ดวงใจภวินท์ - บทที่ 39 ทำตัวกลมกลืนเข้าไปในห้องรับรอง
ทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้อย่างดีทุกอย่างแล้ว ญาธิดามั่นใจเต็มร้อย
เธอตรวจสอบมองตารางงานของปณชัยอย่างละเอียดถี่ถ้วน และตลอดทั้งช่วงบ่าย เขาไปตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟระดับไฮเอนด์ในเขตเมือง J ส่วนเวลากลางคืนเขาถึงได้ย้ายเข้ามาอยู่ในตัวเมือง และนัดเจอกับท่านประธานอีกหลายคนที่คลับเฮาส์ราชา
ถ้าไปที่สนามตีกอล์ฟนั้น เธอไม่ใช่สมาชิก เกรงว่าจะเข้าไปในสนามไม่ได้ ทว่าคลับเฮาส์ราชานั้นไม่เหมือนกัน ถ้าเธออยากจะเข้าไป ก็ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรขนาดนั้น เมื่อเอาทั้งสองอย่างมาเปรียบเทียบกัน ในใจเธอก็มีตัวเลือกเอาไว้แล้ว
ขอแค่เธอมาถึงขั้นนี้แล้ว ที่ได้หาโอกาสในการพบเจอกับประธานปณชัย โดยการแสดงความจริงใจของตัวเอง และพูดคุยกับเขาสักเล็กน้อย ซึ่งไม่แน่ว่าโอกาสประสบความสำเร็จนั้นมีใหญ่เยอะอยู่
รอวันที่ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ญาธิดากินข้าว และมองเวลาจนใกล้จะได้เวลาแล้ว จึงมุ่งหน้าไปยังคลับเฮาส์ราชาทันที
ภายในคลับเฮาส์ราชาตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตาเป็นอย่างมาก มองดูก็รู้ว่าเป็นสถานที่ละลายทรัพย์ให้กับคนมีเงิน ญาธิดาจำได้ดีถึงหมายเลขห้องที่พายุเป็นคนส่งมาให้เธอเอง เมื่อค้นหาอันดับหมายเลขห้องรับรองเป็นที่แน่ชัดแล้ว ก็สามารถหาสถานที่ได้เร็วมาก
เธอเดินมาหยุดหน้าประตู ก็เห็นว่าภายในห้องรับรองมีเสียงอึกทึกดังลั่นออกมา พลันรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว
ถ้าเป็นไปตามตารางงานที่พายุเอามาให้ดูนั้น เวลานี้ คนที่ร่วมทีมเดียวกับประธานปณชัยน่าจะเป็นประธานบริษัทที่อาจร่วมมือทำธุรกิจกันในครั้งนี้ ถ้าเธอบุกเข้าไปในห้องแบบนี้โดยไม่ยั้งคิด เกรงว่าไม่เพียงแต่เจรจาไม่สำเร็จ ไม่แน่อาจถูกไล่ตะเพิดออกมาเลย!
เมื่อครุ่นคิดไปมา ญาธิดาเม้มริมฝีปากเอาไว้ และเลือกที่จะเปลี่ยนความคิดเพื่อไปจากที่นี่ เวลานี้ เธอคิดเพียงต้องหาวิธีอื่นมาทำความรู้จักกับประธานปณชัยให้ได้
ถ้าเธอเฝ้ารอปณชัยอยู่หน้าประตูและให้ตัวเขาออกมาเองนั้น ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องรอไปนานขนาดไหน
ทันใดนั้นเอง มีพนักงานผู้หญิงใส่เครื่องแบบทำงาน ถือถาดออกมาจากทางด้านข้าง แววตาญาธิดาทอประกายทันที จู่ ๆ ก็นึกความคิดอะไรขึ้นมาได้!
แม้ว่าเธอไม่สามารถเอาสถานะของตนเองเข้าไปได้ งั้นก็เอาสถานะของคนอื่นเข้าไปสิ!
ญาธิดารีบเดินขึ้นมาดักหน้า และเอามือขวางพนักงานเอาไว้ “สวัสดีค่ะ ช่วยฉันสักเรื่องได้ไหม?”
พนักงานสาวถึงกลับตีหน้ามึน และถามด้วยความสงสัย “ช่วยอะไรคะ…ฉันยังต้องทำงานต่อค่ะ”
ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ พลางกระซิบพูด “ฉันจ่ายเงินให้คุณนะ”
พนักงานสาวคนนั้นแสดงท่าทางประหลาดใจอยู่บ้าง “ฉันไม่ได้มีบริการพิเศษนอกเหนือจากนั้นค่ะ…”
ญาธิดาตะลึงทันที แต่แสดงปฏิกิริยาตอบสนองทันที เธอคลี่ยิ้ม พลางชี้ไปที่ชุดที่อยู่บนตัวของพนักงานสาว “ไม่ต้องการบริการพิเศษอะไรเลยค่ะ ขออยากจะยืมเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวของคุณเอามาใส่เท่านั้นเองค่ะ”
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น ญาธิดาก็เปลี่ยนมาเป็นชุดทำงานมาเป็นพนักงานของคลับเฮาส์ราชา และออกมาจากห้องของพนักงาน
มีชุดแบบนี้ใส่แล้ว เธอก็เข้าไปในห้องรับรองอย่างได้ราบรื่น และมีโอกาสได้พูดคุยกับประธานปณชัย
เธอเรียกความกล้าหาญออกมา พลันเดินเลียบไปตามทางเดิน และมุ่งหน้าไปทางห้องรับรอง และเพิ่งใกล้จะถึงมุมทางเลี้ยว เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังมาจากทางเลี้ยวอีกฝั่งของมุมห้อง
เป็นเสียงผู้ชาย ที่น้ำเสียงทุ้มต่ำมาก น้ำเสียงดูรีบร้อนเล็กน้อย ราวกับกำลังโทรศัพท์อยู่
ญาธิดาเดิมก็อยากจะเลี้ยวและเดินตรงไปเลย ใครจะไปรู้ว่าเธอกลับได้ยินชื่ออันคุ้นหูดังขึ้นมา
“วางใจเถอะ ปณชัยไม่มีวันรู้หรอก แค่นายเตรียมการให้ดีเอาไว้ก่อน ถึงเวลานั้นที่ทางฝั่งเขาเริ่มส่งของมาก็จัดการเปลี่ยนของสิ แบบนั้นพวกเราก็สามารถข่มขู่เขาไว้ได้แล้ว!”
ปณชัยซึ่งเป็นชื่อของประธานปณชัยของบริษัทพาวเวอร์ติ้งที่เธอต้องการพบพอดี
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และหยุดฝีเท้าลง กลั้นลมหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์
“นายจะมากลัวอะไร! เรื่องนี้นายไม่พูดฉันก็ไม่ได้พูด ใครจะไปรู้! ก่อนหน้านี้ปณชัยทำแบบนั้นไว้กับนาย นายลืมไปแล้วหรือยังไงกัน? ครั้งนี้ได้โอกาสประจวบเหมาะแล้ว ตราบใดที่เอาสินค้าของเขามาทำการสับเปลี่ยนไปแล้ว ถึงตอนนี้พวกเราก็แจ้งความ โดยบอกว่าผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเขาผลิตขึ้นมานั้นมีปัญหา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นคนของฉัน เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้ ญาธิดาพอจะเดาได้จนใกล้จะถูกหมด ที่แท้มีคนคิดใส่ร้ายปณชัยอยู่นี่เอง!
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าที่อยู่ตรงมุมทางเลี้ยวนั้นก็มุ่งหน้าใกล้มาทางนี้ และได้ยินเสียงดังฟังชัด ญาธิดาต้องการหันหลังไปจากตรงนี้ ทว่าเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ท่ามกลางสถานการณ์อันเร่งรีบ เธอมองเห็นห้องรับรองที่อยู่ด้านข้าง จึงเดินเข้าไปและปิดประตูลงอย่างไม่ลังเลสักนิด
ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มก็เดินผ่านออกไปจากประตูห้องรับรอง และค่อยๆ เดินไปไกล ญาธิดาทำตัวแนบชิดกับบานประตู เมื่อฟังว่าด้านนอกไม่มีเสียง ถึงถอนหายใจโล่งอก และค่อยๆ ผลักประตูห้องรับรองออกไป
ยังดีที่ว่า ถ้าถูกคนนั้นจับได้ เกรงว่าแผนการของเธอคืนนี้คงเละเป็นโจ๊กแน่ ๆ
ญาธิดาเดินออกจากห้องรับรอง และปรับลมหายใจเข้าออก และตบหน้าตัวเองเบาๆ และเดินมุ่งหน้าไปยังห้องรับรองที่ประธานปณชัยอยู่ในนั้น ซึ่งไม่สนว่าคนเมื่อครู่นั้นเป็นใคร ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือต้องเข้าไปในห้องรับรองแล้วค่อยว่ากัน
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าที่อยู่ตรงมุมทางเลี้ยวนั้นก็มุ่งหน้าใกล้มาทางนี้ และได้ยินเสียงดังฟังชัด ญาธิดาต้องการหันหลังไปจากตรงนี้ ทว่าเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ท่ามกลางสถานการณ์อันเร่งรีบ เธอมองเห็นห้องรับรองที่อยู่ด้านข้าง จึงเดินเข้าไปและปิดประตูลงอย่างไม่ลังเลสักนิด
“นี่! คุณ หยุดอยู่ตรงนั้น!”
ทันใดนั้นด้านหลังมีเสียงดังขึ้นมา ญาธิดาตัวแข็งทื่อ ฝีเท้าหยุดลงตามสัญชาตญาณทันที
เธอค่อยๆ หันหลังกลับมา จึงเห็นว่ามีผู้ชายที่หน้าตาเคร่งขรึมและสวมใส่เครื่องแบบผู้จัดการกำลังจ้องมองเธอตาเขม็ง
ผู้จัดการกวาดตามองเธอหนึ่งครั้งแล้ว จึงเอ่ยปากถามเธอทันที “ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย?”
ญาธิดากำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น “ฉัน…เพิ่งมาทำงานค่ะ”
ผู้จัดการได้ยินตามนั้น พลางย่นคิ้วหากัน และพูดต่อว่าทันที “มิน่าล่ะ ผมก็ว่าทำไมไม่มีคนเอาเหล้าไปส่ง ตามผมมา เอาเหล้าไปให้ห้องรับรองหมายเลขห้อง 18 ด้วย!”
เมื่อได้ยินเขาพูดออกมาแบบนั้น ญาธิดาแอบถอนหายใจเล็กน้อย และรีบสาวเท้าเดินตามหลังเขาไปทันควัน
เมื่อได้รับไวน์มาแล้ว ผู้จัดการก็พูดกำชับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เอาไวน์พวกนี้ไปส่งที่ห้องรับรองห้องที่ 18นะ รีบไปรีบมาด้วย!”
“ค่ะ”
ญาธิดาตอบรับ และมุ่งหน้าเดินไปทางห้องรับรองห้องที่ 18 ทันที เมื่อออกจากขอบเขตสายตาของผู้จัดการแล้วนั้น เธอก็รีบสาวเท้าเดิน และถือถาดมุ่งหน้าไปยังห้องรับรองห้องที่ 22 ทันที
ห้องรับรองหมายเลขที่ 22 เป็นห้องรับรองของปณชัย ตอนนี้เธอต้องใช้เข้าไปโดยเร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นมาอีก
“ก๊อก ก๊อก”
เธอยกมือขึ้นเคาะประตู จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไป
ภายในห้องมีผู้ชายสามสี่คนนั่งอยู่ในนั้น และมีผู้หญิงสองคนที่แต่งการนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งขนาบข้างอยู่เป็นเพื่อน บรรยากาศครื้นเครง ทุกคนต่างสนุกสนานกันเต็มที่
ญาธิดาเหลือบมอง จึงเห็นปณชัยว่าเขานั่งอยู่ตรงกลาง พลันเจอเป้าหมายขึ้นมาในใจ เธอจึงเดินไปทางด้านหน้า และกระซิบพูด “คุณผู้ชายคะ ไวน์ที่คุณสั่งเอาไว้ค่ะ”
ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างคนหนึ่งกวาดตามองมายังเหล้าที่อยู่บนถาด และถามด้วยความสงสัย “พวกเราไม่ได้สั่งไวน์แดงนี่! หรือว่า…แถมมาให้ใช่ไหม”
การที่เขาพูดออกมาเช่นนี้ สายตาทุกคนต่างจับจ้องมาทางญาธิดา
ญาธิดาใจเต้นรัว และตื่นเต้นทันที “เอ่อ…นี่คือทางผู้จัดการของเราเป็นคนแถมให้กับพวกคุณค่ะ”
การที่เธอพูดออกมาเช่นนี้ ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างพลางยิ้มให้และพูดแทรกทันที “ที่แท้ก็ผู้จัดการนี่เอง! เมื่อครู่ผมกำลังโทรศัพท์อยู่และเจอผู้จัดการพอดี เลยคุยกับเขาสักครู่ เขาอาจจะเป็นคนฝากมาก็ได้มั้ง?”
เมื่อได้ยินเสียงนี้แล้ว สัญชาตญาณของญาธิดาเงยหน้าขึ้นมามองตาม เสียงผู้ชายคนนี้ เป็นเสียงเดียวกับที่เธอเพิ่งได้ยินเสียงเขาคุยโทรศัพท์ตรงมุมทางเลี้ยวทุกอย่าง!
ไม่รอให้เธอได้มีสติอาการตอบสนองกลับมา ปณชัยที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มพูดทันที “นี่ถือว่าคุณอัทธ์มีหน้ามีตานะครับเนี่ย! แค่คุยกับทางผู้จัดการไปสองสามประโยคเขาก็ส่งไวน์มาให้ถึงที่!”
อัทธ์ยิ้มอย่างเยินยอ “ยังสู้หน้าตาทางสังคมของประธานปณชัยไม่ได้เลยครับ เอามานี่ ไหน ๆ ไวน์ก็ส่งมาถึงแล้ว งั้นผมก็ต้องขอดื่มเพื่อแสดงความเคารพให้ประธานปณชัยสักหนึ่งแก้วครับ!”
ชั่วขณะนั้น บรรยากาศภายในห้องรับรองก็ยิ่งครื้นเครงหนักกว่าเดิม ญาธิดายืนอยู่ด้านข้าง จู่ ๆ เธอก็กระวนกระวายใจไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปจากนี้ดี
เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ถึงได้มีโอกาสในการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับปณชัย?
จังหวะนี้เอง ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างคนหนึ่งถึงได้มองมาทางเธอและพูดขึ้นมา “ยังยืนบื้อทำอะไรอยู่อีก! ยังไม่รีบมารินไวน์ให้ประธานปณชัยอีก!”
ญาธิดารีบมีปฏิกิริยาตอบสนองทันควัน จึงรีบหยิบขวดไวน์ขึ้นมาเปิด และทำการรินไวน์ให้
เทคนิคการรินไวน์ของเธอนั้นดูไม่ถนัดมือเลย บวกกับอาการหวั่นวิตก มองก็รู้ว่าเป็นมือใหม่ ประธานอัทธ์ที่อยู่ทางด้านข้างมองแล้วทนไม่ไหว เลยย่นคิ้วและตะคอกเสียงแข็งกลับไป “นี่หล่อนรินไวน์เป็นไหมเนี่ย? รินไม่เป็นก็ออกไปซะ!”
การถูกคนตะเบ็งเสียงใส่ขนาดนี้ ญาธิดามือสั่น จนไวน์ที่รินจนเต็มแก้วมันล้นออกมา และหกรดเต็มตัวปณชัย