ดวงใจภวินท์ - บทที่ 374 กิจกรรมครอบครัว
บทที่ 374 กิจกรรมครอบครัว
วันรุ่งขึ้น ญาธิดายังไม่ตื่น ก็ถูกคุณปภาวีดึงให้ลุกจากเตียง
“ลูกดูสิว่ากี่โมงแล้ว บอกว่าจะพาหลานไปเที่ยวHappy Valleyไม่ใช่หรือไง? วันนี้วันอาทิตย์นะ คนเยอะที่สุด!”
“ยังไม่ตื่นเหรอ? ธิดา ตอนนี้เธอเป็นแม่ลูกสองแล้วนะ ไม่ใช่สาวน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว……”
“……”
ขี้เกียจบนเตียงห้านาที ญาธิดารู้สึกเหมือนตัวเองได้ชดเชยด้วยดุของแม่ที่ขาดหายไปห้าปี เธอนวดศีรษะ ในใจดิ้นรนลุกขึ้นมาจากเตียง
“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า! เด็กน้อยสองคนขยันกว่าลูกอีก!”
ถูกคุณปภาวีดันเข้าห้องน้ำ เธออาบน้ำแล้ว ถึงจะได้สติขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อคืนก็ไม่รู้ทำไม เธอฝันทั้งคืน ในฝันมีชายร่างสูงใหญ่รางๆ อุ้มอีธานกับเอลล่าแล้ววิ่งหนีไป เธอตกใจกลัวจนนอนหลับไม่สนิท
หรือว่าชายในฝันคือภวินท์?
ญาธิดายิ่งคิดยิ่งรู้สึกไร้เหตุผล สุดท้ายก็ส่ายหน้า ลืมความคิดที่ไร้สาระเหล่านั้นไปหมด
ออกมาจากห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปชั้นล่าง เธอเห็นเอลล่ากับอีธานทั้งสองคนนั่งดื่มนมทานอาหารเช้าอยู่หน้าโต๊ะอาหารอย่างเชื่อฟัง ทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้วด้วย เอลล่าสวมชุดกระโปรงลายสก็อตสีแดง อีธานสวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีดำ ทั้งสองน่ารักและสะดุดตา
ญาธิดาอารมณ์ดีขึ้นมาก เดินไปทักทายพวกเขา ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม แล้วหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาธีทัต
“ธีทัต เราเตรียมตัวจะเสร็จแล้ว คุณออกมาหรือยัง?”
เดิมทีแล้วเธอกับธีทัตตกลงกันไว้เรียบร้อย ว่าวันนี้จะพาเด็กน้อยไปHappy Valleyด้วยกัน และถือเป็น “กิจกรรมครอบครัว” ด้วย
รอสองสามนาที ญาธิดาดื่มกาแฟหมดหนึ่งแก้ว ธีทัตก็ยังไม่ตอบกลับ
อีธานกับเอลล่าข้างๆ ก็ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว จ้องมองเธอพร้อมกัน
“แม่ เราจะออกเดินทางเมื่อไหร่ค่ะ?”
ญาธิดายิ้มให้พวกเขา ยกมือขึ้นสองข้างเคาะศีรษะเล็กพวกเขา “รอพ่อมารับพวกเรานะ พวกลูกไปสะพายกระเป๋าของตัวเองไป เอากระติกน้ำขวดเล็กไปด้วย เตรียมพร้อมอยู่เสมอ!”
“รับทราบ!”
เห็นพวกเขาวิ่งออกไปราวกับม้าป่าถูกปลด ญาธิดาก็ยิ้มกว้างไม่หยุด
เธอลุกขึ้น กลับห้อง เปลี่ยนเป็นชุดกีฬาลำลอง เตรียมเสร็จแล้วถึงจะออกมา
เสื้อกันหนาวสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีขาว คู่กับผ้าใบสีเดียวกัน คู่กับหมวกแก๊ป ทั้งร่างอ่อนเยาว์และงดงาม เต็มไปด้วยความสาว
เมื่อญาธิดาลงมาชั้นล่าง ก็ได้รับคำชื่นชมจากเด็กน้อยสองคน
“แม่ แม่สวยมาก!”
“แม่ เราออกไปข้างนอก เรียกแม่ว่าพี่สาวยังได้เลย!”
“……”
ได้ยินคำชมโอเวอร์ ญาธิดาก็อดขำไม่ได้ มือแต่ละข้างจูงเด็กน้อย ยิ้มขณะพูดขึ้น “เอาล่ะๆ พวกลูกสองคนนี่มันปากหวานเหมือนน้ำผึ้งเลยนะ!”
ก่อนออกจากบ้าน คุณปภาวีก็ตามมา ยัดกล่องแซนด์วิชที่ทำเสร็จแล้วเข้าไปในกระเป๋าเป้ของญาธิดา เผื่อเด็กน้อยหิวจะได้รองท้องได้
“พอแล้ว แม่ วันนี้อากาศดีขนาดนี้ แม่ก็ออกไปเดินเล่นกับพ่อด้วยสิ อย่าเอาแต่อุดอู้อยู่ในบ้าน”
ออกมาจากในบ้าน เดินไปถึงริมถนนด้านนอกแกรนด์ บูเลอวาร์ด ญาธิดาเปิดโทรศัพท์ ด้านในยังคงว่างเปล่า อย่าว่าแต่โทรศัพท์ธีทัต ข้อความที่เธอส่งไปให้เขาก็ยังไม่ตอบกลับเลย
เวลาสายแล้ว ถ้ายังไม่ไปอีก เกรงว่าแม้แต่ซื้อตั๋วก็ต้องเข้าแถว
ญาธิดาเรียกรถแท็กซี่มาหนึ่งคัน พาอีธานกับเอลล่าขึ้นรถไป ให้คนขับรถขับตรงไปที่Happy Valley ระหว่างทาง เธอก็โทรหาธีทัต ปลายสายดังอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีคนรับสาย
“หรือยุ่งอยู่เหรอ?”
ญาธิดาคิดแล้วคิดอีก ก็ส่งข้อความหาเขาอีกครั้ง “ฉันพาอีธานกับเอลล่าไปซื้อตั๋วก่อนนะ ถึงตอนนั้นเราจะรอคุณที่ประตู”
เพิ่งส่งข้อความเสร็จ อีธานก็ยกศีรษะเล็กขึ้นมองญาธิดา กะพริบตาโตถามขึ้น “แม่ครับ พ่อไม่มาเหรอ?”
ญาธิดาลูบศีรษะเล็กของเขา “พ่อน่าจะยุ่งอยู่ เราไปรอเขาที่ประตูHappy Valley อีกไม่นานเขาก็ถึง”
เอลล่าก็เอ่ยปากถามอย่างกังวลเล็กน้อย “ถ้าพ่อไม่มาจะทำยังไงดีคะ? ครูลินดามีการบ้านให้เรา ต้องถ่ายรูปไปเที่ยวกับครอบครัวแล้วส่งให้เธอ”
“นั่นสิ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วด้วย!”
เห็นท่าทางกังวลของเด็กน้อยสองคน ญาธิดาก็รีบปลอบ “ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้ต้องทำการบ้านเสร็จแน่ ไม่ต้องกังวลนะ หืม?”
เด็กน้อยสองคนพยักหน้า แต่สีหน้าก็ยังหดหู่
ญาธิดาหัวใจตึงเครียด จู่ๆก็รู้สึกผิดต่อพวกเขา
ห้าปีมานี้ ถึงแม้ดูผิวเผินธีทัตจะเป็นพ่อของพวกเขาสองคน แต่พูดตามตรง เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันนั้นไม่ถือว่าเยอะ อีกอย่างธีทัตต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างในประเทศและต่างประเทศ ทำงานยุ่งตัวเป็นเกลียว ดังนั้นบางครั้งจึงเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ญาธิดาก็รู้สึกซาบซึ้งต่อธีทัตมากแล้ว มีเขาอยู่อย่างน้อยลูกของเธอก็ไม่โดนเด็กคนอื่นหัวเราะเยาะ อย่างน้อยช่วงวัยเด็กของอีธานกับเอลล่าก็ไม่ขาดพ่อ
ไม่นานนัก แท็กซี่ก็มาถึงประตูใหญ่Happy Valleyเมือง J ญาธิดาพาเอลล่ากับเอลล่าลงจากรถ เห็นแถวยาวบริเวณซื้อตั๋ว ก็ทำหน้าอึ้งทันที
คาดไม่ถึงว่า คนจะเยอะขนาดนี้เลย
ไม่แปลกใจที่คุณปภาวีจะปลุกเธอตื่นแต่เช้าตรู่ ดูเหมือนก็เพราะเหตุผลนี้แหล่ะ
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ จับมือเด็กน้อยสองคนแน่น เดินไปที่ท้ายแถว เข้าแถวซื้อตั๋ว
ในแถวล้วนเป็นพ่อแม่พาเด็กน้อยมา และมีคู่รักวัยรุ่นบางส่วน ผู้คนในบริเวณซื้อตั๋วมีจำนวนไม่น้อย อีกด้านหนึ่งของทางเข้าก็เข้าแถวเช่นกัน
ลงทะเบียนซื้อตั๋วรวดเร็วมาก ต่อแถวไม่ถึงยี่สิบนาทีก็เสร็จ ญาธิดามาถึงทางเข้าซื้อตั๋ว ก็ซื้อตั๋วผู้ใหญ่สองคนและเด็กสองคน
เหมือนจะเป็นธีมหลักของHappy Valleyพอดี ตั๋วของเด็กมีสีสันสดใส ด้านบนพิมพ์ลายการ์ตูน อีธานกับเอลล่าเมื่อได้รับตั๋ว ก็ลากญาธิดาไปต่อแถวที่ทางเข้าอย่างตื่นเต้น
ญาธิดาลังเล มองดูโทรศัพท์ว่างเปล่า หายใจเข้าลึกๆ “อีธาน เอลล่า เรารอพ่อกันก่อนเถอะ”
เด็กน้อยสองคนที่ตื่นเต้นเมื่อครู่นี้ พอได้ยินประโยคนี้ ก็เหมือนถูกสาดน้ำเย็น พยักหน้าอย่างหดหู่ “ก็ได้ค่ะ”
รอมาสิบกว่านาทีโดยไม่รู้ตัว ญาธิดาโทรหาธีทัตก็ยังไม่มีคนรับสาย จนคิวเข้าแถวทางข้างมันยาวขึ้นเรื่อยๆ
ญาธิดาก้มหน้ามองอีธานกับเอลล่าที่ดูอิดโรยเหมือนมะเขือยาว ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาธีทัตอีกครั้ง
ถ้าโทรคราวนี้ไม่มีคนรับสายอีก เธอต้องพาพวกเขาสองคนไปเข้าแถวก่อนแล้ว
อีกด้านหนึ่ง มีรถสองคันมาจอดที่ลานหน้าประตูHappy Valley
ชายวัยกลางคนค่อนข้างท้วมคนหนึ่งลงมาจากรถด้านหน้า ยิ้มอย่างเคารพ รีบเดินมาข้างประตูเบาะหลัง แล้วเอนตัวเล็กน้อยเปิดประตูรถ
“คุณภวินท์ เชิญครับ——”
ภวินท์ก้าวขายาวลงจากรถ กวาดตามองประตูทางเข้าHappy Valley แล้วพูดเรียบๆ “คนไม่น้อยเลย”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าซ้ำๆ พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “แน่นอนครับ Happy Valleyเป็นสวนสนุกที่มีกิจกรรมนันทนาการมากที่สุดและใหญ่ที่สุดในเมือง J ตอนนี้ กลุ่มเป้าหมายก็กว้างขวาง คุณภวินท์เลือกลงทุนโครงการนี้ในตอนนั้นก็ตัดสินใจถูกแล้วจริงๆครับ!”
ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อย “อืม คุณเอก ทะเลสาบพระจันทร์อยู่ทางไหนครับ?”
คุณเอกรีบพยักหน้า ยื่นมือชี้ให้เขาดู “ทางนั้นครับ พื้นที่ขนาดใหญ่ริมทะเลสาบทางนั้นเป็นของSTN Groupทั้งหมด ริมทะเลสาบมีสวนป่า ทิวทัศน์ดีมาก เข้าไปทางนั้นก็จะเป็นซาฟารีปาร์คของเมือง J ครับ”
ภวินท์พยักหน้า “อืม ไปดูริมทะเลสาบสักหน่อย ถ้าเหมาะสมเดี๋ยวให้ลูกน้องของนายจัดทำแผนเบื้องต้นแล้วส่งให้ฉัน เอาสถิติวิเคราะห์สองปีที่ผ่านมาด้วย”
คุณเอกดวงตาเป็นประกาย ตอบรับอย่างตื่นเต้น “ครับ!”
ภวินท์กวาดสายตามองไปที่ประตูอีกครั้ง กำลังจะหันหลังขึ้นรถไป จู่ๆสายตาก็หยุดนิ่ง สายตามองไปยังทิศทางหนึ่งอย่างตั้งใจ