ดวงใจภวินท์ - บทที่ 389 ตีงูต้องตีให้ตาย
บทที่ 389 ตีงูต้องตีให้ตาย
“ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างเลือดจริงกับเลือดปลอมก็คือ กลิ่น เลือดจริงจะมีกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงมาก…”
ขณะที่กำลังฟังภวินท์แชร์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเขา ญาธิดาก็เริ่มใจลอยโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้น คนที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องก็กระโดดออกมาอย่างกะทันหัน เขาแต่งกายด้วยชุดสีขาว ผมสีดำยาวปกคลุมใบหน้า ดวงตาโบ๋ทั้งสองข้างส่องแสงสีแดงออกมาผ่านเส้นผมที่ปกคลุมอยู่…
จู่ ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าญาธิดา พลางส่งเสียงกรีดร้อง “อ้า” ออกมาให้เธอตกใจ ซึ่งเธอก็รีบหลบตัวไปข้าง ๆ ตามสัญชาตญาณ
ทันใดนั้น เธอก็ตกใจวิ่งวนไปมาจนกระแทกเข้ากับแผงอกแข็งแรงของใครคนหนึ่ง และตัวสั่นงันงกด้วยความตกใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปกอดชายคนนั้นไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว โดยที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะเหงนหน้ามองเลย
“กรี๊ด! อย่าเข้ามาอย่าเข้ามานะ!”
“…”
ญาธิดายังคงกรีดร้องด้วยความตกใจ หัวใจเต้นแรงเสียงดัง “ตึกตัก ตึกตัก” และจับมือชายคนนั้นแน่นไม่ยอมปล่อย
จู่ ๆ ท่อนแขนอันแข็งแกร่งของเขาก็โอบกอดเธอไว้ พลางตบหลังเธอเบา ๆ คล้ายกำลังปลอบให้เธอสบายใจ
“เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว”
น้ำเสียงของชายคนนั้นฟังดูอ่อนโยนขึ้นมาก เสียงของเขาทั้งต่ำทั้งทุ้ม ทำเอาญาธิดาตัวเกร็งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาของภวินท์แนบชิดอยู่ใกล้ ๆ วินาทีนั้นเลือดภายในร่างกายของเธอก็เหมือนหยุดไหลเวียนไปชั่วขณะ
จู่ ๆ ทุกอย่างในหัวของเธอมันก็ทื่อไปหมด ทำเอาเธอถึงกับชาไปทั้งตัว
ภวินท์หรี่ตาลงมองสีหน้าทื่อ ๆ ของเธอ ก่อนจะกระตุกมุมปากยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “ผีตกใจเสียงเธอจนหายไปแล้ว ยังไม่ปล่อยมืออีก?”
น้ำเสียงของชายคนนั้นฟังดูอ่อนโยนขึ้นมาก เสียงของเขาทั้งต่ำทั้งทุ้ม ทำเอาญาธิดาตัวเกร็งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ญาธิดาได้สติในทันที เธอรีบปล่อยมือแล้วผลักเขาออกไปห่าง ๆก่อนที่ตัวเองจะถอยหลังไปอีกสองสามก้าว
“แม่ครับ เป็นอะไรเหรอครับ”
“แม่…”
เมื่อได้ยินเสียงของเด็กน้อยทั้งสอง ญาธิดาก็สงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อย ก่อนจะรีบเอื้อมมือไปจับเขาสองคนไว้ พอเหลือบตามองไปทางภวินท์ แก้มทั้งสองข้างก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว
“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ…”
ญาธิดากัดฟันแน่น เธอได้สติขึ้นมาเล็กน้อย พลางจูงมือเด็กทั้งสองคนเดินต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากเดินตรงไปตามระยะทางที่เหลือ หัวใจของเธอเต้นตึกตักตึกตักอยู่ตลอดทาง แต่ไม่ใช่เพราะความกลัว
ข้างหูก็มีเสียงหัวเราะเยาะของผู้ชายคนนั้นแว่วดังเข้ามาในหูอยู่ตลอด “ยังไม่ปล่อยมืออีก?”
“ยังไม่ปล่อยมืออีก?”
“…”
ยิ่งคิดแก้มของญาธิดาก็ยิ่งแดงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
สุดท้ายหลัวจากเดินวนจนรอบบ้านผีสิงแล้ว พวกเขาก็ได้เดินออกมาข้างนอก ญาธิดาจูงอีธานกับเอลล่าเดินอยู่อีกทาง เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขากับภวินท์
ภวินท์ก้มหน้ามองพวกเขาก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “อีธาน เอลล่ายังอยากเล่นอะไรอีกเอ่ย”
“ผมอยากนั่งรถไฟเหาะ…”
ญาธิดากัดฟันพูดตัดบทของอีธานอย่างกะทันหัน “ไม่เล่นแล้วค่ะ ค่ำมากแล้ว พวกเราต้องกลับกันแล้ว”
ทันใดนั้นสีหน้าแห่งความผิดหวังก็ปรากฏบนใบหน้าของอีธานทันที
เมื่อญาธิดาเห็นเช่นนั้น ในใจของเธอก็รู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหว แต่พอนึกถึงสิ่งที่นิวราพูดในวันนี้ เธอจึงได้แต่กัดฟันและทำเป็นใจร้าย เงยหน้ามองไปทางภวินท์ แล้วพูดเน้นทีละคำว่า “คุณภวินท์ พวกเราอย่าเจอกันเป็นการส่วนตัวอีกเลยจะดีกว่านะคะ ยังไงพวกเราต่างก็เป็นคนมีครอบครัวแล้วทั้งนั้น เพราะถ้าทำแบบนี้เดี๋ยวมันจะสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็นเสียเปล่า ๆ”
ในคำพูดของญาธิดายังมีความหมายอื่นซ่อนอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ภวินท์ก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง
เขาขยับริมฝีปากอยากจะพูดอะไรสักเล็กน้อย แต่กลับเห็นญาธิดาจูงอีธานกับเอลล่าหันหลัง และเดินจากไปอย่างแน่วแน่
อีธานกับเอลล่ายังคงรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย เด็กน้อยต่างก็หันศีรษะกลับมามองเขาด้วยแววตาน่าสงสาร
วินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกบีบแน่นอย่างรุนแรงจนเขาหายใจไม่ออก
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ทุกครั้งที่เห็นญาธิดาหันหลังแล้วเดินจากเขาไปอย่างเด็ดเดี่ยวแบบนี้ทีไร หัวใจของเขาจะรู้สึกไม่สบายใจและหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ขณะที่มองพวกเขาเดินจากไปอย่างช้า ๆ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายไปหาพายุ
“วันนี้ที่กองถ่ายมีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่รู้หรือเปล่า”
ไม่อย่างนั้นท่าทีของญาธิดาจะเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ขนาดนี้อย่างกะทันหันได้ยังไง
พายุลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “วันนี้คุณนิวราไปที่กองถ่ายครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาสีเข้มของภวินท์ก็ฉายแววเย็นชาขึ้นมาทันที
นิวรา? เธอไปที่กองถ่ายได้ยังไง?
หรือว่า เธอตั้งใจไปหาญาธิดา?
ทันใดนั้น หัวใจของภวินท์ก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที และจู่ ๆ พายุที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยปากขึ้นว่า “คุณภวินท์จะให้…”
ก่อนที่เขาจะจบประโยค ภวินท์ก็พูดขัดขึ้นว่า “ไม่ต้อง ฉันพอจะรู้แล้ว”
เมื่อพายุได้ยินดังนั้นเขาก็พยักหน้ารับทันที
ภวินท์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน สักพักก็พูดอย่างเย็นชาว่า “คืนนี้ไปที่The Legend”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทางด้านThe Legend
นิวรากำลังนั่งอยู่บนโซฟา มองดูนิ้วมือที่เพิ่งจะทำเล็บมาใหม่อย่างสบายใจ หลังจากนั้นไม่นานเธอเหลือบตาขึ้นมองไปที่ชยินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ “เกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรถึงต้องมาพูดต่อหน้าแบบนี้”
ชยินก้มใบหน้าลง ผมหน้าม้ายาวของเขาปกปิดรอยแผลเป็นที่มุมคิ้วของเขาได้พอดี
“คุณหนู ช่วงบ่ายหลังจากคุณออกจากซาฟารีปาร์คไปเสริมสวยแล้ว ผมก็คอยจับตามองญาธิดาอยู่ตลอด ตอนประมาณห้าโมงเย็น เธอกับคุณภวินท์เจอกัน ก่อนจะไปสวนสนุกที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยกันครับ”
“อะไรนะ!”
นิวราตกใจรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง พลางเบิกตากล้าว
วันนี้เมื่อตอนบ่ายเธอรีบไปที่ซาฟารีปาร์คแต่กลับไม่เจอภวินท์เลยแท้ ๆ อีกอย่างคุณบิ๊กก็บอกว่าภวินท์ไม่ได้ไปที่นั่นหลายวันแล้ว ทำไมพอเธอกลับออกมา เขาถึงได้ไปที่นั่นทันทีแบบนี้ล่ะ!
ชยินหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา กดเลือกรูปภาพแล้วยื่นให้นิวรา
ในภาพนั้นภวินท์กับญาธิดากำลังจูงมืออีธานเอลล่าเข้าแถวรออยู่ที่หน้าประตูบ้านผีสิง พวกเขายืนอยู่ด้วยกัน เหมือนสี่คนครอบครัวพ่อแม่ลูก
ทันใดนั้น ไฟโกรธในใจของนิวราก็ลุกโชนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
เธอยังจำน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาดของญาธิดาเมื่อตอนบ่ายได้ดี ตอนที่หล่อนบอกว่าจะรักษาระยะห่างกับภวินท์ คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เธอกลับออกมา พวกเขาจะยังเจอหน้ากันเหมือนเดิม!
ญาธิดาคนนี้ คิดว่าเธอไม่กล้าลงมือกับหล่อนจริง ๆ หรือไง!
นิวรากัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง มือของเธอกำแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือโดยไม่รู้ตัว “ดูเหมือนว่าฉันไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อให้เธออีกต่อไปแล้ว!”
ขณะที่พูดเธอก็เหลือบตาขึ้นมองไปที่ชยิน ดวงตางดงามคู่นั้นฉายแววเยือกเย็นโกรธแค้นจนดูน่ากลัว “ชยิน นายพูดมาสิต้องทำยังไง”
ชยินได้ยินดังนั้น แววตาของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย และเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและนิ่งเรียบว่า “ตีงูต้องตีให้ตาย ผู้หญิงแบบนี้ต้องทำให้เธอตกใจกลัวจนสุดขีด จนหนีไปแล้วไม่กล้ากลับมาอีกเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
นิวราได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย “นายพูดถูก! แต่จุดอ่อนของหล่อนคืออะไรล่ะ”
ชยินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “จุดอ่อนของเธอก็คือลูกของเธอ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาของนิวราก็พลันเปล่งประกาย จากนั้นครู่หนึ่งเธอก็พยักหน้าเห็นด้วย“จริงด้วย”
บ่ายวันนี้ตอนเธอไปที่กองถ่าย เธอก็มองออกแล้วว่าหล่อนห่วงลูกของหล่อนมากขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้นเด็กสองคนนี้ก็เป็นลูกของหล่อนกับภวินท์ ต่อให้ไม่ลงมือตอนนี้ ยังไงสักวันเธอก็ต้องลงมืออยู่ดี
ไม่สู้ใช้โอกาสนี้สั่งสอนบทเรียนนองเลือดให้กับญาธิดาสักครั้งจะดีกว่า!
เมื่อตัดสินใจดังนั้น นัยน์ตาของนิวราเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ชยิน เรื่องนี้ฉันฝากให้นายจัดการก็แล้วกัน นายต้องไปด้วยตัวเอง ให้คนอื่นทำฉันไม่ไว้ใจ”
ชยินพยักหน้าตอบรับทันที “ครับ คุณหนู”