ดวงใจภวินท์ - บทที่ 348 แผนการร้ายของนิวรา
บทที่ 348 แผนการร้ายของนิวรา
สัญญาฉบับนี้ ก็คือไพ่คิงของเธอ
มีอันนี้แล้ว เธอถึงจะลาออกจากงานได้ ถึงจะหนีภวินท์ไปได้ หนีไปไกลๆ
ญาธิดาค่อยๆเก็บสัญญาอย่างระมัดระวัง เดินออกจากห้องแต่งหน้า เดินออกไปจากสตูดิโอทันที
วันนี้ที่เดิน แต่ละก้าว สำหรับเธอแล้ว ล้วนจะเป็นหมากตัวเสี่ยง อย่างแรกเธอโทรศัพท์แล้วเอารูปถ่ายนั้นมาจากในมือถือของพายุ หลังจากนั้นข่มขู่คิรินอีกครั้ง เพียงแค่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดนิดเดียว หมากรุกเกมนี้เธอก็แพ้แล้ว
ยังดีที่ ทุกๆเรื่องราวล้วนสำเร็จตามที่เธอหวังไว้
เก็บซ่อนสัญญาไว้ ญาธิดากลับไปที่บริษัท ถึงห้องทำงาน เธอได้ร่างหนังสือลาออกไว้หนึ่งฉบับแล้ว ลงชื่อเรียบร้อย และใส่ไปในแฟ้มพร้อมกับสัญญา ปิดเรียบร้อย ส่งให้ชมพู่
“ชมพู่ พรุ่งนี้รบกวนแกช่วยฉันเอาแฟ้มเอกสารนี้ส่งให้คุณภวินท์ ต้องไปส่งในช่วงตอนบ่าย พรุ่งนี้ฉันมีธุระ ไม่เข้าบริษัทแล้ว”
ชมพู่ได้ยินแบบนั้น ก็ยังไม่เข้าใจ อดไม่ได้ที่จะถาม “ทำไมต้องส่งไปตอนบ่าย”
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ จิตใจรู้สึกสับสนซับซ้อน “เพราะว่าไปส่งตอนบ่าย เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เรื่องนี้ต้องไหว้วานแกแล้วหล่ะ”
สาเหตุที่ให้ชมพู่ไปส่งช่วงตอนบ่าย ก็เพราะว่าเที่ยวบินเธอเป็นพรุ่งนี้ตอนบ่าย เธอต้องแน่ใจว่าหลังจากที่ตัวเองขึ้นเครื่องแล้วภวินท์ถึงจะได้รับเอกสาร มีเพียงแบบนี้ ถึงจะเหมาะสมที่สุด
ถึงแม้ว่าชมพู่ยังมีความสงสัย แต่สุดท้ายก็ยังพยักหน้า ตอบรับไป
กำชับทุกอย่างเสร็จ ญาธิดาถึงจะวางใจ พอเลยเวลาเลิกงานก็ออกจากบริษัท ตรงไปยังโรงพยาบาล
เดิมทีเธอนัดกับธีทัตไว้ว่าพรุ่งนี้ตอนบ่ายค่อยไป สัญญาทำเสร็จแล้ว ที่บริษัททางนี้ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ทำให้เธอกังวลใจมากที่สุด ก็มีแค่ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวี
แต่ครั้งก่อนเธอตั้งใจหลอกถาม ท่าทีของดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีต่างก็เด็ดขาดมากๆ เธอจะใจแข็งบังคับให้พวกเขาไปจากเมือง Jได้ยังไงหล่ะ
พอถึงโรงพยาบาล กินข้าวเป็นเพื่อนพวกเขาเสร็จแล้ว ญาธิดาอยู่ตรงข้างเตียง นวดไหล่และคอให้ดร.ยติภัทร ฟังคุณปภาวีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลช่วงสองสามวันนี้
ไม่รู้เนื้อรู้ตัว สามคนก็คุยกันมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว ญาธิดามองดูเวลาแป๊บหนึ่ง ในใจหนักแน่น เอ่ยพูดว่า “พ่อคะแม่คะ หฯมีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้พูดกับพ่อกับแม่……”
ดร.ยติภัทรเอียงศีรษะ มองไปที่เธอถามว่า “เรื่องอะไรเหรอ”
“หนูอยากออกนอกประเทศสักช่วงหนึ่ง” ญาธิดารวบรวมความกล้า “ออกไปดูโลกภายนอก เปิดหูเปิดตา เรียนรู้สักหน่อย”
เมื่อประโยคนั้นออกไป ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีก็เคร่งขรึมจริงจังขึ้นพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย
คุณปภาวีเอ่ยปากก่อน “อยู่ดีๆ ทำไมถึงอยากไปต่างประเทศ บ้านเกิดดีขนาดนี้ ถ้าแกต้องการไปเที่ยวก็ได้นะ ฉันกับพ่อแกไม่มีความคิดเห็นอะไร ”
ญาธิดากัดปาก“หนุก็อยากไปดูโลกข้างนอกบ้าง ก็แค่ไปช่วงเวลาหนึ่ง……”
เธอคุยกับธีทัตไว้แล้ว เธอต้องไปอยู่ต่างประเทศช่วงเวลาหนึ่งก่อน มีแค่แบบนี้ ถึงจะปลอดภัยต่อลูกที่อยู่ในท้องของเธอ ไม่อย่างนั้น เมื่อภวินท์รู้เรื่องเข้า เธอก็ไม่กล้าจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้น
คุณปภาวีรู้สึกห่างจากลูกสาวไม่ได้เป็นธรรมดา กำลังจะพูดโน้มน้าวต่อ ใครจะไปรู้ทันใดนั้นดร.ยติภัทรยกมือขึ้นมา เป็นสัญญาบอกว่า “เรื่องนี้ พ่อเห็นด้วย ธิดา เธอยังวัยรุ่น ออกไปดูโลกภายนอกเยอะหน่อยก็ดี”
คุณปภาวีได้ยินแบบนั้น ดวงตาก็เปิดกว้าง ไม่ยอมรับสิ่งที่เขาพูดอย่างเห็นได้ชัด “แต่นี้มันไม่ได้……”
ดร.ยติภัทรส่ายหน้า เป็นสัญญาณบอกว่าเธอไม่ต้องพูดอะไรแล้ว
เขาเอียงคอเล็กน้อย ยกมือตบเบาๆที่มือของญาธิดาที่วางบนหัวไหล่ของเขา พูดเบาๆว่า “ธิดาเอ๊ย พ่อสนับสนุนแก แต่ถ้าหากแกมีปัยหาอะไร ต้องบอกพ่อนะ”
ได้ยินแบบนั้น ญาธิดาจมูกเริ่มแดง น้ำตาเกือบจะไหลออกมา
ก่อนหน้าที่เธอจะพูดประโยคนี้ ก็เคยเดาท่าทีของพวกเขาไว้ เธอก็ไม่มั่นใจว่าครั้งนี้ไปนานแค่ไหนถึงจะกลับมา ยังไงก็ตามในท้องเธอ ยังมีชีวิตน้อยๆที่กำลังเติบโตอีกชีวิตหนึ่ง
เธอกัดริมฝีปาก เก็บความรู้สึกที่แปรปรวนไว้ หายใจเข้าลึกๆพูดว่า “พ่อแม่ วางใจเถอะ หนูจะดูแลตัวเองให้ดีแน่นอน……”
ดร.ยติภัทรเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “แบบนี้ก็ดี จะต้องไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกน้อยใจ………”
คุณปภาวีถอนหายใจ พูดพึมพำว่า “อยู่ที่นี้ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องไปต่างประเทศ……”
ในเวลานี้ ทันใดนั้นประตูห้องพักผู้ป่วยถูกคนผลักเปิดหนึ่งครั้ง ทันใดนั้น มีเงาสูงใหญ่ปรากฏที่หน้าประตู
พวกเขาสามคนหันไปตามเสียงโดยไม่ได้นัดหมาย เห็นที่ประตูหายใจหืดหอบ สีหน้าที่ร้อนรนของธีทัต ทุกคนก็แอบประหลาดใจ
คุณปภาวีเอ่ยปากว่า “ทัต นี้เธอ…”
ธีทัตหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง พยายามเก็บอาการ มองไปที่ญาธิดา “ขอโทษครับคุณลุงคุณป้า ผมมาหาธิดา มีเรื่องต้องคุยกับเขานิดหน่อย”
ญาธิดาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ถึงจะรู้จักธีทัตนานขนาดนี้แล้ว เธอก็ไม่เคยเห็นสีหน้าเขาบุ่มบ่ามแบบนี้มาก่อน
ญาธิดามองไปที่ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวี พูดเบาๆว่า “พ่อแม่ถ้าอย่างนั้น ฉันออกไปข้างนอกก่อนแป๊บหนึ่งนะ”
ดร.ยติภัทรพยักหน้า “ไปเถอะ”
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ เดินออกจากห้องพักผู้ป่วย พร้อมกับปิดประตู มองไปที่เขาถามว่า “คุณเป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
ธีทัตไม่ได้พูดอะไร ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของหล่อน รีบเดินไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว “คุณมากับฉัน”
ในเวลานั้น ญาธิดารับรู้ถึงความรู้สึกของเขา ความกังวลขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว
หลังจากที่เธอถูกลากไปถึงทางเดินที่ปลอดภัยตรงหัวมุมโรงพยาบาล ธีทัตถึงจะปล่อยมือ
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจรู้สึกงุนงง “ทัต ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ธีทัตสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ฉันหาอะไรบางอย่างเจอแล้ว เกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์เมื่อไม่กี่วันก่อน”
ญาธิดาตกใจเล็กน้อย อ้าปาก แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ธีทัตเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดด้วยน้ำเสียงต่ำอีกว่า “เรื่องนั้น ต้องไม่ใช่อุบัติเหตุโดยบังเอิญแน่ ๆ แต่มีบางคนตั้งใจทำเรื่องเลวร้ายนี้ขึ้น”
ได้ยินแบบนั้น ในหัวของเธอก็ปรากฏขึ้นที่เธออยู่กลางถนนวันนั้น หันไปเห็นภาพเหตุการณ์ที่มอเตอร์ไซค์คันนั้นเร่งความเร็วพุ่งชนมาที่เธอ
ไม่ได้ลดความเร็วแม้แต่นิดเดียว พุ่งเข้ามาหาเธอจัง ๆ ชัดเจนมาก เป้าหมายของมอเตอร์ไซค์คันนั้นคือเธอ
ไม่รู้ทำไม ในใจญาธิดารู้สึกเย็น ร่างกายสั่นโดยไม่รู้ตัว
เธอกัดฟัน มองไปที่ธีทัตถามว่า “สรุปว่าเป็นใคร”
ธีทัตหายใจเข้าลึกๆ พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ฉันให้คนไปตรวจดูกล้องวงจรปิด ผู้ชายที่ขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้น เคยเจอกับผู้ชายที่ชื่อชยิน และชยินคนนั้น คือบอดี้การ์ดของนิวรา ”
ได้ยินที่เขาพูดแบบนั้น ญาธิดาสั่นไปทั้งตัว ราวกับว่าถูกไฟฟ้าดูด ในหัวเหมือนมีอะไรบางอย่างวนเวียนเชื่อมโยงกัน ค่อย ๆ ประติดต่อกัน
หรือว่า…….เรื่องราวทั้งหมด ล้วนเป็นแผนร้ายของนิวรา
ญาธิดาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “แต่คนที่ช่วยฉันตอนนั้น ก็คือนิวรา……”
ธีทัตลังเลอยู่ชั่วขณะ เอ่ยพูดว่า “ในตอนแรกที่เกิดอุบัติเหตุ ภวินท์ก็อยู่ในเหตุการณ์ใช่ไหม ”
เพียงประโยคเดียว ราวกับโดนฟ้าผ่า ชั่วพริบตาเดียวทำให้ญาธิดามีสติขึ้นมา
หรือว่า เป้าหมายของมอเตอร์ไซค์คือเธอตั้งแต่แรก แต่ที่นิวรารีบเข้ามา ก็เพราะว่าเห็นภวินท์เหรอ
แต่ทำไมนิวราต้องส่งคนมาชนเธอ หล่อนหมั้นกับภวินท์แล้ว หล่อนก็ไม่ต้องมาคุกคามเธออีกแล้ว
นอกจากว่า มีความเป็นไปได้อย่างอื่น นั้นก็คือนิวรารู้ว่าเธอตั้งครรภ์แล้ว