ดวงใจภวินท์ - บทที่ 405 เอาเงินก้อนหนึ่งปิดปากเขา
บทที่ 405 เอาเงินก้อนหนึ่งปิดปากเขา
สีหน้าพายุเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังจากชะงักอยู่ชั่วพริบตา ก็ค่อยๆ เอ่ยปากพูด “สิ่งที่ควรจะได้ยินก็ได้ยินหมดแล้ว”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมาจากปาก อัญมณีสีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจทันที “ที่คุณพูดหมายถึง…”
พายุสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “อีธานกับเอลล่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านประธาน”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากพายุ อัญมณีตะลึงแน่นิ่ง ร่างกายราวกับรูปปั้นแกะสลัก ผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่ได้สติกลับคืนมา
เธอเองก็คาดไม่ถึงเลยว่า จู่ๆ พายุดันรู้เรื่องหมดแล้วจริงๆ!
พายุรู้ ย่อมหมายความว่าภวินท์ใกล้จะรู้เรื่องแล้ว!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ การตัดสินใจของอัญมณีครั้งสุดท้ายก็ไม่มีเหลืออีกแล้ว!
เธอย่อมรู้ดีอยู่เต็มอกว่าห้าปีที่ผ่านมานี้ญาธิดารอดมาได้ยังไง ถ้าความลับที่พวกเขาร่วมหัวจมท้ายเฝ้าเก็บรักษามาตั้งห้าปี จู่ๆ ก็ถูกเปิดเผยความจริงจนรู้กันทั่ว เกรงว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่!
เธอกัดฟันแน่น พลันฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงแหงนหน้าขึ้นทันควัน จังหวะที่มองพายุอยู่นั้น จู่ๆ ดวงตาก็ทอประกายความหม่นหมองลง เธอเดินมาทางด้านหน้าทันที พร้อมทั้งเอื้อมมือออกมาคว้าแขนของพายุเอาไว้
เธอกัดฟันแน่น และได้เตรียมการที่ต้องการต่อต้านเขาอย่างสุดกำลัง “ไม่อนุญาตให้คุณออกไป! วันนี้จะเป็นตายร้ายดีคุณก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ!”
เมื่อมองเห็นหญิงสาวที่เปลี่ยนสีหน้าทันที พร้อมทั้งกอดแขนของเขาไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือ มุมปากพายุยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เขาเอ่ยปากถามด้วยความรู้สึกขบขัน “ทำไมล่ะ?”
อัญมณีคว้าแขนของเขาไว้แน่น พร้อมทั้งพูดด้วยอารมณ์ผิดปกติ “คุณพูดว่าเพราะอะไรล่ะ! พายุ คุณนี่ช่างน่ารังเกียจมาก! มาคอยแอบฟังคนอื่นคุยกันตรงมุมกำแพงยังเป็นสุภาพบุรุษหรือเปล่าล่ะ!”
“ถ้าคุณกล้าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ฉันจะหาเรื่องคุณไม่รู้จักจบจักสิ้นแน่ๆ!”
“ได้ยินหรือเปล่า! เรื่องนี้คุณต้องกลืนเรื่องอยู่ในท้องให้เงียบกริบ ไม่อนุญาตให้แพร่งพรายใครทั้งนั้น!”
“……”
พอพายุได้ยินหญิงสาวกำลังขู่คุกคามตนเองอยู่ข้างหู รอยยิ้มตรงมุมปากพลันฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่หยุดหย่อน
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า การทำเช่นนี้มันดูมีความหมายอยู่มากเลยล่ะ?
“พายุ! ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่นะ!”
เมื่อมองชายหนุ่มไร้ปฏิกิริยาตอบสนองอยู่นอน อัญมณีโมโหจนทนไม่ไหว แต่พายุเกิดมาด้วยหน้าตานิ่งอยู่แล้ว สีหน้าไร้ความรู้สึกก็คือความรู้สึกอย่างหนึ่ง เย็นชาจนทนไม่ไหว
สำหรับอัญมณีแล้ว การที่ทำเช่นนี้ก็คือการไม่ไว้หน้ากัน จนสามารถพูดได้ว่า ที่เธอพูดอยู่เมื่อครู่ตั้งมากมายนั้น เขาไม่เห็นด้วยทั้งหมด!
พอคิดได้เช่นนี้ อัญมณีร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมาทันทีโดยไร้น้ำตา
แต่นี่ก็เพื่อความสุขของธิดาต่อจากนี้ เพื่อ อีธานกับเอลล่า เธอจำเป็นต้องคิดหาวิธีในการหยุดเรื่องนี้ถึงจะถูก!
อัญมณีกัดฟัน พร้อมทั้งตัดสินใจอย่างแน่วแน่ จนเหลือบมองพายุอีกครั้งก็แสดงท่าทางยอมอ่อนข้อลงเล็กน้อย น้ำเสียงคำพูดคำจาก็แสดงความหายต้องการจะพูดคุยกัน “พายุ จะเอาเท่าไหร่บอกมาเถอะ”
เวลานี้ จะเงินสูงขนาดไหนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแล้ว ถึงขั้นเอาเงินมาปิดปาก เพื่อปิดปากพายุ นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่เธอควรจะทำที่สุดแล้ว
ใครจะรู้ว่าพอพายุได้ยิน หัวคิ้วเลิกขึ้น เขาหลุบตามองมาทางเธอ “ในสายตาของคุณผมเป็นคนเห็นแก่เงินขนาดนั้นเลยเหรอ?”
อัญมณีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งเก็บงำความอดทนในใจของตนเอง พร้อมทั้งแหงนหน้ามองพายุ และพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความจริงจัง “งั้นคุณต้องการอะไร? ขอแค่ฉันทำได้ แค่จอคุณยอมตกลง ฉันจะพยายามทำให้คุณพอใจมากที่สุด!”
พายุได้ยิน หัวใจบีบรัดแน่น พลางมองแก้มและริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า หัวใจหวั่นไหวทันที และเกิดอาการลังเลเล็กน้อย
อัญมณีไม่ทันจับความผิดปกตินั้นได้ จึงพูดต่อทันที “ยังไงเรื่องพวกนี้คุณเองก็ไม่ได้เป็นครั้งแรก ครั้งนี้ถือว่าคุณช่วยฉันแล้วกัน บอกเลย จะเอาเท่าไหร่!”
กระเดือกของเขาเคลื่อนไหวขึ้นลง “คุณพูดจริงเหรอครับ?”
อัญมณีแหงนหน้าสบตาเขา “จริงค่ะ!”
วินาทีต่อมา เกิดเรี่ยวแรงพุ่งเข้ามาหา ถัดจากนั้น ร่างกายของเธอก็ถูกผลักติดกำแพงทางด้านข้าง เบื้องหน้าพลันมืดลงทันที
พอแหงนหน้าขึ้น ก็เผชิญหน้าดวงตาดำขลับอันแน่วแน่ของพายุคู่นั้นและสันกรามปลายคางของเขา หัวใจเธอบีบรัด จนเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
“คุณ…”
ยังไม่ทันได้พูดออกมา ชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงมา และจูบริมฝีปากของเธออย่างบ้าคลั่ง
วินาทีนั้น อัญมณีราวกับถูกคนจี้จุดเอาไว้ ร่างกายแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น โดยไร้การเคลื่อนไหว สมองขาวโพลน แต่พริบตาเดียว ก็มีความร้อนผ่าวพลุ่งพล่านขึ้นมาเป็นระยะ ภายในร่างกายเธอร้อนรุ่มสุมทรวงใน
การจูบของชายหนุ่มช่างเร่งรีบและเอาแต่ใจ โฉบริมฝีปากของเธอ สัมผัสแก้มของเธอ และเคลื่อนย้ายมายังติ่งหูของเธอ
เสียงเขาแหบพร่า ปะปนอยู่กับลมหายใจของชายหนุ่ม “สิ่งที่ผมต้องการ ก็คือคุณ”
ประโยคนี้ราวกับลำแสงกระแสไฟฟ้า มันแทรกเข้าไปในหูชั้นในของอัญมณี ร่างกายเธอชาไปทั้งตัว และยังไร้ปฏิกิริยาตอบสนองกลับ ติ่งหูก็ถูกกัดไว้ ร่างกายของเธออ่อนระทวยทันที….
พริบตาเดียว เปลวไฟภายในเรือนร่างของเธอก็ถูกจุดเป็นที่เรียบร้อย ความคิดและปรารถนาที่ฟุ้งกระจายมันถักทอมากระจุกรวมกัน เธอกางแขนทั้งสองข้างออก พร้อมทั้งเหนี่ยวต้นคอของพายุทันที
วินาทีนี้ เธอไม่อยากจะสนใจและคำนึงถึงสิ่งใด แค่อยากกับพายุ…
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ร่างกายอัญมณีสั่นเทา และหยุดการกระทำลงทันที
หลังจากนั้นหลายวินาที สติสัมปชัญญะก็หวนกลับคืนมา ราวกับตื่นขึ้นในทันที เธอปล่อยมือลงทันควัน พร้อมทั้งถอยหลังไปหลายก้าว และเอามือปิดคอเสื้อที่เพิ่งถูกแกะออกไปเมื่อครู่
เบ้าตาพายุแดงระเรื่อ แถมพูดด้วยเสียงแหบพร่า “อันอัน…”
อัญมณีกัดฟันพูด “พายุ ถ้าคุณกล้าแพร่งพรายเรื่องของธิดาออกไป ฉันไม่มีวันหยุดก่อกวนคุณแน่!”
เธอทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้ ก็รีบจัดระเบียบเสื้อผ้าบนตัวให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว และผลักประตู และวิ่งหนีเตลิดออกไป
เสียงปิดประตูดัง “ปึง” พายุยืนอยู่ในห้อง ด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
เขากับอัญมณี ตกลงว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ที่แปรเปลี่ยนมาอยู่ในสภาพนี้แล้ว?
ในที่สุด เขาก็ถอนหายใจออกมา และย่างเท้าผลักประตูและเดินออกจากห้อง
ส่วนเรื่องนี้ เขาเชื่ออันอัน จึงรักษาความลับนี้เอาไว้สักระยะ
ซึ่งในเวลาเดียวกัน ตรงทางเดินในห้องโถงใหญ่ ญาธิดาเดินกระทืบเท้า และเกิดความรู้สึกไม่สบายใจอยู่ในใจ
เมื่อครู่ได้แต่คุยกับนิวรา ดังนั้นเธอเลยพลาดสายที่ปภาวีโทรเข้ามา พอตอนโทรกลับไปนั้น ก็ไม่มีคนรับสายเสียแล้ว
เธอครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ พร้อมทั้งก้าวเท้าเดินมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ
หลังจากนั้นสองนาที เธอเดินมาถึงด้านหน้าอ่างล้างมือในห้องน้ำ จนแหงนหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ จู่ๆ ก็ค้นพบว่าตรงประตูนั้นมีเงาคนเพิ่มขึ้นอีกสองคน
ซึ่งไม่ใช่ใครหน้าไหน แต่เป็นผู้หญิงสองคนนั้นที่อยู่กับนิวราตรงระเบียงนอกหน้าต่างที่ได้เจอกันเมื่อครู่นี้
พวกเธอยืนเอามือกอดอก จนเผยรอยยิ้มเย้ยหยันที่แสดงความหมายไม่ชัดเจนอยู่บนใบหน้า ซึ่งเห็นว่ากำลังจับจ้องเธอเมื่อมองผ่านกระจก
ญาธิดาแสดงท่าทีเฉยเมย พร้อมทั้งล้างมืออย่างใจเย็น และหยิบทิชชูที่อยู่ทางด้านข้างมาเช็ด จากนั้นก็ก้าวฝีเท้าเดินมุ่งหน้ายังประตู
แต่ผู้หญิงสองคนที่ขวางอยู่ตรงประตูนั้นไม่ได้แสดงท่าทางว่าจะหลีกทางให้
สีหน้าญาธิดาเย็นเฉียบ และพูดออกมาอย่างไร้ความรู้สึก “รบกวนช่วยหลบหน่อยค่ะ”
“ถ้าพวกเราไม่หลบล่ะ?”
“ผู้หญิงอย่างแก มีสิทธิ์อะไรให้พวกเราหลีกทางให้?”
“……”
พวกเขาสองคนต่างพูดเข้าขาอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย น้ำเสียงแสดงความตั้งใจว่าต้องการให้เธออับอาย
แต่ญาธิดากลับไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร พลันยกมุมปากยิ้มให้ และหันไปกวาดมองบริเวณโดยรอบครั้งหนึ่ง สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่บนรูปภาพที่ติดอยู่ด้านข้างฝาผนัง
ภายในรูปภาพนั้นได้พิมพ์เบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการของ Amaya Hotel ไว้อย่างชัดเจน และมีขั้นตอนในการแจ้งเตือนเหตุการณ์คับขันต่างๆ ไว้อย่างเสร็จสรรพ
ญาธิดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมทั้งส่ายหน้าให้กับผู้หญิงสองคนนั้นที่ขวางประตูอยู่ พร้อมทั้งพูดอย่างแผ่วเบา “ดูเหมือนว่าต้องเชิญผู้จัดการใหญ่มาสักครั้งแล้วสิ ประตูของพวกเขา แคบจริงๆ ด้วย ขนาดคนยังเดินผ่านไปไม่ได้เลย…”
เธอพูด พร้อมทั้งเสียง “ชิชะ” ออกมา ตอนที่กำลังกดโทรศัพท์ไปนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งทางด้านข้างก็ส่งเสียงถามหาเรื่องกลับทันที “แกอยากจะทำอะไร?”
ญาธิดาเอียงคอ พร้อมทั้งแสยะยิ้มให้พวกเธอ “โทรศัพท์หาผู้จัดการ ให้เขาส่งคนมาขยายประตูหน่อย”
วินาทีนั้น สีหน้าของผู้หญิงสองคนนั้นหม่นหมองลงเล็กน้อย
พวกเธอสบตากัน จากนั้นผู้หญิงคนหนึ่งก็เบี่ยงไปทางด้านข้างอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เพื่อหลีกทางให้
ญาธิดายิ้มทันที แต่ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ลงและมุ่งหน้าเดินออกมา
เธอเพิ่งจะเดินออกจากประตู ผู้หญิงสองคนที่อยู่ทางด้านหลังของเธอก็สบตากัน หนึ่งในนั้นก็ย่างเท้าเดินตามฝีเท้าของญาธิดา และเล็งมาที่ชายกระโปรงพลิ้วไสวของเธอ พลันยกเท้าขึ้น และถีบเข้าหาอย่างสุดแรง!