ดวงใจภวินท์ - บทที่ 323 แลกแหวน
บทที่ 323 แลกแหวน
แต่หัวใจของญาธิดากระชับราวกับมีก้อนหินกดทับ มันหนักและอึดอัด ทำให้เธอหายใจค่อนข้างลำบาก
ภาพแบบนี้ในมุมมองของเธอ มันแค่ทำให้เธอไม่สบายใจเท่านั้น
ภวินท์กับนิวราเดินไปรอบงาน แล้วกลับมาที่ด้านหน้าอีกครั้ง ในไม่ช้า พิธีหมั้นก็เริ่มขึ้น แขกทุกคนมองหาที่นั่ง ญาธิดาเองก็หาที่นั่งตรงมุมหนึ่ง
ตามขั้นตอน ภวินท์กับนิวราต้องกล่าวสุนทรพจน์ในตอนเริ่มต้น จากนั้นจึงแลกเปลี่ยนแหวนหมั้น สุดท้ายพ่อแม่ให้คำอวยพร ก็นับว่าเป็นอันเสร็จสิ้น
ญาธิดานั่งอยู่ล่างเวที สายตามองไปยังชายหนุ่มบนเวที ฟังเขาเล่าถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับนิวรา ความรู้สึกอึดอัดภายในใจพลันเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
เธอไม่ควรมาเลยจริงๆ การดูทุกนาทีทุกวินาทีของทั้งสองคนอยู่ข้างล่างเวทีเป็นการทรมานสำหรับเธอ
ไม่นานก็ถึงคราวนิวราพูด เธอถือไมโครโฟน เหลือบมองชายที่อยู่ข้างๆ มุมปากยกยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนหวาน “ขอบคุณทุกท่านมากที่สละเวลามาร่วมพิธีหมั้นของนิวกับพี่วินนะคะ ทุกท่านที่คุ้นเคยกับเราจะต้องรู้ว่าพี่วินกับนิวคบกันมาตั้งแต่เล็กจนโต เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้นิวมีเขาอยู่ด้วยมาเกินครึ่งชีวิต…”
เมื่อเธอพูดว่าตั้งแต่ทั้งสองคนยังเด็กจนถึงตอนนี้ พลันตาแดงโดยไม่รู้ตัว เกิดก้อนสะอื้นเพราะการถ่ายทอดความรักใคร่รุนแรงที่มีต่อภวินท์ หลังจากพูดจบ ผู้คนด้านล่างเวทีต่างพากันปรบมือ ส่งผลให้บรรยากาศพลันอบอุ่น
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ก้มหน้าด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีใครบางคนนั่งลงข้างเธอ เธอยังไม่ทันเงยหน้าก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่คุ้นเคย “ธิดา”
ญาธิดาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นธีทัตนั่งอยู่ข้างเธอ “คุณทัต คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ธีทัตยังคงอ่อนโยนเช่นเคย พูดเสียงเบาว่า “ได้บัตรเชิญก็เลยมาน่ะ”
ญาธิดาพยักหน้า พยายามฝืนยิ้ม “พิธีหมั้นครั้งนี้เชิญผู้ทรงอิทธิพลเกือบทั้งหมดในเมืองJ แน่นอนว่าย่อมเชิญคุณด้วย”
ธีทัตยิ้มและพูดว่า “ที่จริงผมไม่อยากมา”
ตอนแรกที่ได้บัตรเชิญ เขาตั้งใจจะปฏิเสธ แต่นึกได้ว่าเธออาจจะมา ดังนั้นเขาจึงมาด้วยใจที่แอบหวัง คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอเธอจริงๆ
ญาธิดายิ้มขมขื่น “ฉันก็ด้วย”
ทั้งสองมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน บรรยากาศค่อนข้างมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม
บนเวที ภวินท์กับนิวราเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปแล้ว บริกรเดินขึ้นบนเวทีพร้อมกับถาดหรูหรา บนนั้นมีแหวนหมั้นซึ่งทั้งคู่นำมาให้กัน
กล้องเล็งไปที่แหวนบนถาดแล้วฉายบนจอใหญ่เพื่อให้แขกทุกคนที่อยู่ล่างเวทีได้เห็นกัน ช่วงเวลาที่เห็นเพชร หลายคนพากันสูดปาก
เรือนแหวนหมั้นทำมาจากเพชรสีน้ำเงินเปล่งประกายแวววาว หรูหราราคาสูงค่า แหวนลักษณะนี้ต้องสั่งจองล่วงหน้าถึงจะได้ระยะเวลาในการทำยาวนาน แค่นี้ก็รู้ความตั้งใจของภวินท์
ญาธิดาได้ยินการนินทาของแขกรอบตัว ในใจได้รับรู้ถึงคุณค่าและความสำคัญของแหวนหมั้นแล้ว เธอเลื่อนสายตาขึ้นมอง เห็นการแลกเปลี่ยนแหวนหมั้นอันแสนหวานระหว่างทั้งสองบนเวที ใจยิ่งรู้สึกเจ็บปวด
ธีทัตหันหน้าไปเห็นญาธิดาสีหน้าเศร้าหมอง ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ธิดา ถ้าคุณไม่อยากอยู่ตรงนี้ ผมพาคุณออกไปก่อนได้นะ”
ธิดาเข้าใจความใส่ใจของเขา จึงส่งยิ้มให้เขาและพูดเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร รออีกสักพักก็ได้”
ขั้นตอนยังไม่จบสิ้น เธอออกไปแบบนี้ ถ้าถูกภวินท์กับนิวราเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไร
ธีทัตพยักหน้า ไม่พูดอะไรมากอีก อยู่ข้างเธอเงียบๆ
ไม่นาน ขั้นตอนทั้งหมดก็จบลง สุดท้ายเสียงเพลงดังขึ้น บรรยากาศในงานพลันคึกคักขึ้นมาก ภวินท์พานิวราลงจากเวที ไปพูดคุยและถ่ายรูปกับทุกคน
บุฟเฟ่ต์ทั้งสองด้านของห้องโถงเริ่มเปลี่ยน อาหารเย็นชืดถูกแทนที่ด้วยอาหารหลากหลายมากมายสำหรับแขกเหรื่อ
ธีทัตหันไปมองญาธิดาอย่างใส่ใจและถามว่า “ธิดา คุณอยากดื่มอะไร ผมจะไปเอาให้”
ญาธิดายิ้มให้เขา “น้ำส้มก็ได้”
“ได้ คุณรอผมสักครู่”
ธีทัตลุกขึ้นเดินออกไป ญาธิดานั่งอยู่ที่เดิม มองดูฉากที่บรรยากาศคึกคักขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนเป็นคนนอกที่เข้าไปไม่ถึง
เธอถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูเวลา ใจครุ่นคิดว่าควรออกไปตอนไหนจึงจะเหมาะสม
ในขณะนั้นเอง รองเท้าหนังคู่หนึ่งเข้ามาในสายตาของเธอ เธอยังคิดว่าธีทัตกลับมาแล้ว และกำลังจะพูด แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นกลับเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย
ผู้ชายหวีผมเสยเรียบแปล้ สวมสูทสีน้ำเงินและยิ้มจนตาตี่ เอ่ยถามว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณมาคนเดียวเหรอ”
ญาธิดาตอบอย่างไม่สนใจ “เปล่า”
ชายคนนั้นได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเจ้าเล่ห์ นั่งลงข้างเธออย่างไม่เกรงใจ โน้มตัวมาพูดด้วยยิ้มๆ ว่า “ผมรู้สึกว่าคุณดูคุ้นๆ นึกตั้งนานก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน หรือไม่เรามาแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อเอาไว้ แล้วเดี๋ยวไว้เราไปทานอะไรด้วยกันนะเอาไหม”
“ไม่ต้องหรอก” ญาธิดาค่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างสองคน และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “อีกไม่นานเพื่อนฉันก็กลับมาแล้ว”
ความหมายของเธอมันชัดเจนมากแล้ว แต่ชายผู้นั้นกลับทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ยังคงโน้มตัวเข้าหาเธอต่อไป “แค่ทานอาหารด้วยกันไม่ได้มีอะไร ในเมื่อเราสองคนมีชะตาต้องกัน คุณก็รับคำชวนจากผมเถอะ!”
ญาธิดาขมวดคิ้วพร้อมกับพูดเน้นทีละคำ “ขออภัย ฉันยังมีธุระ ต้องไปหาเพื่อน เชิญคุณตามสบาย”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็ลุกขึ้นกำลังจะเดินจากไป แต่ใครจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นยืนตามและถึงขั้นยื่นมือไปดึงเธอ
ทันทีที่ถูกมือเหนียวของชายคนนั้นสัมผัส ญาธิดาก็ขนลุกไปทั้งตัว เธอสะบัดมือของเขาทิ้งตามปฏิกิริยาโต้ตอบ ก้าวถอยหลังและมองเขาด้วยสีหน้าแข็งกร้าว “นี่คุณ ฉันกับคุณไม่รู้จักกันโปรดมีมารยาทบ้าง!”
ชายคนนั้นเห็นญาธิดาสีหน้าเปลี่ยน จึงทำหน้าตาไม่พอใจทันที จ้องมาเธอพร้อมกับส่งเสียงเยาะ “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ผู้หญิงในเมืองJที่อยากทานข้าวกับผมไม่รู้มีเท่าไหร่ มาชวนคุณคุณกลับปฏิเสธ เสแสร้งทำเป็นหยิ่งอะไร”
เมื่อเห็นชายคนนั้นเผยสีหน้าน่าเกลียด ญาธิดาพลันขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ ไม่รู้เลยว่าควรปลีกตัวไปอย่างไร แต่แล้วร่างสูงใหญ่หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เธอ
ธีทัตยื่นมือมาโอบไหล่ของญาธิดาอย่างเป็นธรรมชาติ สายตามองไปที่ชายคนนั้นอย่างเฉียบขาด และพูดน้ำเสียงเย็นชา “คุณมีธุระอะไร”
ชายคนนั้นเหลือบมองธีทัตและดูเหมือนจะจำเขาได้ ความกร่างลดลงเล็กน้อย เหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา ไม่พูดอะไร แล้วหันหลังเดินจากไป
ธีทัตก้มหน้ามองญาธิดาทันทีและถามอย่างเป็นห่วง “ธิดา คุณเป็นอะไรไหม”
ญาธิดาส่ายหน้า ร่างกายที่เกร็งอยู่ก่อนหน้าค่อยๆ ผ่อนคลาย “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”
ธีทัตปล่อยเธอ ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เธอ “ขอโทษนะที่ผมมาช้า”
ญาธิดายิ้มพลางส่ายหน้า รับผ้าเช็ดหน้าแล้วพูดเสียงเบา “คุณมีน้ำใจขนาดนี้ ฉันควรขอบคุณคุณถึงจะถูก”
ธีทัตได้ยินคำพูดนั้นแล้วมองญาธิดาด้วยสายตาที่มีความรู้สึกมากขึ้น “ตราบใดที่คุณต้องการ ผมสามารถทำได้ทุกเมื่อ”
สามารถปกป้องเธอได้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับเขา