ดวงใจภวินท์ - บทที่ 321 เอาตัวเองเข้าสู่อ้อมกอด
บทที่ 321 เอาตัวเองเข้าสู่อ้อมกอด
ตกเย็น ญาธิดากลับถึงคอนโด ไม่มีความอยากอาหารเลย หลังจากปรุงโจ๊กลูกเดือยให้ตัวเองแล้วก็กลับไปที่ห้องนอน
เธอหยิบชุดเดรสที่จะใส่ในวันพรุ่งนี้ออกมาไว้ล่วงหน้า เดรสสวยสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะแขวนไว้ที่ใดมันก็ดูราวกับภาพวาด
ญาธิดานั่งบนเตียง เลื่อนสายตาขึ้นมองชุดด้วยความเลื่อนลอย ใจของเธอราวกับฉายภาพของเธอกับภวินท์ในอดีตขึ้นมาแวบหนึ่ง
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือที่อยู่บนเตียงก็ดังขึ้น เธอค่อยๆ หยิบขึ้นมาดู เห็นข้อความจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก จึงคลิกเข้าไปอ่าน
“พรุ่งนี้มาหาผมที่กองถ่าย คุณต้องมา แล้วเรื่องของพรีเซนเตอร์ผมจะพิจารณาให้”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำสั่ง และทั้งพูดถึงกองถ่ายกับพรีเซนเตอร์ ถ้าไม่ใช่คิรินแล้วจะเป็นใคร
ญาธิดายิ้มเยาะ กดออกโดยไม่ตอบแม้แต่คำเดียว
คิรินเล่นตลกกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้ยังโทรมาหาเธอก่อน บางทีอาจจะเพียงเพื่อเล่นตลกกับเธอ ด้วยความขี้เล่นของเขา หากเขาพูดว่า “คิดดูก่อน” นั่นแสดงว่าเขาไม่เคยจะพิจารณาเลย
ถูกหลอกไปครั้งหรือสองครั้งก็ช่างมัน แต่เธอจะไม่มีวันยอมให้ตัวเองถูกดาราดังคนนี้เล่นตลกตลอดไป
อีกอย่างพรุ่งนี้เธอยังต้องไปร่วมงานหมั้นของภวินท์ด้วย ไหนเลยเธอจะมีเวลามาฟังเขากลับกลอก
หลังจากคิดได้แล้ว ญาธิดาก็ไม่คิดเรื่องนี้อีก จึงเก็บของแล้วไปพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น ญาธิดาลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย สัมผัสความงดงามของยามเช้าในบ้านหลังจากที่ห่างหายไปนาน
ก่อนหน้านี้เธอยุ่งตลอดเวลา ทุกเช้าตื่นขึ้นมาไม่มีเวลาแม้แต่จะทำอาหารเช้า เร่งรีบออกจากคอนโด ไม่ไปบริษัทก็ไปโรงพยาบาล วันนี้เธอต้องไปร่วมพิธีหมั้นของภวินท์ ยากนักที่จะมีเวลาว่างในตอนเช้า
ทานอาหารเช้าแล้วเหลือบมองดูเวลา ญาธิดาจึงเก็บของทำความสะอาดง่ายๆ หลังจากเปลี่ยนชุดก็เตรียมเรียกรถเพื่อไปยังสถานที่จัดงานหมั้น TK Hall
แต่ใครจะรู้ เธอเพิ่งออกจากบ้าน ก็ได้รับข้อความจากภวินท์ส่งให้เธอว่า “ช่วยไปเอานาฬิกาและบุหรี่ของผมที่บริษัทให้หน่อย ทุกอย่างอยู่ในลิ้นชักแรกด้านซ้ายของโต๊ะทำงาน ถึงงานแล้วมาหาผมที่ห้องแต่งตัว”
ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะกระชับมือที่จับโทรศัพท์มือถือขึ้นเล็กน้อย ในใจนึกถึงภาพที่น่าอับอายตอนที่พบเขาครั้งล่าสุด แต่ผู้ชายที่ส่งข้อความหาเธอในตอนนี้กลับดูปกติและเย็นชาเช่นเคย ดูเหมือนคืนนั้นเขาจะดื่มมากเกินไปจริงๆ…
หลังจากเหลือบมองเวลาแวบหนึ่ง ญาธิดาก็ไม่กล้าชักช้าอีก สวมเสื้อคลุมแล้วออกไปทันที
เธอสวมเดรสยาวกับรองเท้าส้นสูง มีเสื้อคลุมกันลมบางๆ สวมทับ เพียงพอที่จะเผยให้เห็นลำคอเรียวขาวเนียนและน่องเพรียวเล็กสมส่วน ให้อารมณ์สง่างาม ทันทีที่ออกไปข้างนอกก็เพียงพอจะทำให้โดดเด่นเป็นจุดสนใจ
ญาธิดาเร่งรีบเดินไปยังประตูทางออกอาคารคอนโด รถที่เธอเรียกผ่านออนไลน์จอดรออยู่ตรงประตูแล้ว เธอขึ้นรถแล้วให้คนขับรถตรงไปที่STN Group
วันเสาร์ในบริษัทมีคนไม่มากนัก ญาธิดาตรงไปที่ห้องทำงานประธาน หลังจากเข้าไปในห้อง เธอหาลิ้นชักแรกด้านซ้ายของโต๊ะทำงาน ดึงมันออก เห็นนาฬิกาแบรนด์เนมและกล่องบุหรี่หนังซึ่งเต็มไปด้วยภาษาต่างประเทศ เธอหยิบมันขึ้นมาใส่กระเป๋าทันที กำลังจะปิดลิ้นชัก แต่แล้วจู่ๆ ก็เห็นภาพถ่ายใบหนึ่ง
ในภาพ เธอนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านพักตระกูลสถิรานนท์ กำลังนอนหลับสบาย บนตัวมีผ้าห่มหนานุ่มคลุมอยู่ เผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างอันเงียบสงบเบาสบาย
ถ่ายเมื่อไรกัน ทำไมเธอจำไม่ได้เลย
ดูจากพื้นหลังและสภาพแวดล้อมของภาพถ่าย เห็นได้ชัดว่ามันหลังจากเธอกับภวินท์ได้ทะเบียนสมรส ตอนนั้นเธออาศัยอยู่ในบ้านพักของตระกูลสถิรานนท์ แต่เธอจำไม่ได้เลยว่าตัวเองเคยถ่ายภาพแบบนี้
เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียว ก็คือภวินท์เป็นคนถ่าย……
หัวใจของญาธิดาปะทุอารมณ์ที่ซับซ้อนอย่างสุดจะพรรณนา ชั่วขณะหนึ่งเธอไม่รู้ว่าจะสุขหรือเศร้าดี ราวกับประกายไฟในหัวใจถูกเผาไหม้ มันรุมเร้าร้อนรุ่ม
ภวินท์คงจะ……มีความรู้สึกต่อเธอใช่ไหม
จู่ๆ ในใจพลันเกิดความคิดแบบนี้ แต่ในวินาทีต่อมาญาธิดาก็ปฏิเสธมัน
ถ้าเขามีความรู้สึกต่อตัวเอง แล้วเหตุใดต้องหมั้นกับนิวรา
ญาธิดาหัวเราะเยาะตัวเอง กัดฟันเอื้อมมือไปปิดลิ้นชัก ระงับความตื่นเต้นในใจก่อนจะก้าวออกจากออฟฟิศ
เธอไม่ควรมีภาพลวงตาใดๆ เกี่ยวกับเขา ต้องรู้ว่าหลังจากวันนี้ ภวินท์จะเป็นคู่หมั้นของคนอื่น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเธอแล้ว
ระหว่างทางนั่งรถมุ่งหน้าไปยังTK Hall ญาธิดาปรับอารมณ์ให้สงบลง หลังจากมาถึงสถานที่ เธอแสดงบัตรเชิญให้บริกรตรงประตูก่อนจะได้รับการอนุญาต
เธอไม่นับว่ามาสาย มีแขกบางส่วนทยอยกันมาถึงงาน แต่ละคนต่างจับกลุ่มพูดคุยหัวเราะกัน
ญาธิดากวาดตามองไปรอบห้องโถงของงานที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม แล้วสูดหายใจเข้าลึก
สถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ ถ้าเธอเดินหาห้องแต่งตัวเองคงต้องใช้เวลานานมาก
เธอเดินไปข้างๆ เรียกบริกรที่ถือถาดมาถาม “ขอโทษนะคะ ห้องแต่งตัวอยู่ที่ไหนเหรอคะ”
บริกรตอบอย่างสุภาพ “ห้องแต่งตัวอยู่ตรงทางเดินด้านขวามือครับ ด้านในสุดเป็นห้องแต่งตัวของคุณภวินท์กับคุณนิวราที่จัดงานหมั้นในวันนี้ คุณสามารถไปหาที่นั่นได้เลยครับ”
ญาธิดาเอ่ยขอบคุณแล้วเดินไปตามทางที่บริกรบอก ออกจากประตูข้างห้องโถง เดินผ่านทางเดินไปแล้วเห็นห้องหลายห้องอยู่แถวนั้น
ญาธิดาเดินเข้าไป จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ รีบหยิบนาฬิกากับกล่องบุหรี่ออกจากกระเป๋ามาถือไว้ในมือ
ถ้าเธอตรงไปหาแบบนี้แล้วเจอนิวรา กลัวว่าคงเข้าใจผิดอีก ดังนั้นไม่สู้แสดงความบริสุทธิ์ใจเอาของมาถือไว้ในมือเลยดีกว่า
เมื่อเดินถึงประตูห้องที่อยู่สุดทางเดิน ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก แล้วยกมือขึ้นเคาะบานประตู
เธอรออยู่สองวินาที แต่ไม่มีใครตอบรับ เธอเคาะอีกสองครั้งแล้วพูดว่า “คุณภวินท์ คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า”
ในห้องยังคงไม่มีเสียงใด ญาธิดาเริ่มลังเลไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หยุดนิ่งไปชั่วคราว ก่อนเธอจะรวบรวมความกล้าจับกลอนประตูแล้วกดมัน และผลักเข้าไป
ญาธิดามองเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง เห็นข้างในมีราวแขวนเสื้อผ้าและโต๊ะแต่งหน้าสองตัวหันหน้าเข้าหากัน นอกนั้นก็ไม่เห็นใคร
ทันใดนั้น เธอเห็นโทรศัพท์มือถือวางอยู่บนโต๊ะ เคสโทรศัพท์เคลือบสีดำที่คุ้นเคย นั่นเป็นของภวินท์!
เธอก้าวเข้าไป วางนาฬิกาและกล่องบุหรี่ไว้ข้างๆ แล้วส่งข้อความหาภวินท์ “คุณภวินท์ ฉันไม่เห็นคุณ ฉันวางของไว้บนโต๊ะนะ”
ภวินท์อาจมีธุระเลยไม่อยู่ พอเขากลับมาแล้วเห็นข้อความคงเข้าใจ
หลังจากส่งข้อความเสร็จ เธอเก็บโทรศัพท์มือถือ หันหลังและกำลังจะออกไป แต่เพิ่งหันไปก็เห็นร่างสูงยืนอยู่ตรงประตู กำลังจ้องมาที่เธอ
ญาธิดาสะดุ้งตกใจ ถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ใครจะรู้ว่าระหว่างที่ลนลานก้าวนั้นดันเหยียบกระโปรงแล้วสะดุดจนตัวเซไปด้านข้าง
ภวินท์กำลังจะอ้าปากพูด เห็นญาธิดาเซไป จึงก้าวกว้างเข้าไปหาทันที ยื่นมือออกคว้าแขนของเธอแล้วกระชากเธอเข้าหาตัว
ญาธิดาซึ่งถูกแรงกระชากกลับ จึงตกเข้าสู่อ้อมแขนของชายหนุ่มโดยไม่ทันตั้งตัว
เอวถูกแขนแข็งแรงของภวินท์โอบไว้ เธอถึงสามารถยืนได้ กระทั่งได้สติแล้วเงยหน้าขึ้น ก็เผชิญกับใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ที่ติของชายหนุ่ม
เขาก้มมองเธอและอมยิ้มเล็กน้อยจนแทบมองไม่ออก “แทบรอไม่ไหวที่จะจงใจเอาตัวเองเข้าสู่อ้อมกอดผมเลยเหรอ”