ดวงใจภวินท์ - บทที่ 346 ตัดสินใจสู้ตาย
บทที่ 346 ตัดสินใจสู้ตาย
งุนงงอยู่ชั่วขณะ ญาธากลับมามีสติ มองที่ภวินท์ ถามด้วยความไม่เชื่ออีกรอบหนึ่ง “ คุณเป็นเจ้าของบ้านจริงเหรอ”
ผู้ชายดูเหมือนเลิกคิ้วอย่างไม่สนใจ “ อืม”
ตอนนั้น ญาธิดายิ่งไม่มีทางที่จะเข้าใจเรื่องนี้ ใครจะไปนึกถึง คอนโดเล็กๆที่เธออาศัยอยู่ไม่กี่เดือน ไม่คิดว่าเป็นทรัพย์สินในนามของภวินท์…………
งั้นในตอนแรกเขาให้เธอเช่าห้องราคาถูกขนาดนี้ เป็นไปได้ว่ามีเจตนาไม่ดีแอบแฝงอยู่
ญาธิดาตกใจ รีบถอยหลังหนึ่งก้าวทันที มองดูผู้ชายที่บนโซฟาด้วยความระวังตัว “ คุณ…..คุณไม่ได้วางแผนอะไรฉันใช่ไหม”
เมื่อภวินท์ได้ยิน หายใจเบาๆหนึ่งครั้ง ค่อยๆเดินไปใกล้ชิดเธอ “ คุณคิดว่า คุณมีค่าอะไรให้ผมวางแผนเหรอ เป็นหน้าตา รูปร่างหรือกำลังทรัพย์”
แค่ประโยคหนึ่ง ตอกหน้าญาธิดาไปพักใหญ่โดยพูดอะไรไม่ออก
นิ่งไปชั่วครู่ เธอเอ่ยปากอีกครั้ง “ งั้นคุณตอนแรก……..”
ภวินท์หลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญมองเธออีกรอบ พูดน้ำเสียงเย็นชา “ ตอนแรกเคยทำไม่ดีกับคุณ ดังนั้นก็เป็นการช่วยเหลือนิดหน่อย ไม่ต้องไปใส่ใจ ”
เมื่อได้ยิน ญาธิดาเข้าใจชัดเจนความหมายที่เขาพูด ในใจดัง “ กึกๆ” รู้สึกสลดใจอย่างบอกไม่ถูก
คำพูดตอนแรกของภวินท์ ก็คือตอนที่เขาสองคนหย่าร้างกัน
ข่มความทุกข์ระทมไว้ในใจ ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ จิตใจนิ่งสงบ แกล้งทำเป็นใจเย็นเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ คุณ……ทำไมถึงบาดเจ็บ และทำไมต้องมาหาฉันที่นี่”
“ แผลเล็กหน่อยเดียว” ภวินท์ยื่นมือไปเอาผ้าก๊อซที่กำลังซับเลือดเก็บทิ้งลงในถังขยะ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆว่า “ วันนี้คุณย่าอยู่ที่บ้าน ผมกลัวว่าหล่อนจะดูออกว่าผมบาดเจ็บ อยู่ละแวกนี้พอดี ก็เลยมาหาคุณที่นี่เลย”
ญาธิดาเริ่มเอะใจ พูดแบบไม่ทันคิด “ แถวนี้ก็มีโรงพยาบาล แล้วทำไมคุณไม่ไปโรงพยาบาล”
พูดจบ เธอถึงรู้สึกว่าถามตรงๆแบบนี้ออกมาไม่ค่อยเหมาะสม
ไม่ทันรอให้เธอพูดอะไรต่อ ภวินท์เลิกคิ้ว แววตาดูลึกลับ ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เขาก็เหมือนหัวเราะเยาะพูดว่า “ ฉันเป็นเจ้าของบ้าน มาพันแผลสักหน่อย ก็มันต้องเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ ”
ญาธิดาตกใจกลัวเล็กน้อย รับไม่ได้กับคำพูดนั้นทันที
เขาพูดก็ไม่ผิด เขาเป็นเจ้าของบ้าน เธอไม่ควรปฏิเสธเขาอย่างไร้เหตุผลอยู่แล้ว
ระหว่างที่ครุ่นคิด จู่ ๆ ภวินท์ก็ก้าวขาเดิน เดินตรงไปที่ห้องนอนของญาธิดา กว่าจะรอให้เธอมีปฏิกิริยา เขาก็เดินถึงประตูห้องนอนเรียบร้อยแล้ว กำลังเตรียมจะผลักประตูเข้าไป
ทันทีที่เห็นว่าผู้ชายกำลังจะผลักเปิดประตู เธอพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “ เดี๋ยวๆ คุณ…….จะทำอะไร”
ถึงแม้ว่าเขาเป็นเจ้าของบ้าน มาพันแผลก็พูดอะไรไม่ออกอยู่แล้ว แต่ถลันเข้าไปห้องเธอแบบนี้ก็ไม่สมควรเป็นอย่างมาก
การกระทำของภวินท์นิ่งไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นสองวินาทีก็ยังผลักประตูออก
ญาธิดาพุ่งไปข้างหน้า คว้าแขนเขาไว้ข้างหนึ่งทันที มองดูเขาด้วยความตกใจ “ ภวินท์ คุณหลงอะไรหรือเปล่า ที่จะถลันเข้าห้องนอนผู้หญิงให้ได้”
เมื่อได้ยิน ภวินท์กระตุกปาก “ แสดงว่าคุณก็อยากจะดูผมเปลือยท่อนบนเหรอ”
ขณะที่พูด เลักษณะขาเหมือนจะยกไหล่ข้างซ้ายเปลือยออก เมื่อกี้เพื่อจะฆ่าเชื้อที่แผลของเขา เธอตัดแขนเสื้อเชิ้ตบริเวณรอบๆแผลให้ขาดหมดแล้ว ตอนนี้เปลือยโล่งส่วนหนึ่ง จริงๆก็ตลกนิดหน่อย
ลังเลอยู่ครึ่งวินาที ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถามกลับว่า “ แต่ที่นี่ฉันไม่มีเสื้อที่คุณจะใส่ได้นะ”
ถ้าเขาอยากจะใส่เสื้อของเธอจริงๆ งั้นเธอก็ไม่ถือสา
ภวินท์ดูอิ่มอกอิ่มใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสบายใจ “ ใครบอกไม่มี ”
ก็ตอนที่ญาธิดากำลังตะลึง เขาได้ยื่นขา อ้อมเธอเดินเข้าไปในห้อง เปิดตู้เสื้อผ้าอย่างคุ้นชิน หยิบเสื้อเชิ้ตผู้ชายออกมาหนึ่งตัวจากช่องมืดๆเล็กๆด้านใน
ดูใหม่ทุกตัว แม้แต่ป้ายที่ห้อยยังไม่ได้เอาออก
ญาธิดานิ่งอึ้งไป ก็แม้แต่เธอยังไม่รู้ ในตู้เสื้อผ้าจริงๆแล้วยังมีช่องเล็กๆมืดๆแบบนี้ “ คุณ…….ทำไม”
ผู้ชายพูดอย่างสมเหตุสมผล “ ฉันบอกแล้ว เมื่อก่อนห้องนี้เป็นของผม ข้างในก็ต้องมีของของผมอยู่แล้ว”
ขณะที่พูด เขายกมือข้างขวา ใช้มือข้างเดียวแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่บนร่างกายทีละเม็ดจากข้างบนมาข้างล่างเป็นแถว
เขามองเธอเหมือนกับหัวเราะเยาะ “ เป็นไง ยังอยากดูผมเปลี่ยนเสื้อเหรอ”
เมื่อญาธิดาได้ยิน โต้ตอบกลับทันที รีบหันตัว ก้าวเท้าเดินเร็วออกจากห้องนอน ปิดประตูดัง “ ปัง ”
ไม่รู้เพราะอะไร แก้มแดงเหมือนกับโดนไฟเผา แผ่ความร้อนออกมา
ไม่ช้า ประตูถูกเปิดออก ทันใดนั้น ภวินท์ก้าวเท้าเดินถึงประตูร่างกายได้เปลี่ยนเสื้อเชิ้ตตัวใหม่เรียบร้อย ดูสะอาดเหมาะสม แม้แต่รอยยับที่ซ้อนกันเป็นจีบยังไม่มีเลย
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ ข่มใจทำเป็นสงบ ตอนที่กำลังจะอ้าปากถามว่าเขาจะกลับเมื่อไหร่ ภวินท์ได้เอ่ยปากก่อนว่า “ กระเป๋าเดินทางจัดไว้เรียบร้อย คุณเตรียมจะไปไหน ”
ญาธิดาตกใจ มองไปตามสายตาเขา ก็มองเห็นในห้องมีกระเป๋าเดินทางวางไว้ข้างเตียง ยังมีเสื้อผ้าที่พับเรียบร้อยอีกหนึ่งกองอยู่ข้างๆ
เธอรู้สึกเกร็ง รีบเก็บขึ้นมาทันที
นั่นเป็นเสื้อผ้าที่วันนี้ตอนเช้าเธอหยิบออกมาจากตู้เสื้อผ้าเตรียมจะจัดลงในกระเป๋าเดินทาง ถึงอย่างไร เวลาที่เธอกับภวินท์ได้ตกลงกันภายในสามวันก็ได้ผ่านไปสองวันแล้ว กระเป๋าเดินทางต่างๆนานาก็ควรจะเตรียมได้แล้ว แต่เธอคิดไม่ถึงแม้แต่นิดเดียว ภวินท์จู่ ๆ ก็มา….
เธอรู้สึกเครียดเล็กน้อย สีหน้าแสดงถึงความไม่ปกติทันที ไม่ช้า เธอหายใจเข้าลึกๆ แกล้งทำเป็นสงบพูดว่า “……พ่อฉันใกล้จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันแค่อยากจะเตรียมกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเขาที่บ้านสองสามวัน”
เมื่อฟังที่เธอพูดแบบนั้น ภวินท์เดิมทีที่แสดงอารมณ์ความสงสัยออกมาก็ค่อยๆคลี่คลายลง เขานิ่งไปชั่วครู่ น้ำเสียงดูสุภาพ “ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก รออีกสักสองสามวัน ฉันจะไปเยี่ยมอาจารย์ ”
เมื่อญาธิดาได้ยิน ในใจก็เริ่มรู้สึกลังเล แต่สีหน้ายังคงพยักหน้าอย่างตั้งใจ
ในตอนนี้ มือถือภวินท์จู่ ๆ ก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมา มองดูหน้าจอครู่หนึ่ง ไม่รับสาย พร้อมกับใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าอีกครั้ง
เขายกขา เดินตรงไปที่โซฟา พร้อมกับหยิบชุดสูทที่อยู่ด้านบนขึ้นมา มองไปที่ญาธิดาพูดว่า “ ดึกแล้ว ฉันต้องกลับแล้ว”
เมื่อญาธิดาได้ยิน รู้สึกโล่งใจอย่างเงียบๆ “ งั้นฉันไปส่งคุณ”
ขณะที่พูด เธอรีบเดินไปตรงประตู เปิดประตูออก
ภวินท์เดินไปถึงประตู กำลังจะเดินออก จู่ ๆ ก็นึกอะไรออกอีกครั้ง หันกลับไปมองเธอ ลังเลอยู่สองวินาที พูดว่า “ ญาธิดา ถ้าคุณไม่อยากจะทำงานที่STN Groupแล้วจริงๆ ขอเพียงแค่คุณจัดการเรื่องพรีเซนเตอร์ให้เสร็จ ผมให้คุณออกแน่ ๆ หลังจากนี้คุณอยากทำงานอะไร ผมก็สามารถช่วยจัดการให้คุณได้”
เมื่อได้ยิน ญาธิดาตกใจเล็กน้อย ไม่นาน เธอก็ยิ้มมุมปากกับเขา “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”
มองดูผู้ชายที่ก้าวเดินออกไป เธอปิดประตู ถอนหายใจยาวๆหนึ่งครั้ง
ที่แท้ ภวินท์คิดมาตลอดว่าเธอแค่ไม่อยากทำงานที่ STN Group แล้ว ความจริง เธออยากจะออกจากเมือง J ไปจากเขา ให้ไกลๆไม่อยากเจอกันอีก…..
หลังจากที่ใจคอแห้งเหี่ยวไปชั่วขณะ เธอนึกขึ้นได้ทันที พรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอกับภวินท์ตกลงกันภายในระยะเวลาสามวัน ก็พูดได้ว่า ถ้าพรุ่งนี้เธอยังทำเรื่องคิรินเป็นพรีเซนเตอร์redeurไม่เสร็จ เธอก็ไม่มีทางที่จะลาออกได้
ไม่ได้ ไม่ได้แน่นอน
เธอต้องคิดหาวิธีให้ได้ พรุ่งนี้จำเป็นต้องให้คิรินเชื่อฟังเซ็นสัญญาฉบับนั้นให้ได้
แต่ทว่า ดูจากนิสัยของคิริน เขาจะเชื่อฟังเธอได้อย่างไร
ทันใดนั้น ใบหนึ่งหน้าได้ลอยเข้ามาให้หัวของญาธิดา ตาของเธอสว่างเจิดจ้า มีวิธีทันที
เธอหยิบมือถือขึ้นมา กดโทรออกหนึ่งสายทันที
พรุ่งนี้ ต่อให้ตัดสินใจสู้จนตาย เธอก็จำเป็นต้องให้คิรินเซ็นสัญญาพรีเซนเตอร์