ดวงใจภวินท์ - บทที่ 404 แอบฟังจนได้ยินอะไรมาบ้างล่ะ
บทที่ 404 แอบฟังจนได้ยินอะไรมาบ้างล่ะ?
เธอเผลอหลุดพูดประโยคนี้ออกมา พอนิวราได้ยิน สีหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดเลยว่า จู่ๆ ญาธิดาจะถามเธอตรงๆ เช่นนี้
โดยที่ไม่รอให้เธอได้อ้าปากตอบ ญาธิดาก็ก้าวฝีเท้ามาทางด้านหน้า เพื่อเดินมาทางเธอ
สีหน้าของเธอยังมีรอยยิ้มจางๆ ที่อยู่เป็นทางการ พร้อมทั้งพูดกระซิบกระซาบ “คุณนิวคะ คุณน่าจะมองออกใช่มั้ย ว่าคนอย่างฉัน ไม่ใช่ญาธิดาคนเดิมคนนั้นอีกแล้ว”
น้ำเสียงของเธอแผ่วเบามาก แต่ไม่ได้มีความหมายแข็งข้อสักนิด แต่กลับทำให้แผ่นหลังนิวราเย็นวาบ
เธอย่นคิ้ว พร้อมทั้งย้อนถามกลับเสียงแข็ง “แกอยากจะพูดอะไรออกมา?”
ญาธิดายิ้มให้ พร้อมทั้งหันศีรษะออกไปมองภาพวิวทิศทัศน์ที่อยู่ในที่ไกลลิบอย่างไม่รีบไม่ร้อน พร้อมทั้งพูดอย่างแผ่วเบา “ฉันรู้ ว่าคุณต้องกลัวมาก กลัวว่าฉันจะไปแย่งตำแหน่งของคุณในตอนนี้ กลัวว่าฉันจะไปทำลายครอบครัวของคุณจนพังพินาศ และสิ่งที่ยิ่งกลัวมากกว่าก็คือกลัวว่าฉันจะครอบครองหัวใจของภวินท์ ใช่มั้ยคะ?”
สีหน้านิวราเปลี่ยนไปจนย่ำแย่ลงทันที เธอยากแก่การควบคุมสติปัญญาได้อีกแล้ว จึงพูดตักเตือนทันที “นี่แกพูดซี้ซั้วอะไรออกมา!”
“ฉันพูดซี้ซั้วหรือเปล่าคุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ?” ญาธิดาม้วนเส้นผมยาวที่อยู่ข้างหู “พูดกันตามความจริงนะ เรื่องพวกนี้ ฉันทำได้ทั้งหมดนั่นแหละ การที่ไม่ยอมลงมือทำ ก็เพราะว่าฉันไม่อยากทำ”
ดวงตางดงามของเธอเคลื่อนไหว พร้อมทั้งสบตากับแววตาของนิวราตรงๆ จู่ๆ น้ำเสียงก็แข็งกร้าวทันที “แกคิดว่าเรื่องที่แกทำอยู่ลับหลังสามารถปกปิดสายตากระทั่งเทพยดาฟ้าดินจนสามารถหลอกคนไปทั่วได้ด้วยเหรอ?”
คำพูดประโยคเดียว ราวกับมีก้อนหินขนาดมหึมาหล่นมาจากสรวงสวรรค์ จนหล่นทับตรงแผ่นหลังของนิวราทันที
จู่ๆ เธอก็เริ่มหายใจติดขัด ร่างกายมีเม็ดเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมาทางด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว
การที่ญาธิดาพูดออกมาเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าเธอรู้อยู่แล้วถึงในสิ่งที่เธอทำลงไปแล้วสิ?
เวลานี้เอง จู่ๆ ญาธิดาก็เดินมุ่งหน้าไปครึ่งก้าว เพื่อบีบคั้นเธอ น้ำเสียงกดต่ำตอนพูดออกมา “หรือว่าแกนึกว่า ตอนนี้แกยังสามารถใส่ร้ายฉันแบบนั้นเหมือนเมื่อก่อนได้ โดยที่ฉันจะไม่รู้วิธีการตอบโต้กลับเลยเหรอไง?”
ร่างกายนิวราสั่นเป็นเจ้าเข้า อารมณ์ดื้อรั้นเมื่อครู่มลายหายไปเยอะในพริบตา
เธอกัดฟัน พร้อมทั้งถลึงตาพูดกับเธอ “ญาธิดา แก…ตกลงว่าแกคิดจะทำอะไร!”
“นิวรา แกลองใช้หัวสมองน้อยๆสักหน่อยสิ ถ้าฉันคิด อาศัยแค่คุณย่าหลงรักฉันหัวปักหัวปำ เกรงว่าแกก็ไม่คณนามือฉันหรอก”ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ขอแค่ฉันต้องการ ทั้งที่มีคุณย่าคอยช่วยหนุนหลังให้ แกรู้สึกว่าฉันจะเข้ามาอยู่ในตระกูลสถิรานนท์ไม่ได้เลยเหรอ?”
นิวราโกรธถึงขีดสุด ซึ่งสูญเสียสติสัมปชัญญะอย่างหมดสิ้น พลันตวาดกลับด้วยความโกรธเคือง “แกอีคนปากไม่มีหูรูด! แกคิดว่าตระกูลสถิรานนท์อยากจะเข้ามาอยู่ได้เมื่อไหร่ก็เข้าได้ง่ายๆ เลยใช่มั้ย! ถึงแม้ว่ายายแก่หงำเหงือกนั่นคอยหนุนหลังให้แกอยู่ ตระกูลสถิรานนท์ก็ยังมีปกรณ์ มีมรกต! เศษสวะอย่างแก แถมยังมีเด็กนอกคอกอีกสองตัว มีสิทธิ์อะไรที่จะเข้ามาอยู่ในตระกูลสถิรานนท์ได้”
เมื่อได้ยิน “เด็กนอกคอกอีกสองตัว” คำๆนี้ สีหน้าของญาธิดาก็เคร่งขรึมลงทันที เย็นชาจนทำให้คนตกใจ
วินาทีต่อมา เธอก้าวฝีเท้าเดินเข้าหา และต้อนมาอยู่ทางด้านหน้าของนิวรา พร้อมทั้งใช้สายตามองต่ำมองเธอ พร้อมทั้งพูดเสียงแข็ง “จะเป็นเด็กนอกคอกหรือเปล่า แกก็น่าจะชัดเจนที่สุดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!”
“ถึงแม้ไม่มีคุณย่าคอยช่วยหนุนให้ เด็กนอกคอกที่แกเอ่ยออกมาจากปากของแก เกรงว่าปกรณ์กับมรกตก็คงอ้าแขนต้อนรับฉันเข้าตระกูลแล้วมั้ง!”
เธอพูด พร้อมทั้งใช้สายตามองต่ำกวาดตามองท้องของนิวราแวบหนึ่ง “ถึงอย่างไร นี่มันผ่านมาสองปีแล้วนะแกยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลยนี่”
คำพูดประโยคเดียว กลับกระแทกแดกดันจี้ใจดำของนิวราทันที ใบหน้าของเธอซีดโพลน พร้อมทั้งกัดฟันเพื่อไม่ให้ตนเองแสดงอาการกระโตกกระตากออกมา กำปั้นที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่นจนข้อต่อซีดขึ้นมาเล็กน้อย
ซึ่งมองจากผิวเผินทุกคนก็เห็นว่าเธออยู่กินกับภวินท์ ต่างชมไม่หยุดปากว่าพวกเขาเป็นกิ่งทองใบหยกคู่กัน ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ซึ่งเธอตกเป็นผู้ที่ถูกกล่าวถึงสำหรับผู้หญิงชนชั้นสูงในเมืองJท่ามกลางโต๊ะอาหารนานมาแล้ว
เมื่อแต่งเข้าตระกูล สองปีผ่านไป ท้องของเธอก็ยังไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีมูลเหตุตามธรรมชาติ และเกิดเป็นข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าเธอหรือภวินท์กันแน่ที่เป็นหมัน แต่มีแค่ตัวเธอเองเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด หลังจากแต่งงานกันแล้ว ภวินท์ก็ไม่เคยแตะต้องเธอเลย!
สักครั้งก็ยังไม่มี!
และนี่ถือว่าเป็นจุดที่เธอไม่มีความสุขที่สุด!
ซึ่งในเวลานี้ เธอถูกศัตรูหัวใจของตนเองเยาะเย้ยเธอแบบนี้อย่างโจ๋งครึ่ม ย่อมโกรธจนทนไม่ไหว เธอมันเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ญาธิดา แกมันน่าขยะแขยงจริงๆ!”
“ฉันขยะแขยงสู้แกไม่ได้หรอก! อย่างน้อย ฉันก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับเด็กที่บริสุทธิ์!” ญาธิดาตอกกลับโดยเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “ที่ฉันไม่ได้ลงมือกับแก ใช่ว่าฉันไม่มีความสามารถมากพอ แต่เพราะว่าฉันไม่อยากทำ นิวรา ถ้าคนในครอบครัวฉันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ฉันจะเอาทุกอย่างที่แกมีตอนนี้แย่งกลับคืนมาทั้งหมด!”
“ญาธิดา! แกกล้า!”
“……”
ทั้งสองคนถกเถียงกัน ด้วยอารมณ์โกรธเคืองด้วยกันทั้งคู่ จึงไม่ค้นพบว่าทางด้านนอกประตูตรงด้านนอกระเบียงมีผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ โดยไร้การเคลื่อนไหวใดๆ
อัญมณีวิ่งกระหืดกระหอบตัดเข้ามาในห้องโถงใหญ่ และเดินขึ้นชั้นสองทันที พอหันหน้าไปกวาดตามอง ตอนที่มองไม่เห็นคนนั้น พอแหงนหน้าขึ้น ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอกระเบียง
เธอย่นคิ้ว และมองซ้ายทีมองขวาที ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของญาธิดา
เธอรีบเดินทางมา ขนาดชุดก็ยังไม่ได้เปลี่ยน เมื่อเดินทางมาถึงAmaya Hotel ก็ได้สอบถามจากบริกรหลายๆ คนแล้ว ถึงได้รู้ข่าวคราวของญาธิดา
จังหวะที่ได้ยินว่าญาธิดาน่าจะอยู่ชั้นสองนั้น เธอไม่คิดอะไรอีกแล้ว จึงรีบขึ้นไปทันควัน
ไม่คิดว่าหลังจากวิ่งขึ้นไปแล้ว ที่นี่กลับเวิ้งว้างว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่เลย
เธอเตรียมจะเดินออก แต่กลับได้ยินเสียงทะเลาะจนดังเล็ดลอดมาจากทางด้านข้าง เธอชะเง้อมอง ก็เห็นว่าเป็นระเบียงที่อยู่ทางนั้น
ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ด้านนอก คล้ายว่าเป็นการแอบฟัง
หัวใจอัญมณีเต้นโครมคราม พร้อมทั้งค่อยๆ ย่างฝีเท้าเดินมุ่งหน้าใครจะรู้เล่าเมื่อเดินเข้าใกล้เล็กน้อย ก็รู้สึกว่าแผ่นหลังของชายคนนั้นดูคุ้นตา
จู่ๆ ร่างกายของผู้ชายก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว และหันกลับมาพร้อมทั้งมองเธอตรงๆ ด้วยแววตาระแวดระวังคมกริบ
แต่จังหวะที่สายตาของพวกเขาประสานกันในวินาทีนั้น ทั้งสองคนต่างตกตะลึงทันที
พริบตาเดียว อัญมณีย่นคิ้วทันที แสดงแสดงท่าทางลำบากใจออกทางสีหน้า
เป็นพายุจริงๆ ด้วย!
เธอคิดว่าตนเองมองพลาดไปแล้ว!
“ทำไมคุณถึง…”
เธอเตรียมอ้าปากสอบถาม จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงมาทางระเบียง เธอชะเง้อคอมองดู ตอนที่เห็นว่าผู้หญิงสองคนกำลังยืนต่อปากต่อคำอยู่ตรงระเบียง กลับแน่นิ่งหนักกว่าเก่า
ที่แท้ก็คือญาธิดากับนิวราผู้หญิงชั่วร้ายคนนั้น!
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ห้องโถงใหญ่วนหามารอบหนึ่งก็ไม่เห็นพวกเธอ โดยที่ไม่คิดว่าพวกเขาจะมาอยู่ที่ชั้นสอง แต่พายุมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน แล้วแอบได้ยินอะไรไปมากแค่ไหนแล้ว?
“คุณ…”
เธอเตรียมจะเอ่ยปากพูด สีหน้าพายุก็เปลี่ยนไปทันที เขารีบก้าวฝีเท้าเดินนำหน้ามาทันควัน ก่อนวินาทีที่เธอจะตะโกนแหกปากออกมานั้น ก็ดึงเธอมาอยู่ในอ้อมกอด และปิดปากของเธอเอาไว้!
เขาย่นคิ้ว พร้อมก้มศีรษะพูด “อย่าส่งเสียง!”
อัญมณีตกใจอย่างมาก เพราะตัวโดนปิดปากเอาไว้ ทำได้แค่ส่งเสียง “อื้อ…อื้อ…” ออกมา
พายุขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมทั้งโอบเธออย่างคล่องแคล่ว และถอยออกไปยังห้องทางด้านข้าง และเข้าไปอยู่ในนั้นทันที
เขาปิดประตูอย่างระแวดระวัง พร้อมทั้งลงกลอน และพยายามไม่ให้มีเสียงอื่นใดเล็ดลอดออกไปสักนิด ถึงได้แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมทั้งปล่อยผู้หญิงที่คอยดิ้นสะบัดไม่หยุดอยู่ในอ้อมกอดลง
อัญมณีเขินอายจนเปลี่ยนเป็นโกรธเคือง ใบหน้าเล็กๆ แดงระเรื่อ “ตกลงว่าคุณ…”
เธอยังพูดไม่ทันจบประโยค พายุก็ส่งสายตาตักเตือนให้เธอ ราวกับถ้าเธอยังไม่เก็บเสียง เขาก็จะปิดปากเธอซ้ำอีกครั้ง
เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันควัน พร้อมทั้งมองเขาด้วยสายตาระแวดระวัง “ตก..ตกลงว่าคุณคิดจะทำอะไร?”
“ทำไมต้องคอยแอบฟังตอนที่ธิดาพูดด้วย!”
“คุณพูดมา คุณได้ยินอะไรไปบ้าง!”
“……”
อัญมณีปล่อยคำถามออกมาเป็นชุด โดยที่ไม่รอให้พายุได้ตอบ ก็เริ่มสร้างป้อมต่อสู้กลับแล้ว
พายุเริ่มหมดความอดทนบ้างแล้ว จนเม้มริมฝีปากไม่ยอมตอบกลับ
เมื่อเห็นท่าทางของเขาเป็นเช่นนี้ หัวใจอัญมณีเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
หรือว่า เขารู้แล้วเหรอ?
หัวใจเธอกรีดร้องดังลั่น พร้อมทั้งกัดฟัน และเอ่ยพูดด้วยเสียงเข้มงวด “พายุ ตกลงว่าคุณได้ยินอะไรไปบ้าง!”