ดวงใจภวินท์ - บทที่ 407 หลบเลี่ยงสักหน่อย
บทที่ 407 หลบเลี่ยงสักหน่อย
เมื่อเห็นว่าเธอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ภวินท์ถึงได้เบนสายตาออก พร้อมทั้งมองผู้หญิงสองคนด้วยสายตาเย็นเฉียบ
เขาเดินนำหน้าไปครึ่งก้าว และจ้องมองตาพวกเขาตรงๆ สีหน้าแววตาช่างจริงจังมากราวกับเป็นการสอบปากคำผู้กระทำผิด “พูดมา พวกคุณคิดจะทำอะไร?”
ประโยคเดียว ทำให้หญิงสาวตกใจจนร่างกายสั่นเทาตามๆ กัน จนถึงขั้นพูดไม่ออก
ผู้หญิงคนหนึ่งก้มหน้าลงพร้อมทั้งพูดติดๆ ขัดๆ “เรา…เราไม่ได้ตั้งใจค่ะ…”
“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ?” ภวินท์เสียงเข้ม ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อในคำพูดของพวกเธอ
เมื่อครู่ตอนที่เขาเดินผ่านมานั้น ก็มองเห็นว่าพวกเธอผลักญาธิดาจนกระเด็นไปกองอยู่ที่พื้นอย่างไม่ได้ใส่ใจ วินาทีนั้น กองไฟในอกของเขาทันปะทุขึ้นมาทันที
หญิงสองคนนั้นสั่นเป็นเจ้าเข้า “เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ…”
“เหรอครับ?” ภวินท์ยอกย้อนกลับ โดยที่ไม่รอคำตอบของพวกเธอ พลันไปหาพายุที่อยู่ทางด้านข้าง พร้อมทั้งออกคำสั่งเสียงแข็ง “พายุ คุณไปที่ห้องวงจรปิด ไปเอาภาพตรงนี้ออกมาที!”
พอพูดถึงดึงภาพกล้องวงจรปิด ผู้หญิงสองคนนั้นก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที หน้าซีดเซียวอย่างกับคนขาดสารอาหาร พร้อมทั้งพูดตะกุกตะกักจนพูดไม่ออก
จู่ๆ หญิงสาวที่ใส่เดรสสีดำก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ แววตาทอประกาย และแหงนหน้ามองภวินท์ทันควัน “คุณภวินท์ เป็นความผิดของพวกเราเอง พวกเรายอมขอโทษคุณญาธิดา! ขอโอกาสคุณปล่อยพวกเราไปสักครั้ง ถือเสียว่าพวกเราในฐานะเป็นเพื่อนสนิทของนิวแล้วกันค่ะ ให้โอกาสพวกเราสักครั้งเถอะค่ะ!”
ตอนแรกที่ยังไม่เอ่ยถึงนิวราก็ยังพอไปวัดไปมาได้ ซึ่งตอนนี้มาเอ่ยถึง “นิวรา” สีหน้าของภวินท์หม่นหมองลงทันที และยิ่งถลำลึกอย่างไม่แน่ชัดขึ้นเรื่อย
เวลานี้พวกเธอมาเอ่ยถึงนิวรา ก็เหมือนเป็นการโยนถังน้ำมันถังหนึ่งรดลงบนกองไฟความโกรธของภวินท์ เขาย่นคิ้วเข้าหากัน พร้อมทั้งเหลือบมองพายุอย่างเย็นเฉียบ “ให้รปภ.มาไล่ตะเพิดพวกเธอสองคนนี้ออกไป!”
จู่ๆ หญิงสาวที่ใส่เดรสสีดำก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ แววตาทอประกาย และแหงนหน้ามองภวินท์ทันควัน “คุณภวินท์ เป็นความผิดของพวกเราเอง พวกเรายอมขอโทษคุณญาธิดา! ขอโอกาสคุณปล่อยพวกเราไปสักครั้ง ถือเสียว่าพวกเราในฐานะเป็นเพื่อนสนิทของนิวแล้วกันค่ะ ให้โอกาสพวกเราสักครั้งเถอะค่ะ!”
เมื่อพูดทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้ เขาก็หันหลังกลับโดยที่ไม่ไว้หน้าสิ่งใด และไม่สนใจคำอ้อนวอนของผู้หญิงสองคนนั้นอีกแล้ว พลันหันมองญาธิดา พร้อมทั้งพูดเสียงเย็นเฉียบ “คุณ ตามผมมา”
ญาธิดาที่เพิ่งจะยืนอยู่ทางด้านข้าง มองเห็นว่าภวินท์ได้สั่งสอนผู้หญิงสองคนนั้นแล้ว ก็รู้สึกดีใจขึ้นมา แถมไม่ได้รู้โกรธขนาดนั้นแล้ว
ซึ่งในตอนนี้ จู่ๆ เธอก็ถูกหมายหัว ถูกร้องขอให้เดินตามเขาไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากยิ่งในการต่อต้าน
เธอขมวดคิ้วไว้แน่น พร้อมทั้งเอ่ยปากถาม “ไปทำอะไร?”
ภวินท์กวาดตามองเสื้อผ้าของเธอ พร้อมทั้งพูดเสียงเย็นเฉียบ “ถ้าคุณอยากจะใส่ชุดแบบนี้ต่อไป ผมก็ไม่มีข้อเสนอแนะใดๆ อีก”
ญาธิดาได้ยินก็ตกใจทันที พร้อมทั้งก้มหน้ามองตามสายตาของเขาไป จึงมองเห็นชุดกี่เพ้าในสภาพขาดวิ่นอยู่บนตัวของตนเอง จนหน้าซีดเผือดทันที
ซึ่งตอนนี้แม้ว่าเธอใส่เสื้อสูททับอยู่บนตัวก็ตาม แต่ว่าสามารถปกปิดได้เพียงเล็กน้อย แต่การแต่งตัวที่พิลึกพิลั่นยังสามารถเรียกสายตาผู้คนได้ไม่น้อย ซึ่งคนทั่วไปก็สามารถมองออกว่าเสื้อผ้าของเธอโดยคนฉีกกระจุย บวกกับเธอใส่เสื้อผ้าของภวินท์อยู่ เกรงว่าถึงเวลานั้นแม้ว่าเธอจะอธิบายยังไงก็ไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองบริสุทธิ์ได้
เธอกัดฟัน ซึ่งตอนนั้นก็ไร้วิธีอื่น ทำได้เพียงก้าวฝีเท้าเดินตามฝีเท้าของชายหนุ่มไป
จากนั้นภวินท์ก็เดินตัดทางเดิน และเดินมาที่ลิฟต์ จนขึ้นไปอีกสามชั้น และออกมาจากลิฟต์ ภวินท์ก็ก้าวเท้าเดินเลี้ยวขวา จนเดินมาหยุดที่ด้านหน้าประตูห้องที่สอง พร้อมทั้งหยิบการ์ดขึ้นมาสแกนเปิดห้อง
ญาธิดายืนอยู่ทางนั้น และกำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีมั้ย ใครจะรู้ว่าชายหนุ่มได้หันหน้ากลับมา สายตาจับจ้องมองเธออย่างทะลุปรุโปร่ง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันทำได้เพียงเก็บงำความรู้สงสัยที่ดูเขินอายเหล่านี้ลงไป พลางก้าวเท้าเดินเข้าไปทันที
ภายในห้องตกแต่งง่ายดายมาก เฟอร์นิเจอร์มีไม่มาก แต่สิ่งของทุกชิ้นต่างมีความหมายของการมีตัวตนของแต่ละชิ้น จนเผยให้เห็นเนื้อสัมผัสที่ยอดเยี่ยม
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นภวินท์ก็เดินมาหยุดด้านหน้าโซฟาของห้องจูเนียร์สวีท ชายหนุ่มหันกลับมาไป เพื่อมองเธอ” ผมให้คนไปจัดเตรียมไว้ให้แล้ว อีกเดี๋ยวก็น่าจะเอามาส่งให้แล้ว”
พูดจบ ยังไม่ทันรอให้ญาธิดาได้ตอบกลับ เขาบริการตนเองโดยหยิบเหล้านอกออกมาหนึ่งขวดจากชั้นวางเหล้าที่อยู่ด้านข้างพร้อมทั้งเปิดตู้เย็น และใส่น้ำแข็งเย็นๆ ลงไป
เขาเดินมาหยุดด้านข้างหน้าต่างจรดพื้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ทั้งเม้มปาก และเหลือบมองนอกหน้าต่าง
ชายหนุ่มอกผายไหล่ผึ่ง เมื่อมองจากทางด้านหลังก็เป็นทรวดทรงองค์เอวสามเหลี่ยมกลับหัวที่แข็งแกร่งตามมาตรฐาน แม้ว่าจะมีเสื้อผ้าคอยขวางกั้นเอาไว้หนึ่งชั้น แต่ยังคงมองออกถึงพื้นฐานกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเขา
สายตาของญาธิดาเหลือบมองแผ่นหลังของเขา จนหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว เธอเบนสายตาหนี และค่อยๆ สงบอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ จู่ๆ ก็ได้สติขึ้นมา ซึ่งเขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะออกไป
แต่การที่ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่กันสองต่อสองในห้องเดียวกัน เรื่องนี้ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้า มันจะลือกระฉ่อนไปทั่วเลย
ญาธิดานั่งหลังตรง พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งตั้งใจกระแอมเล็กน้อย และพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำออกไป “เอ่อคือ คุณคิดว่าจะหลบออกไปตอนไหน?”
พอชายหนุ่มได้ยิน ร่างกายพลันเคลื่อนไหวเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังกลับมามองมาทางเธอ หัวคิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดเสียงเรียบเฉย “หลบเหรอ? การเผชิญหน้าคุณผมยังต้องคอยหลบหน้าด้วยเหรอ?”
ประโยคเดียว มันทำคำพูดของญาธิดาจุกอกจนพูดไม่ออก
แม้ว่าพวกเขาสองคนเคยเป็นสามีภรรยา เรื่องที่ควรทำก็ทำแล้ว ซึ่งตอนนี้พวกเขาหย่าร้างกันแล้ว การที่เขาพูดเช่นนี้ ถือว่ามันทำให้เธอรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง
จู่ๆ บรรยากาศก็เริ่มเย็นเฉียบลง เวลานั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ถัดมา นอกประตูก็มีเสียงเล็ดลอดออกมา “คุณภวินท์ครับมาส่งเสื้อผ้าครับ”
พอภวินท์ได้ยิน จึงก้าวเท้าเดินไปหา พลางเปิดประตู และรับถุงหิ้วอันประณีตหยิบมาจากมือ จากนั้นก็ปิดบานประตูลงทันทีโดยไร้การลังเลแต่อย่างใด
เขาหันหลังกลับมา และเดินมาอยู่ด้านข้างโซฟา พร้อมทั้งนำถุงที่อยู่ในมือวางลงโซฟาทางด้านข้างของญาธิดา “เปลี่ยนสิ”
เมื่อเขาพูดทิ้งท้ายประโยคนี้แล้ว จึงก้าวเท้าเดินไปทางด้านข้าง พร้อมทั้งยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
ญาธิดากวาดตามองlogoตัวโตที่ประทับอยู่ข้างถุง ลังเลอยู่สักพักจึงหยิบเสื้อผ้าและเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ทางด้านข้าง
เป็นกระโปรงยาวแบบธรรมดา สีเบจงามสง่า เผยนิสัยความอ่อนโยนไปทั่วตัว แต่สำคัญกว่าคือเป็นไซซ์ที่พอดีตัวมาก
ญาธิดามองตนเองในกระจก พลันคลี่ยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็เอาชุดกี่เพ้าที่เปลี่ยนออกยัดใส่ถุง และเดินออกมา
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างพอได้ยินเสียงเปิดประตู จึงค่อยๆ หันมาอย่างช้าๆ แววตาจับจ้องอยู่บนตัวของญาธิดาชั่วครู่ พลันแววตาถลาสู่ความมืดหม่นอย่างรวดเร็ว
เขาก็แค่อาศัยเลือกชุดตามที่ตนเองชอบมาชุดหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าพอเธอสวมใส่แล้วจะสวยขนาดนี้ จะดูยังไงก็ยิ่งน่ามองจริงๆ
แต่มีสิ่งเดียวที่ไม่ค่อยเข้ากัน นั่นก็คือริมฝีปากสีแดงของเธอ
ตอนที่เธอใส่ชุดกี่เพ้านั้น ทาปากสีแดง ดวงตางดงามเคลื่อนไหวอย่างมีสไตล์ แต่ร่างกายเธอในเวลานี้ อ่อนโยนหวานละมุนจนทะลุทะลวงเข้าหัวใจไปแล้ว พอจับคู่กับปากแดงย่อมขัดกันอยู่บ้าง
ญาธิดาไม่ทันสังเกตดวงตาของชายหนุ่มที่หลุบต่ำลง พลันหยิบกระเป๋าถือทางด้านข้างมา พร้อมทั้งหันไปพูดกับเขา “ขอบคุณคุณนะที่ช่วยแก้ปัญหาให้ฉัน เงินค่ากระโปรงฉันจะโอนให้คุณ”
พูดจบ เธอก็พยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเพื่อแสดงความหมาย พลันก้าวฝีเท้ามุ่งหน้าเดินไปทางประตูทันที
มือเพิ่งสัมผัสที่จับประตู จู่ๆ ก็มีลมพัดมาจากทางด้านหลัง ถัดมาข้อมือก็โดนคนจับเอาไว้
ญาธิดาตกใจจนกรีดร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว ร่างกายหมุนกลับมาตามแรง วินาทีต่อมา ร่างกายของชายหนุ่มก็ทาบทับลงมาทันที
ภวินท์ยื่นฝ่ามือใหญ่ดั่งเหล็กออกมา พลันบีบปลายคางของเธอทันที พร้อมทั้งพูดเสียงเข้ม “เช็ดลิปสติกก่อนค่อยออกไป”
พูดจบ เขาก็ใช้นิ้วหัวแม่นิ้วปาดลงบนริมฝีปากอันอ่อนโยนของญาธิดา จนปาดสีลงไปเกินครึ่ง
สีแดงถูกปาดออกมาจากเส้นริมฝีปาก จนเลยขอบริมฝีปาก ยิ่งมองก็ยิ่งเย้ายวนใจ
หัวใจภวินท์เคร่งขรึมลง พลางรู้สึกร่างกายเริ่มร้อนผ่าวเล็กน้อย เขาแสร้งเบนสายตาไปทางอื่น จากนั้นก็หยิบทิชชูทางด้านข้างมาเช็ดมือ “เสร็จแล้ว”
สำหรับการกระทำของเขาทุกอย่าง ญาธิดาถึงกลับมึนงง เธอตะลึงทันที หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็มีอากัปกิริยาย่นคิ้วเข้าหากัน “ภวินท์ นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วใช่มั้ย?”
เธอพูด พร้อมทั้งยื่นมือออกมาเตรียมผลักเขาออก
จู่ๆ เขาก็วิ่งมาเช็ดลิปสติกของเธอออก เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่!
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น และพูดจาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ผมชอบคุณในลักษณะแบบนี้ มากกว่า”