ดวงใจภวินท์ - บทที่ 364 ชีวิตที่เรียบง่าย
บทที่ 364 ชีวิตที่เรียบง่าย
อย่างที่คิดไว้ สามนาทีต่อมา ภายในห้องก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น จากนั้นระหว่างที่อีธานและเอลล่าเรียกอยู่ ประตูห้องก็ถูกเปิด
ดร.ยติภัทรขมวดคิ้วปรากฏตัวที่ประตู เมื่อก้มหน้าก็เห็นเด็กน้อยสองคน ตกตะลึงสักพัก นัยน์ตาก็ฉายแววเปล่งประกาย
อีธานและเอลล่าก็เจอคุณตาเป็นครั้งแรก รู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างเลี่ยงได้ยาก ดวงตากลมโตจ้องมองเขา และไม่กล้าเรียกแล้ว
สีหน้าดร.ยติภัทรซับซ้อนเล็กน้อย เขาหายใจเข้าลึกๆ ลังเลสักครู่หนึ่ง ย่อตัวลงมาช้าๆ “พวกหนู……ชื่ออะไรเหรอ?”
อีธานเอ่ยปากพูดขึ้น “ผมชื่ออีธาน เธอชื่อเอลล่าครับ”
ดร.ยติภัทรดวงตาเป็นประกาย สีหน้าถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยนและความดีใจทันที เขาพยักหน้าซ้ำๆ กางแขนแยกโอบเจ้าก้อนแป้งสองก้อน “เด็กดี……ไหนให้คุณตาดูหน่อยสิ……”
ญาธิดาข้างๆ เห็นดังนั้น จมูกก็แสบ น้ำตาคลอเบ้า
หลายปีมานี้ เธอไม่ได้แสดงความกตัญญูอันสูงสุดในฐานะลูกสาวจริงๆ ไม่ได้กลับมาเยี่ยมพวกเขา แม้แต่คุยโทรศัพท์ก็น้อยมาก
ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดถึงพวกเขา แต่เธอทำตามใจตัวเองมากไม่ได้ ตอนแรกคือกลัวภวินท์ ต่อมาก็ยุ่งกับการเลี้ยงลูก แป๊บเดียวก็ผ่านมา5ปีแล้ว
“คุณตา……คุณอายุเท่าไรแล้ว? ผมขาวหมดแล้ว……”
“คุณตา……”
เด็กน้อยสองคนล้อมรอบดร.ยติภัทร ถามแต่ละคำถามไม่หยุด ผ่านไปไม่นานนัก ดร.ยติภัทรก็ถูกแหย่ให้ขำจนหุบปากไม่ได้แล้ว
คุณปภาวีเดินมาจากข้างๆ ตรงไปที่หน้าโซฟา จูงมือญาธิดาให้นั่งลง เอ่ยปลอบอย่างลึกซึ้ง “ธิดา ลูกอย่าโทษพ่อเลยนะ หลายปีมานี้ เขาไม่ค่อยมีความสุขเลย……”
“เอาแต่พูดถึงอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าลูกจะใช้ชีวิตข้างนอกไม่มีความสุข หลายปีมานี้ลูกไม่กลับมาเลย เขาเสียใจมากนะ!”
ได้ยินคุณปภาวีพูดแบบนี้ ในใจญาธิดาก็ยิ่งรู้สึกแย่ เธอหายใจเข้าลึกๆ กัดปาก จับมือคุณปภาวีไว้ แล้วพูดเบาๆ “แม่ ขอโทษนะคะ หลายปีมานี้หนูอกตัญญูจริงๆ ที่ไม่กลับมาเยี่ยมพวกท่าน……”
“อย่าคิดแบบนี้ คนอื่นไม่เข้าใจ แต่แม่เข้าใจ ลูกอยู่เมืองนอกมีลูกสองคน ทัตเขาก็เข้าๆ ออกๆ ในประเทศและต่างประเทศ มันไม่มีทางเลือกจริงๆ นี่หน่า……แม่ไม่ตำหนิลูกหรอก”
ขณะที่คุณปภาวีพูด ก็ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า
ญาธิดาได้ยินดังนั้น หัวใจก็เกิดความอบอุ่น แต่เมื่อได้ยินเธอพูดถึงธีทัต ก็อยากจะอธิบาย แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร
เรื่องโกหกนี้ ก็ปกปิดต่อไปแล้วกัน ไม่อย่างนั้นถ้าให้พวกเขารู้ ก็จะมีแต่กังวล
ที่จริงแล้ว เธอกับธีทัตไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างที่คนนอกเข้าใจ แม้แต่อัญมณีก็ไม่รู้
คนที่ไม่รู้เรื่องราวคิดว่าพวกเขาสองคนรักกัน สร้างครอบครัวกันที่ต่างประเทศ มีแฝดชายหญิงที่น่ารัก คนที่รู้เรื่องราวคิดว่าพวกเขาสองคนพออยู่กันไปนานๆ จนเกิดเป็นความรัก ธีทัตยินยอมเลี้ยงลูกของคนอื่น เป็นพ่อเลี้ยงให้ แต่ความจริงแล้วเธอกับธีทัตไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น
เขามีความรู้สึกกับเธอ แต่เธอรู้สึกสำนึกบุญคุณเขามากกว่า หลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เพียงแต่ให้การดูแลและความอบอุ่นมากมายแก่เธอ แต่ยังทำหน้าที่คุณพ่อของเด็กน้อยสองคนด้วย ชดเชยความรักของพ่อที่ขาดไป
เธอลองเปิดใจยอมรับเขา เขาทำหน้าที่พ่อของลูก เป็นสิ่งที่ทั้งสองคนปรารถนา สิ่งที่ต้องการทั้งคู่
“ธิดา เป็นอะไร? คิดอะไรอยู่ ถึงเหม่อขนาดนี้?”
คุณปภาวียื่นมือไปส่ายตรงหน้าญาธิดา เธอถึงตอบสนอง รีบหันไปมองเธอ “ม…ไม่มีอะไรค่ะ แค่เหนื่อยๆ”
คุณปภาวีได้ยินดังนั้น ก็มองดูเวลา “ลืมไปเลย ในหม้อมีซุปซี่โครงหมูที่ต้มไว้อยู่ล่ะ! ทำไมลืมไปได้นะ? วันนี้ลูกกับหลานชายหลานสาวที่รักของแม่จะต้องอยู่ต่อ เพื่อชิมฝีมืออาหารของแม่!”
ญาธิดารู้สึกอบอุ่นหัวใจ ยิ้มให้กับเธอ “ได้ค่ะ”
ผ่านมาตั้งหลายปี เธอก็อยากย้อนระลึกถึงรสชาติอาหารที่แม่ทำเหมือนกัน
คุณปภาวีรีบเข้าห้องครัวเริ่มยุ่งกับการทำอาหาร อีกด้านหนึ่ง ดร.ยติภัทร อีธานและเอลล่ากำลังเล่นกันอย่างสุขใจ ชายชราที่เหมือนเด็กคนหนึ่งกับเด็กซนสองคน บรรยากาศครึกครื้นและมีชีวิตชีวา
ญาธิดายืนข้างๆ มองพวกเขา ยกมุมปากขึ้นอย่างอดไม่ได้ จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่น เธอได้สติอย่างรวดเร็ว หยิบโทรศัพท์ออกมาดู เห็นหมายเหตุที่แสดงบนหน้าจอ ก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
เธอลุกขึ้นเดินมาข้างๆ กดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล พี่โอ๊ตมีอะไรเหรอคะ?”
พี่โอ๊ตคือผู้จัดการของเธอ ธุรกิจภายในประเทศบางส่วนเขาเป็นคนช่วยติดต่อให้
สามปีก่อน โพสต์ที่ญาธิดาถ่ายรูปลูกลงแพลตฟอร์มต่างประเทศที่เธอทำขึ้นมา จู่ๆ ก็ติดเทรนด์ แล้วก็มีแฟนคลับจำนวนหนึ่ง เธอถ่ายรูปบันทึกชีวิตประจำวันของอีธานกับเอลล่า ต่อมาคนในบริษัทของพี่โอ๊ตเห็นเข้า นัดให้ไปถ่ายรูปกลุ่มฝาแฝด แล้วบังเอิญกลายเป็นที่นิยมในอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่นั้นมาก็มีบริษัทและโฆษณาสำหรับเด็กจำนวนไม่น้อยมาติดต่อเธอ
แต่เธอไม่อยากให้เด็กสองคนเข้าวงการเร็วเกินไป แค่เลือกกิจกรรมบางกิจกรรม พาพวกเขาเข้าร่วม โดยปกติตัวเองจะทำหน้าที่เป็นตากล้องถ่ายภาพและทำอะไรอื่นๆ ให้พวกเขา
นอกจากนี้ เธอยังทำงานเป็นนักเขียนบทให้กับบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ สร้างภาพยนตร์ที่มีผลตอบรับจำนวนหนึ่ง รายได้ก็ไม่เลวด้วย
กลับมาเมือง J ครั้งนี้ หนึ่งคือเพราะเธอต้องมาร่วมพิธีรับรางวัลสองคือพาเด็กน้อยสองคนเข้าร่วมถ่ายภาพในหัวข้อการคุ้มครองสัตว์ป่า
ที่ปลายสายโทรศัพท์ พี่โอ๊ตเอ่ยปากถามขึ้น “ธิดา เรื่องที่ฉันคุยกับเธอคราวก่อน เธอคิดว่าดีไหม?”
ญาธิดาได้ยิน หัวใจก็หนักอึ้ง ลังเลสักพัก “ฉันคิดว่าตอนนี้ชีวิตของเราก็มีความสุขมากแล้ว ฉันใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่อยากเข้าวงการบันเทิง”
ได้ยินคำตอบของเธอ พี่โอ๊ตปลายสายก็พูดอย่างเสียใจที่ไม่เป็นอย่างที่หวัง “ธิดา ฉันพูดกับเธอตั้งเยอะ ทำไมเธอยังไม่เข้าใจอีกล่ะ? ด้วยคุณสมบัติและผลงานของเธอ มันเป็นกระแสได้นะ! ถึงตอนนั้นมีค่าตอบแทนเป็นสิบๆ ล้าน มีโฆษณาเข้ามาไม่ขาดสาย แล้วค่อยออกจากวงการทีหลังก็ได้……”
ไม่รอให้พี่โอ๊ตพูดจบ ญาธิดาก็หายใจเข้าลึกๆ เอ่ยปากขัดคำพูดเขา “พอแล้วค่ะพี่โอ๊ตฉันคิดดีแล้วจริงๆ”
เธออยากใช้ชีวิตเรียบง่าย ที่ถ่ายภาพอีธานกับเอลล่าก็เพื่อบันทึกการเจริญเติบโตของพวกเขา ที่ตัวเองกำกับหนังสั้นก็เพราะความชอบส่วนตัว ทุกอย่างที่มีในวันนี้ เธอพึงพอใจมากแล้ว
“คืองี้นะ ธิดา ตอนนี้ในเมือง J น่ะ มีบริษัทหนึ่งอยากทำสัญญากับเธอ เธอรู้ไหมว่าบริษัทไหน? เอสวาย มีเดีย พระเอกสุดออตอย่างคิรินก็อยู่ค่ายนี้!”
ได้ยินชื่อที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย ญาธิดาก็อึ้ง ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็ยกยิ้ม
สำหรับเรื่องคิริน เธอเคยได้ยินมาว่าภายในเวลาห้าปีนี้ จากนักแสดงหน้าใหม่เขาก็ได้กลายเป็นดาราชายยอดนิยม มีผลงานดีๆ มากมาย ภาพยนตร์ที่ได้เข้าร่วมในสองปีมานี้ยิ่งได้รับความนิยมอย่างมาก กลายเป็นนักแสดงแถวหน้าของวงการบันเทิง
ได้ยินพี่โอ๊ตที่ปลายสายโทรศัพท์พูดน้ำไหลไฟดับว่าเข้าเอสวาย มีเดียแล้วดีมากแค่ไหน เธอหายใจเข้าลึกๆ หัวเราะเบาๆและพูดขึ้น “พี่โอ๊ต ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ขณะที่พูด เธอก็หันหลังไปมอง เห็นคุณปภาวีกำลังยกหม้อซุปออกมาจากครัว ยิ้มที่มุมปากกว้างขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ฉันต้องอยู่กับคนในครอบครัว ไว้ค่อยคุยนะคะ แค่นี้แหละ”
พูดจบ ไม่รอให้พี่โอ๊ตพูดอะไร เธอก็วางสายทันที แล้วเก็บโทรศัพท์
ตอนนี้ ผ่านความสูญเสียมา เธอเข้าใจแล้วว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอมันคืออะไร
ครอบครัวและความรัก คือสิ่งที่เธอไม่สามารถทำให้ผิดหวังมากที่สุดแล้วในชีวิตนี้