทั้งเขยิบเข้าหาเพื่อพูดกับเธอ “วันหลังผมจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ทำให้คุณต้องมาน้อยเนื้อต่ำใจอีกแล้ว…”
น้ำเสียงของเขาทั้งสุขุมทุ้มต่ำ ผสมกับท่าทางแบบนี้ของเขาแล้วด้วย กลับมีเสน่ห์จนไม่สามารถพรรณนาออกกมาได้ ญาธิดาหัวใจเต้นเร็ว จนใบหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมตอบรับ ภวินท์ใช้นิ้วมือเชิดปลายคางของเธอขึ้น พร้อมทั้งเลิกคิ้วและถามทันที “หือ? ได้ยินมั้ย?”
หัวใจญาธิดาร้อนผ่าว ซึ่งเวลานั้นไม่มีเรี่ยวแรงจะผลักเขาออก เธอกัดริมฝีปากไว้แน่น พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “คุณดื่มจนเมาแล้วค่ะ…”
เขาดื่มจนเมาหนักจริงๆแล้วแหละ เมาหนักถึงขั้นไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำอะไรอยู่ มิเช่นนั้นจะมาพูดความหมายสองแง่สองง่ามแบบนี้กับเธอเหรอ?
ภวินท์ตอบไม่ตรงคำถาม พร้อมทั้งเขยิบแนบชิดข้างใบหูของเธอ และพูดกระซิบกระซาบ “ไว้วันหน้ามานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนผมในบริษัทอีกนะ ได้มั้ย?”
ญาธิดาตัวชาไปทั้งตัว ความนึกคิดเตลิดเปิดเปิงวุ่นวายไปหมด
นี่เขาหมายความว่ายังไง? ถึงได้ใช้วิธีการพูดความหมายสองแง่สองง่ามแบบนี้นะ จนทำให้เธอคิดมากไม่ได้จริงๆ
เธอกัดริมฝีปาก จังหวะที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อนั้น จู่ๆในหัวสมองก็ฉายประกายออกมา จนฉุกคิดอะไรได้
เธอนั่งกินข้าวในบริษัทกับเขานับครั้งได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นนิวราที่กินข้าวกับเขา หรือว่า…ภวินท์คิดว่าเธอเป็นนิวรา?
ในหัวสมองปรากฏความคิดนี้ออกมา หัวใจญาธิดาบีบรัดแน่น ร่างกายแข็งทื่อกว่าเดิม
เธอไม่ยินยอมจะกลายเป็นตัวแทนของคนอื่น และยิ่งไม่อยากแสดงท่าทางแบบนี้กับตอนที่ภวินท์กำลังเมาอยู่ด้วย!
เธอตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา พร้อมทั้งเน้นทุกถ้อยคำ “คุณปล่อยฉันนะ…”
“ถ้าผมพูดว่าไม่ล่ะ?”
ภวินท์เอาฝ่ามือที่ร้อนผ่าวค่อยๆอังแก้มของเธอ จู่ๆก็ก้มหน้าลงประทับจูบตรงมุมปาก ความอ่อนโยนอันร้อนผ่าวแผ่มาถึงริมฝีปากของเธอ จนทำให้เธอชะงักทันที
แต่ไม่นานนัก หลายจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็ตั้งสติและกลับไปเย็นชาดังเดิม พร้อมทั้งใช้แรงผลักตัวภวินท์ออก
ภวินท์ไม่ได้ตั้งหลักให้ดี จึงสะดุดจนถอยหลังไปสองก้าว พร้อมทั้งขมวดคิ้วนิ่วหน้ามองมาทางเธอ “เป็นอะไรไป?”
ญาธิดาเห็นว่าเขาเตรียมพุ่งตัวเขยิบเข้ามาใกล้เธออีก สมองของเธออื้ออึงทันที “คุณอย่าเข้ามาแตะต้องตัวฉัน!”
เธอไม่ยินยอมจะเป็นตัวแทนของผู้หญิงคนอื่น นี่เขาจะคิดว่าเธอเป็นตัวอะไร? เป็นเครื่องมือในการปลดปล่อยอารมณ์หื่นกระหายงั้นเหรอ?
ภวินท์เหลือบมองแววตาตื่นตระหนกและตกใจของหญิงสาวอย่างชัดเจน เขาหยุดเท้าทันที พร้อมทั้งช้อนตามองเขา
“ภวินท์ ฉันไม่ใช่ของเล่น ที่คุณจะเรียกมา และทำตามอำเภอใจได้! คุณตั้งสติหน่อย!”
ญาธิดาพูดประโยคนี้ออกมาด้วยอาการตื่นเต้น ซึ่งไม่รอให้ภวินท์ได้ตอบคำถามกลับ เธอก็หันหลังให้และเร่งฝีเท้าขึ้นบันไดไปอย่างตื่นตระหนก
ภวินท์ยังคงอยู่ที่เดิม พร้อมทั้งเหลือบมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่วิ่งเตลิดหนีไป ความรู้สึกที่อัดอั้นในหัวใจยิ่งถาโถมจนหนักอึ้งกว่าเก่า
ความต้องการที่จะอยู่ใกล้เธอเขยิบเข้าหาเธอมันเป็นสัญชาตญาณของเขาโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ไม่คิดเลยว่า ในสายตาญาธิดาแล้ว เขาจะกลายเป็นไอ้หมอนั่นที่ทำให้คนรังเกียจได้ถึงเพียงนี้
แต่ตรงทางเดินของบริษัทในวันนี้ เธอไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจการสัมผัสร่างกายของคณิน แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นเขา เธอก็เหมือนแมวป่าตัวน้อยที่คอยโก่งตัวขนตั้งชันเตรียมขู่ฟ่อๆอยู่ตลอดเวลา
บางที เธออาจจะรังเกียจเขาจริงๆก็ได้มั้ง
ภวินท์กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว และยืนอยู่จุดเดิมนานสักพัก จากนั้นถึงตั้งสติได้ พร้อมทั้งเปิดประตูรถ และออกคำสั่งกับพายุเสียงเย็นเฉียบ “กลับกันเถอะ”
พูดจบ เขาก็เอนหลังพิงกับเบาะด้านหลัง และหลับตาลง
แม้ว่าเขาจะดื่มเหล้าไปไม่น้อย แต่สัญชาตญาณนั้นมีสติครบถ้วนสมบุรณ์ เมื่อครู่สิ่งที่ญาธิดาแสดงอากัปกิริยาต่อเขา ก็หมือนการเอามาน้ำเย็นถังหนึ่งมาสาดรดจนทำให้เขาตื่น และจะไม่มีดำดิ่งลงอีกแล้ว
ระหว่างทาง โทรศัพท์ของเขาก็สั่นขึ้นมา เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความของนิวราส่งมา “พี่วินคะ พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้วนะ เราต้องไปลองชุด และซ้อมพิธีอีก ก็ต้องปลีกเวลาทิ้งงานสำคัญไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องยกเวลาให้นิวทั้งวัน!”
ภวินท์ดึงสายตากลับมา พลางกำโทรศัพท์ไว้แน่น
พรุ่งนี้ถือว่าเป็นวันสุดท้ายแล้วจริงๆ วันสุดท้ายก่อนที่จะมีพิธีงานหมั้นหมาย