ดวงใจภวินท์ - บทที่ 402 ทำให้เธอเกิดความรู้สึกโดนคุกคาม
บทที่ 402 ทำให้เธอเกิดความรู้สึกโดนคุกคาม
นั่นคือญาธิดาจริงๆด้วย!
ด้วยความอิจฉาอย่างแรงกล้าและความรู้สึกโกรธเคืองมันพลุ่งพล่านเข้าในหัวใจของญาธิดา เธอกัดฟันไว้แน่น สายตาคอยจับจ้องมองผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างธีทัตจนตาไม่กะพริบ!
วันนี้ตอนตีห้าครึ่งเธอตื่นขึ้นมา เพื่อสวดมนต์ไหว้พระ ขอพรให้กลายเป็นบุคคลที่อยู่ในสถานะตกเป็นสายตาที่สุดในงาน แต่คาดไม่ถึง ญาธิดาดันเสนอหน้ามา! แถมยังทำให้เธอเกิดความรู้สึกโดนคุกคามอย่างแรงกล้า
เธอกระชับแขนของภวินท์แน่นขึ้นเรื่อย อย่างไม่รู้ตัว ชายหนุ่มจับสัมผัสความผิดปกติได้ จึงหันข้างมองเธอเล็กน้อย จนจับสัมผัสถึงสายตาของเธอได้ เขาถึงได้มองตามสายตาของเธอไป
ทางด้านล่างบันได ญาธิดาเดินขึ้นมาพร้อมกับธีทัต หญิงสาวใส่ชุดกี่เพ้าโครเชต์สไตล์วินเทจสีคราม การเดินทุกย่างก้าว ยามเมื่อแยกขาออกบริเวณช่วงรอยแหวกก็จะเผยขาเรียวยาวอันขาวเกลี้ยงเกลาจนทำให้เห็นวับๆ แวมๆ มันช่างจั๊กจี้หัวใจคนเราเหลือเกิน
แววตาของภวินท์หม่นหมองลงในวินาทีนั้น สายตาคอยสอดส่องเธอตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ จู่ๆ ร่างกายก็เกิดความรู้สึกหุนหันพลันแล่นจนไร้การควบคุมขึ้นมา
ตกลงว่าเธอก็ยังจะมาให้ได้
ช่างดื้อรั้นค้านหัวชนฝา ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวเสียจริงๆ!
ภวินท์เกิดความรู้สึกโมโหอย่างไม่รู้ตัว สายตาจับจ้องมือทั้งสองข้างของธีทัตและญาธิดาที่กุมมือกันไว้ สีหน้าหม่นหมองลงจนทำให้คนตกอกตกใจ
“คุณภวินท์?”
ใบหน้าของผู้ชายที่เพิ่งพูดคุยกับภวินท์อยู่ทางด้านหน้าอยู่เมื่อครู่นี้ปรากฏสีหน้าประดักประเดิดออกมา ขนาดเรียกอยู่ตั้งหลายครั้ง ภวินท์ถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเล็กน้อย
สายตาของภวินท์กวาดตามองเขาอย่างเรียบเฉย พร้อมทั้งพูดออกมาอย่างไม่ยี่หระ “รบกวนเข้าไปด้านในเลยครับ”
ผู้ชายที่กำลังแสดงท่าทางประดักประเดิดอยู่นั้นพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งพาหญิงสาวที่พามาออกงานกับตนเองเดินเข้าไปในห้องโถงทันที
เวลานี้ ญาธิดากับธีทัตก็เดินขึ้นมาถึงแล้ว พวกเขาแหงนหน้าขึ้น ประจวบเหมาะเห็นภวินท์กับนิวรายืนอยู่ตรงนั้นพอดี
ช่วงวินาทีนั้น ทั้งสี่คนสบตากัน บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อนจนเข้าใจยากยิ่ง
ธีทัตเริ่มเอ่ยปากพูด พร้อมทั้งพูดอย่างเกรงใจ “คุณภวินท์ครับ ยินดีด้วยครับกับงานฉลองวันเกิดครบรอบอายุครบเจ็ดสิบปีของคุณท่าน”
ภวินท์ช้อนสายตาขึ้น เพื่อกวาดตามองญาธิดา พร้อมทั้งตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ขอบคุณครับ เชิญด้านในครับ”
ญาธิดาที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง ไม่พูดไม่จาสักคำตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ และเตรียมเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับธีทัต ใครเล่าจะรู้ว่านิวราที่อยู่ทางด้านข้างจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา “คุณญาธิดาคะ ชุดกี่เพ้าตัวนี้ช่างสวยจริงๆ ค่ะ ไม่ทราบว่าสั่งตัดมาจากร้านไหนหรือคะ?”
เมื่อญาธิดาได้ยิน ฝีเท้าชะงักทันที พร้อมทั้งหันหน้ากลับมามองเธอ พร้อมทั้งพูดเสียงแผ่วเบาด้วยท่าทางยิ้มกรุ้มกริ่ม “จากเจนนิเฟอร์ค่ะ ถ้าคุณสนใจ ไว้วันอื่นค่อยเข้าไปดูนะคะ ทำเหมือนครั้งที่แล้วแบบนั้นแหละ”
คำพูดของเธอซ่อนความหมายไว้ภายใน นิวราจะฟังไม่ออกได้ยังไงกัน ฉับพลัน สีหน้าของเธอก็เริ่มหน้าหน้าดำหน้าแดง รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าเริ่มฝืนยิ้มขึ้นเรื่อย
เมื่อเห็นว่านิวราแสดงท่าทางออกมาเช่นนั้น ญาธิดาแอบดีใจอยู่ลึกๆ ตอนที่เธอไปลองชุดเสื้อผ้าตัวอย่างที่ร้านเจนนิเฟอร์ ยังตั้งใจให้เธอตัดเย็บชุดกี่เพ้าออกมาสองชุด เพื่อชุดกี่เพ้าสองชุดนี้ เธอจึงยอมตกปากรับคำยอมถ่ายรูปคอลเลคชั่นเพิ่มมากขึ้นให้กับเจนนิเฟอร์อีกหลายชุด
ส่วนเรื่องสนนราคา ก็ไม่ใช่ราคาถูกๆเลย
แต่เมื่อเห็นนิวราแสดงท่วงท่าเช่นนี้ออกมา เธอรู้สึกว่าคุ้มค่าแล้วแหละ
“ถ้าคุณนิวสนใจ เอาไว้วันหน้าค่อยไปสอบถามดูนะคะ”
เธอพูด พร้อมทั้งยิ้มให้หล่อนและพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็คล้องแขนธีทัต และเดินมุ่งหน้าเข้าสู่ห้องโถงทันที
สีหน้าของนิวรายิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ แต่ติดปัญหาอยู่ที่ชายหนุ่มทางด้านข้าง เธอทำได้เพียงเก็บงำและไม่แสดงอาการออกมา
ญาธิดาเดินเข้าห้องโถงใหญ่ สิ่งที่เธอค้นพบก็คือ เธอเหมือนกับตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ชุดกี่เพ้าสไตล์จีนตั้งแต่หัวจรดเท้า จนเผยรูปร่างเย้ายวนยั่วใจอันสมบูรณ์แบบของเธอ อีกอย่างการตกแต่งภายในงานก็ไปทางสไตล์จีนทั่วทั้งห้องโถง เธอยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่สวมใส่ชุดราตรีสไตล์ฝรั่ง จึงโดดเด่นสะดุดตา
ญาธิดาย่อมรับรู้ถึงสายตาของผู้คน เธอกวาดตามองภายในห้องโถงใหญ่อย่างไม่รีบไม่ร้อน จนสายตาไปหยุดตรงบริเวณตรงกลางที่สุดที่มีจำนวนคนอออยู่ตรงนั้นมากที่สุด จึงยกมุมปาก พร้อมทั้งเบนศีรษะมองธีทัตที่อยู่ทางด้านข้าง “ทัตคะ พวกเราไปหาคุณย่าก่อนดีมั้ยคะ?”
พอธีทัตได้ยิน ก็ยิ้มให้เธอ แววตามีแต่ความเอ็นดูอย่างเต็มเปี่ยม “ได้สิ ผมเชื่อคุณ”
เขาพูด พร้อมทั้งดึงญาธิดา ให้ก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งตรงกลาง
คุณย่าโดนผู้คนรุมล้อม คนพวกนั้นที่อยู่ทางด้านข้างก็คือคนที่เข้ามาอวยพร ปกรณ์กับมรกตคอยยืนขนาบอยู่ด้านข้าง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม จนเป็นภาพที่แสดงไมตรีจิตให้คนอื่นไปทั่ว
“ได้เลย คำอวยพรของพวกคุณฉันรับไว้แล้ว!”
คุณย่าถูกคนรายล้อมเบียดอยู่ตรงกลาง สีหน้ามีแต่รอยยิ้ม พร้อมทั้งพยักหน้ารับ
เมื่อเห็นคุณย่าอยู่ทางนั้น หัวใจญาธิดารัดแน่น พร้อมทั้งมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถพรรณนาได้มันพลุ่งพล่านขึ้นมาในหัวใจ
ซึ่งเมื่อเอามาเปรียบเทียบกับเมื่อห้าปีก่อน เหมือนว่าคุณย่าไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนั้น แต่ท่าทางนั้นกลับดูชราภาพลงเรื่อย
ญาธิดามุ่งหน้าเดินต่อไปทางด้านหน้า จู่ๆ ในหัวสมองก็ฉายภาพเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณย่าเมื่อห้าปีก่อนอย่างไม่รู้ตัว
ในขณะนั้นเอง คุณย่าเงยหน้าขึ้น จึงมองเห็นเธออยู่ทางนี้ ตอนที่สายตากวาดตามองเธอนั้น สีหน้าแข็งทื่อด้วยความตกตะลึงเล็กน้อยจนเห็นได้ชัด
แววตาภายในนัยน์ตาของเธอทอประกายเล็กน้อย และมองมาทางญาธิดาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ธิดา? หนูใช่มั้ย?”
แม้ว่าจะเป็นน้ำเสียงถามด้วยความสงสัย แต่ในน้ำเสียงก็ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ได้สักนิด
ผู้คนที่อยู่ทางด้านข้างต่างมองมาทางเธอ
ญาธิดาแสบจมูก พร้อมทั้งรีบเดินไปทางด้านหน้าทันควัน พร้อมทั้งเอ่ยกล่าวทักทาย “คุณย่า!”
ตอนแรกที่เกิดเรื่องขึ้นมาคนที่คอยเป็นคนปกป้องเธออยู่เบื้องหลังก็คือท่าน แถมยังคิดว่าเธอเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตนเองซึ่งคนที่รักและเอ็นดูเธอก็คือท่าน ซึ่งในวันนี้ได้เจอหน้าเจอตากันแล้ว ทั้งที่เวลามันได้ผ่านพ้นไปห้าปีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ดวงตาคุณย่าฉายแววตาความยินดีปรีดาออกมา “ธิดา! หนูจริงๆ ด้วย! มานี่เร็ว ให้ย่าดูหน่อย!”
ญาธิดารีบเดินไปทางด้านหน้าทันที พร้อมทั้งกุมมือของคุณย่าเอาไว้
คุณย่าประเมินเธอ ด้วยความรู้สึกสับสน และมีคำถามต่างๆ นานาที่มันพลุ่งพล่านขึ้นมา “เรา…ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปีแล้วใช่มั้ย? หนูไปอยู่ที่ไหนมา? ย่าคิดถึงหนูมากมาตลอดเลยนะ…”
ญาธิดาเริ่มละอายใจเล็กน้อย “ขอโทษค่ะคุณย่า ตอนนั้นหนูเดินทางไปต่างประเทศ เพราะว่าเรื่องมันปัจจุบันทันด่วนจริงๆค่ะ เลยไม่ทันบอกกล่าวให้คุณย่าทราบ…”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร นี่ก็ได้เจอหน้ากันแล้วนี่! ไม่ได้เจอกันมาหลายปี ธิดากลายเป็นผู้หญิงสวยสะพรั่งขึ้น จนย่าเกือบจำไม่ได้แล้วเชียว!”
“……”
คุณย่าดึงตัวเธอไว้จนพูดคุยกันหมือนคนในบ้าน ราวกับทำเหมือนผู้คนที่อยู่ทางด้านข้างล่องหนไปหมด
ญาธิดาหัวเราะร่า เมื่อได้ยินท่านพูดเช่นนี้ จนเปลี่ยนหัวข้อเรื่องที่คุยกันมาเป็นงานวันเกิดเพื่อความเหมาะสม “คุณย่าคะ ขออวยพรในงานวันครบรอบวันเกิดของคุณย่าอายุครบเจ็ดสิบปีค่ะ นี่เป็นของขวัญที่หนูได้จัดเตรียมไว้ให้คุณย่าค่ะ คุณย่าลองดูนะคะ ว่าชอบมั้ย”
เธอพูด พร้อมทั้งรีบหยิบกล่องของขวัญอันแสนวิจิตรกล่องหนึ่งมาจากมือของธีทัต และส่งให้กับคุณย่า
คุณย่ายิ้มหน้าบาน จากนั้นก็พยักหน้า และรับกล่องมา แถมเธอยังเปิดฝากล่องทันที
ภายในกล่อง เป็นชุดกี่เพ้าแฮนด์เมดซึ่งมีคุณสมบัติเนื้อสัมผัสยอดเยี่ยมชุดหนึ่งวางอยู่ภายในกล่อง เป็นลวดลายสีฟ้าอมเขียว ปักเย็บอย่างประณีต ประณีตจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ดวงตาคุณย่าทอประกายทันที พร้อมทั้งยื่นมือค่อยๆ ลูบไล้ชุดกี่เพ้าช้าๆ
ญาธิดามองออก ว่าคุณย่าชอบมาก
เมื่อห้าปีก่อน เธอกับคุณย่าได้พูดคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป และรู้ว่าท่านชอบชุดกี่เพ้า ซึ่งไม่คิดเลยว่า ผ่านมาห้าปีแล้ว เธอกลับมีโอกาสในการส่งชุดกี่เพ้าให้กับคุณย่าหนึ่งชุด
คำว่าพรหมลิขิตนี้นั้น พูดไปพูดมาถือว่าบังเอิญมาก
“ย่า…ชอบมาก!”
คุณย่าพยักหน้าทันที แววตาก็มีน้ำตาคลอเบ้า เธอยื่นมือออกไป เพื่อกุมมือญาธิดาไว้แน่น พร้อมทั้งพูดอย่างแผ่วเบา “ธิดา หนูยังเข้าใจย่าจริงๆ”
หัวใจญาธิดารู้สึกอบอุ่นทันที พร้อมทั้งยิ้มให้และกล่าวออกมา “คุณย่า คุณย่าชอบก็ดีมากเลยค่ะ”
เธอพูดคุยกับคุณย่าต่ออีกหลายประโยค ถึงได้ถอยออกมาจากกลุ่มฝูงชน
เวลานี้ มีคนจำนวนมากมายที่รออวยพรคุณย่าอยู่ เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจที่คอยยืนอยู่ตรงนั้นและไม่ยอมถอยออกมา
เธอถอยออกจากกลุ่มคน และเป็นจังหวะที่หันหลังกลับมาเพื่อสอดส่องหาตัวธีทัต ใครจะรู้ว่ากลับสบตากับดวงตาดำขลับคู่หนึ่งแทน
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็นที่ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้เธอ พร้อมทั้งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่แสดงออกทางแววตาเป็นการยิ้มตามมารยาทและดูเหินห่าง
ภูผาเคลื่อนล้อรถเข็นเข้าใกล้เธอ พร้อมทั้งยิ้มจางๆ และกล่าวออกมา “ธิดา ไม่ได้เจอกันเสียนานนะ”