ดวงใจภวินท์ - บทที่ 396 ผู้ชายคนนั้นคือชยิน
บทที่ 396 ผู้ชายคนนั้นคือชยิน!
คำพูดประโยคเดียวของหัวหน้าคีน แต่ปลุกทุกคนให้ตื่นตัวอย่างฉับพลัน หลังจากที่บรรยากาศตกอยู่ท่ามกลางความสงบเงียบ จู่ๆ ขวัญก็ชูมือขึ้น พร้อมทั้งเอามือตบศีรษะตนเอง “ใช่สิ คุณบิ๊กให้ฉันถ่ายคลิปสั้นๆ เอาไว้ ฉันก็ถ่ายนู่นถ่ายนี้ในกองถ่ายอยู่ตลอด ฉันจำได้เหมือนว่าฉันจะถ่ายพนักงานพาร์ทไทม์เอาไว้ด้วย!”
เธอพูด พร้อมทั้งควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋า เพื่อเปิดค้นหาคลิป และเริ่มไล่เปิดดูทันที
ญาธิดาคอยมองอยู่ทางด้านข้าง จนเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ซึ่งในเวลานี้ ความหวังทุกอย่างของเธอ ต่างฝากฝังไว้กับในคลิปนี่แหละ
ขวัญเปิดดูอยู่นาน จู่ๆ ก็เอ่ยปากพูดอย่างตื่นเต้น “ “หัวหน้าคีน คุณช่วยดูหน่อยว่านี่คือเรย์ใช่มั้ยคะ!”
พอหัวหน้าคีนได้ยิน จึงเดินเข้ามาหาทันควัน พลางเหลือบมองหน้าจอแวบหนึ่ง ก็รีบพยักหน้าทันที “เหมือนว่าจะเป็นเขานะ!”
ญาธิดารีบมองดูทันทีขวัญหยิบโทรศัพท์ขึ้นและเริ่มกดเปิดบันทึกวิดีโอ ภายในคลิป ทางด้านหลังมีเงาของผู้ชายคนหนึ่งแวบเข้ามาเขาใส่ชุดฟอร์มสีฟ้าเข้ม ใส่หมวก และกำลังเดินผละออกจากทางด้านข้างกรงพอดี!
สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกกับเธอทันที ว่าคนที่เป็นคนเล่นตุกติกกับกรงต้องเป็นผู้ชายคนนี้แน่!
เธอหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของขวัญมา พร้อมทั้งมองแล้วมองอีก จู่ๆ ก็เห็นตัวคนที่ดูคุ้นตามากฉายแวบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งเหมือน…เคยเจอกันที่ไหนมาก่อน
เธอกัดฟัน พร้อมทั้งเปิดคลิปวนซ้ำหลายรอบ และคอยจ้องมองลักษณะท่าทางของตัวผู้ชายคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังคิดไม่ออก
ตอนที่เธออยากจะตัดความคิดนั้นทิ้งไป จู่ๆ ในหัวสมองก็เกิดแสงประกายขึ้น ภาพนั้นก็ปรากฏขึ้นมาทันควัน
เมื่อห้าปีก่อน ผู้ชายที่เป็นคนคอยบงการให้มอเตอร์ไซค์ขับรถมาชนเธอ ก็มีรูปร่างในลักษณะนี้ การเดินเหินท่วงท่าแบบนี้…
ชยิน!
ชื่อนี้มันปรากฏอยู่ในหัวสมองของเธอ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายแข็งทื่อทันที และไร้การขยับเขยื้อนอยู่นาน
ขวัญที่อยู่ด้านข้างเห็นสภาพนั้นแล้ว ก็ตกใจตาม จึงรีบเอ่ยปากสอบถามทันควัน “คุณญาธิดาคะ คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ!”
เธอเรียกญาธิดาซ้ำอยู่หลายหน จนญาธิดาถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
ญาธิดาตั้งสติกลับมา พร้อมทั้งส่ายหน้าให้ขวัญ จากนั้นก็เอ่ยปากพูดเสียงเบา “ฉันไม่เป็นไรค่ะ…”
เธอพูด พร้อมทั้งแหงนหน้าเหลือบมองภวินท์ที่อยู่ทางด้านข้าง แม้ว่าจะไร้เรี่ยวแรง แต่น้ำเสียงเข้มงวดมาก “คุณออกมากับฉันสักหน่อยค่ะ…”
พอภวินท์ได้ยิน จึงเม้มริมฝีปากเป็นเส้นขีด สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร พร้อมทั้งก้าวเท้าเดินตามหลังเธอไป
ทั้งสองคนเดินออกไปยังด้านนอกคนหนึ่งนำหน้าคนหนึ่งเดินตามหลัง สุดท้าย ญาธิดาก็หยุดตรงสุดปลายทางเดิน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ความรู้สึกต่างๆ นานามันมาผสมปนเป จนกลายเป็นความรู้สึกสับสน
ภวินท์เอ่ยปากถามอย่างอดทน “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ญาธิดากัดฟัน พร้อมทั้งเรียกความกล้าหาญในการถามกลับ “คุณยังจำชยินได้มั้ย?”
เมื่อเอ่ยถึง ดวงตาภวินท์ฉายแววตาหม่นหมองออกมาอย่างรวดเร็วจนจับสังเกตไม่ได้ แต่รวดเร็วมาก เขาดึงสติกลับมา พร้อมทั้งพยักหน้าเล็กน้อย “จำได้”
เมื่อห้าปีก่อน ผู้ชายคนที่ถูกเขาส่งเข้าคุกกับมือ ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ?
ญาธิดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมทั้งยื่นส่งให้เขา “ดูนี่ เหมือนจะเป็นเขานะ”
ภวินท์รับโทรศัพท์มา พร้อมทั้งกดเปิดวิดีโอ และดูวนซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ จนหัวคิ้วขมวดหนักข้อขึ้นเรื่อย
หลังจากนั้นสักพัก ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้น และมองญาธิดา พร้อมทั้งพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “ชยินยังอยู่ในคุก ไม่น่าจะใช่เขา”
เมื่อญาธิดาได้ยิน สีหน้าหม่นหมองเล็กน้อย พร้อมทั้งเหลือบมองเขาอย่างแปลกใจ พร้อมทั้งเอ่ยปากถาม “คุณรู้ได้ยังไงว่าไม่ใช่เขา?”
เบ้าตาหญิงสาวแดงก่ำ และยังหลงเหลือคราบน้ำตาติดอยู่บนใบหน้า แววตาฉายความเหนื่อยล้าเพิ่มมากขึ้น ภวินท์มองออกว่าเธอฝืนอดทนอดกลั้น และฝืนอดกลั้นต่อเพื่อต้องการจะหาตัวคนร้ายออกมา
แต่ว่า ถ้าคนร้ายได้เตรียมการทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรก ถึงแม้พวกเขาจะอดตาหลับขับตานอนตลอดทั้งคืน เกรงว่าก็หาตัวไม่เจอ
เมื่อมองเห็นหญิงสาวอยู่ในสภาพแบบนี้ หัวใจของภวินท์ก็เจ็บปวดหัวใจขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว
เขาไม่ยินยอมที่จะทำให้เธอต้องพลอยเหนื่อยจนตกอยู่ในสภาพนี้ และไม่อยากให้เธอต้องทำให้ตัวเองทุกข์ทรมานเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด
ญาธิดาเห็นว่าภวินท์ไม่ได้พูดอยู่นาน จึงกัดฟันพูด “ภวินท์ คุณตอบฉันมาสิ คุณรู้ได้ยังไงว่านี่มันไม่ใช่ชยิน?”
นัยน์ตาภวินท์ฉายความหวั่นไหวในก้นบึ้งดวงตาเล็กน้อย เขาตะลึงชั่วครู่ จากนั้นจึงเก็บโทรศัพท์ พลางมองเธอและพูดกับเธอ“ตอนนี้คุณจำเป็นต้องพักผ่อนให้เยอะๆ แล้วครับ”
เขาพูดจบ ก็ยื่นมือออกไป เพื่อจับข้อมือของเธอไว้
ญาธิดาตกตะลึง ราวกับสัมผัสกระแสไฟฟ้า พร้อมทั้งสะบัดมือของเขาออกตามสัญชาตญาณ หลังจากนั้นก็ถอยหลังไปสองก้าว สายตาราวกับจ้องมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
“ภวินท์ เป็นเพราะว่าชยินเป็นคนของนิวรา คุณกลัวว่าเรื่องนี้จะเชื่อมโยงไปถึงเธอ ดังนั้นถึงตั้งใจแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างนั้นเหรอ? ความจริงคือคุณก็ชัดเจนมากที่สุดอยู่ในใจแล้วใช่มั้ย!”
ภวินท์ขมวดคิ้วหากัน พร้อมทั้งพูดเสียงเข้ม “เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับนิวเหรอ?”
การที่ต้องมองตัวของชายคนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดิโอแวบหนึ่งนั้น เขาเองก็ไม่มีวิธีจะมั่นใจในตัวตนได้ ทำได้แค่ส่งคนไปตรวจสอบ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ใช้เวลาประเดี๋ยวประด๋าวก็สามารถตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจน
ส่วนเธอนั้นเหนื่อยล้าพอแล้ว ตอนนี้ต้องพักพ่อนให้มากๆ!
แต่ญาธิดากลับเข้าใจกลายเป็นความหมายอื่นแทย เธอส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมทั้งบ่นพึมพำกับตนเอง “คนในวิดีโอต้องเป็นชยิน! เขาต้องได้รับคำบงการมาจากนิวราแน่ๆ!”
เธอพูด พร้อมทั้งเหลือบมองภวินท์ ดวงตาฉายแววตาความผิดหวังเล็กน้อย “ภวินท์คะ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้คุณไม่สนใจ ฉันก็ต้องตรวจสอบให้อย่างชัดเจน!”
ญาธิดาพูด พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อสูดลมเข้าอย่างฝืนกลั้นแล้ว จึงหันหลังให้และเร่งฝีเท้าเดินจากไป
เพราะว่าคำว่ารีบร้อน บวกกับใต้ฝ่าเท้าที่ก้าวพลาด จนใต้ฝ่าเท้าลื่น ถึงขั้นล้มไปกองอยู่ที่พื้นอย่างไม่ทันระวัง
เวลานั้นเอง ร่างกายก็ส่งความเจ็บปวดจี๊ดพลุ่งพล่านขึ้นมา เจ็บจนเธอย่นหัวคิ้วเข้าหากัน
ภวินท์เห็นเหตุการณ์แบบนั้น พลันขมวดคิ้วไว้แน่น และเร่งฝีเท้าเดินมาหาเธอ พร้อมทั้งโน้มร่างกายลงเพื่อเตรียมจะอุ้มเธอขึ้นมาจากพื้น
มือของเขาเพิ่งยื่นออกไป จู่ๆ ญาธิดาก็ยื่นมือออกมา เพื่อปัดมือเขาออก ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเหินห่าง “อย่ามาแตะตัวฉัน!”
คำพูดของหญิงสาวราวกับเข็มอาบยาพิษ ที่มันเหาะพุ่งเข้ามาจิ้มตรงกลางหัวใจของภวินท์ เขาชะงักเล็กน้อย ตอนที่เตรียมจะพูดอะไรออกไป ใครจะรู้ว่ากลับมีเสียงชายหนุ่มที่ร้อนรนดังมากจากทางด้านข้าง
“ธิดา!”
ธีทัตก้าวเท้าเดินฉับๆ มาทางด้านหน้า พร้อมทั้งใช้แววตาอันคมกริบมองภวินท์ และรีบมาดักหน้าไว้ทันที พร้อมทั้งก้มตัวลงเพื่อเตรียมอุ้มญาธิดาขึ้นมาจากพื้น
ญาธิดาไม่ได้ผลักมือเขาออก และไม่มีอาการต่อต้านแต่อย่างใด กระทั่งยังเหนี่ยวรั้งต้นคอของธีทัต พร้อมทั้งใช้ใบหน้าเล็กมุดจนแนบชิดแผงอกของชายหนุ่ม
ราวกับนกน้อยที่เพิ่งเกิดไม่นานที่กำลังเกิดอาการตกใจมาก เธอหดตัวและมีอาการตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมอกของเขา ส่วนธีทัตก็ปกป้องเธออยู่ในอ้อมอกอย่างพะเน้าพอนอ ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกสอดรู้สอดเห็น
เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เธอปฏิเสธเขาในเวลานั้น หัวใจของภวินท์เต้นระรัวจนเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ถัดจากนั้น เขาก็ได้ยินญาธิดาพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นทุ้มต่ำ “ทัตคะ พาฉันออกไปที”
ธีทัตพยักหน้า “ตกลง เราออกไปเถอะ”
เขาพูดจบ พร้อมทั้งก้าวฝีเท้าออก และกอดหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอกไว้แน่น จนทิ้งภวินท์ให้ยืนอยู่คนเดียว ณ จุดเดิม
ชั่วพริบตา หัวใจของภวินท์อัดแน่นด้วยความโกรธเคืองร้อนผ่าว จนเก็บอาการไม่อยู่
ซึ่งไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ญาธิดาได้กลายเป็นคนที่เข้ามาวุ่นวายในห้วงหัวใจของเขามากที่สุด
เมื่อเห็นว่าเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น ความเย็นชาและสติสัมปชัญญะของเขามันหายวับไปทันทีอย่างไร้ร่องรอย
โดยไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว เขาถึงสงบลงได้ช้าๆ จากนั้นก็เรียกพายุมา พร้อมทั้งออกคำสั่งเสียงแข็งกร้าว “คุณไปตรวจสอบดูก่อนนะ ตอนนี้ชยินยังอยู่ในคุกมั้ย”
แม้ว่าเขาจะชัดเจนมากก็ตาม ชยินถูกจำคุกห้าปี แถมในเวลานี้ เขายังไม่ถูกปล่อยตัวออกมา แล้วจะออกมาก่อคดีได้ยังไงกัน?
ก่อนหน้าที่ทุกเรื่องยังไม่แน่ชัดนั้น เขาเองก็ไม่อยากจะคาดเดาและตัดสินใจเอาแต่ใจ
ส่วนเรื่องนี้นิวราจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ยังต้องตรวจสอบให้แน่ชัดแล้วค่อยว่ากัน!