ดวงใจภวินท์ - บทที่ 41 ฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้าน
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ร่างกายแข็งทื่อตามสัญชาตญาณทันที พลางช้อนตามองตอบ จึงเห็นร่างกายชายหนุ่มที่ตัวโตสูงใหญ่ราวสองเมตร
ภวินท์จริงๆ ด้วย!
นี่เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเนี่ย!
ญาธิดาถึงกลับขยี้ตาเบาๆ ยังไม่ทันได้สติกลับมา จึงมองเห็นภวินท์สาวเท้าเดินจ้ำอ้าวมาอยู่ทางด้านหน้าของเธอ พลางยื่นมือออกมาคว้าเธอให้ไปอยู่ด้านหลังของตนเองเอาไว้
ผู้จัดการแสดงสีหน้าตื่นตระหนก “ประ…คุณภวินท์ ท่านมาได้อย่างไรครับเนี่ย?”
ภวินท์พูดตอบกลับอย่างเย็นชา “ถ้าผมไม่มา หรือว่าจะปล่อยให้คุณรังแกคนของผมได้สบายใจแบบนี้ใช่ไหม?”
ผู้จัดการได้ยิน พลางมองญาธิดาอย่างตกใจ จึงร่นถอยหลังไปสองก้าว และยิ้มพูดเพื่อเป็นการกลบเกลื่อน “คุณภวินท์เข้าใจผิดแล้วครับ ผมกำลังสอบถามตามปกติเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำเหมือนที่ท่านพูดสักนิดเลยครับ”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น “งั้นหรือครับ?”
ผู้จัดการถึงกลับสูดลมเย็นๆ เข้าปากทันที “คะ…ครับ ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณผู้หญิงท่านนี้มาหาท่าน ขอโทษเป็นอย่างสูงครับ ผมต้องขอโทษเธอด้วยครับ”
เขาพูด พร้อมทั้งมองมาทางญาธิดา และโค้งหลังคำนับให้เธอ “คุณผู้หญิงครับ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้กระผมผิดไปแล้วครับ”
ญาธิดายืนอยู่ด้านข้าง และมองที่เขาโค้งหลังคำนับให้ จึงพูดทันควัน “ไม่เป็นไรค่ะ เป็นเรื่องเข้าใจกันผิดทั้งหมดแหละค่ะ…”
“ใช่ครับ ใช่ เข้าใจผิดกันหมด”
เขาทั้งพูด และกำชับลูกน้องที่อยู่ทางด้านข้างทันที “ไปจัดเตรียมห้องรับรองมาห้องหนึ่ง ให้คุณภวินท์กับคุณผู้หญิงท่านนี้ได้นั่งพักผ่อนสักหน่อย นั่งกินน้ำกินท่าให้หายตกใจก่อน”
“ไม่ต้องหรอก พวกเราจะกลับแล้ว”
ภวินท์พูดไป พลางหันหลังให้และเดินมุ่งหน้าออกไปทันที
ญาธิดาเห็นภาพตามนั้นแล้ว จึงรีบเดินตามไปทันที
เรื่องที่เธอมาหาปณชัยนั้น เกรงว่าภวินท์ก็คงรู้เรื่องแล้ว แม้ว่าเธอกำชับพายุย้ำนักย้ำหนาไว้แล้ว ทว่าเขาก็เป็นลูกน้องของภวินท์นี่ แล้วจะไม่บอกเขาได้ยังไงกัน?
ฝีเท้าของชายหนุ่มก้าวยาวมาก และทิ้งเธอไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ญาธิดาต้องวิ่งเหยาะตามไป และไปคว้าชายเสื้อของภวินท์เอาไว้ “ภวินท์”
“คุณโกรธอยู่ใช่มั้ย?”
ภวินท์หยุดฝีเท้าลงทันที สายตาจ้องมองเธอตาเขม็ง “คุณว่ายังไงล่ะ?”
เขาไม่คาดคิดเลยว่า เธอกล้าเสนอตัวมาที่คลับเฮาส์คนเดียว เพียงเพื่อจะได้เจอหน้ากับปณชัยแค่ครั้งเดียว และไม่คิดเลยว่าเธอยังกล้าไปเอาเสื้อผ้าของพนักงานมาเปลี่ยนและใส่มันเพื่อจะให้ผสมโรงเข้าไปในห้องรับรองได้!
ซึ่งตลอดมา เขาก็คิดมาตลอดว่าเธอเป็นพวกขี้ขลาดใสซื่อ ทว่ามองจากตรงนี้แล้ว ในบางเรื่องนั้น ยังกล้าหาญชาญชัยกว่าที่เขาจินตนาการไว้อีกเยอะ!
ทว่าความกล้าบ้าบิ่นพวกนี้ มันก็เหมือนกับการเสี่ยงอันตราย ถ้าวันนี้เขาไม่มา การที่เธอเผชิญหน้ากับผู้จัดการมันจะมีจุดจบยังไงกัน?
เขาย่อมโกรธเป็นเรื่องธรรมชาติ โกรธที่เธอบ้าบิ่นมาคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบ โกรธที่เธอดื้อรั้นและไร้แผนการใดๆ!
ญาธิดามองท่าทางของชายหนุ่ม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดีในช่วงเวลานั้น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก “ขอโทษค่ะ ฉันรู้ค่ะว่าวิธีการที่ฉันทำมันเสี่ยงอันตรายจริงๆถ้าครั้งหน้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีก ฉันจะแจ้งกับคุณไว้ก่อนค่ะ…”
ใบหน้าสำนึกผิดของหญิงสาวโน้มศีรษะลงต่ำลง จนแก้มแดงแจ๋ ปลายจมูกก็เริ่มมีเม็ดเหงื่อเล็กๆ ผุดขึ้นมาอยู่เป็นปื้น แสดงท่าทางน่าสงสารจับจิต
ภวินท์เห็นท่าทางเช่นนั้นของเธอ พลางย่นคิ้วหากัน จนโกรธไม่ลงเสียแล้ว
หลังจากหยุดชะงักไปชั่วครู่ เขาค่อยๆ เอ่ยปากพูด “ที่ผมมานี่ เพราะมีเรื่องหนึ่งที่ต้องคุยกับคุณ”
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า “เรื่องอะไรคะ?”
“ผมมีธุระต้องเดินทางไปต่างประเทศ พรุ่งนี้เครื่องจะออกตอนเช้าเลย”
ญาธิดาได้ยินแล้ว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ก้นบึ้งหัวใจกลับรู้สึกผิดหวัง “คุณจะไปกี่วันคะ?”
ภวินท์ตอบน้ำเสียงตามปกติ “4-5วัน”
เธอชะงักเล็กน้อย พลางเงยหน้ามองเขา และพูดเสียงเบา “งั้นคุณ…ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”
“แน่นอน คุณมีเรื่องอะไรก็บอกพายุเลย คืนนี้ผมยังมีธุระต่อ คุณเรียกรถกลับบ้านเอาเองนะ”
ภวินท์พูด หันหลังกลับและเดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้าเดินไปทางด้านข้างรถยนต์
ญาธิดาจ้องมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินห่างไปเรื่อย ๆ จู่ ๆ เธอรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา
ซึ่งเธอไม่คาดคิดเลยว่า นี่เธอถึงขั้นอดใจรอไม่ไหวที่ให้ภวินท์เดินทางไปถึงขนาดนั้นเลยเหรอ แม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้น 4-5 วันเองเท่านั้น
เห็นกับตาว่าชายหนุ่มเดินมาถึงข้างรถแล้ว และเตรียมจะเปิดประตูรถเพื่อขึ้นรถ จู่ ๆ ญาธิดาก็สาวเท้าก้าวตามไป
“ภวินท์!”
ภวินท์ถึงกลับหยุดชะงักทันที และหันศีรษะกลับมามองเธอ “มีเรื่องอะไร?”
ญาธิดาวิ่งเหยาะๆ มาหยุดด้านหน้าของเขา และจ้องมองเขาด้วยดวงตาทอประกาย ราวกับเจ้ากวางตัวน้อย หลังจากนั้นหลายวินาที เธอจึงอ้าปากพูด “งั้น …ฉันจะไปรอคุณที่บ้านนะคะ”
แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะทุ้มต่ำ แต่กลับชัดเจนมาก
เปลือกตาของภวินท์กระตุกเล็กน้อย พลางเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดปรากฏขึ้นมาในก้นบึ้งหัวใจจริงๆ
“อืม”
แต่ว่า เพียงวินาทีเดียว จากนั้น เขาหันหน้ากลับ ก็เปิดประตูและปิดประตูลงทันที
ญาธิดายืนอยู่ที่เดิม และมองรถยนต์ค่อยๆ เคลื่อนตัวทะยานออกไป ความรู้สึกยิ่งสับสนมากกว่าเดิม
เธอไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ความรู้สึกที่ไม่อยากให้ไป มันพุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ และไม่ได้โกหกมดเท็จสักนิด
เมื่อมองรถยนต์เคลื่อนตัวทะยานไปแล้ว กระทั่งมองไม่เห็น เธอถอนหายใจเบาๆ พลางชูมือขึ้นเพื่อเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง
ไม่ห่างไกลนัก ด้านหน้าคลับเฮาส์ราชา มีผู้หญิงไปหลบอยู่หลังเสา และมองเห็นภาพนี้เต็มสองตา
“นีราภา! นี่แกดื่มหนักไปแล้วใช่มั้ย!แล้วไปกอดเสานั่นไว้ทำไมกัน!”
จากนั้นก็มีผู้หญิงอีกคนเดินมาอยู่ข้างๆ และลูบหลังให้นีราภาเล็กน้อย
นีราภาตัวสั่นเล็กน้อย คืออาการตกใจ พลางพูดเสียงพึมพำเสียงเย็นชา “ฉันไม่ได้ดื่มหนักเลย แกนั่นแหละที่ดื่มหนัก!”
เมื่อพูดจบแล้ว เธอก็ขี้เกียจจะสนใจผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง พลางก้มหน้าก้มตาจัดการอะไรบางอย่างกับโทรศัพท์ และเปิดรูปภาพที่เธอเพิ่งแอบถ่ายเมื่อครู่นี้ออกมา
ซึ่งเดิมทีเธอกับเพื่อนออกมาดื่มเหล้าด้วยกัน และเตรียมจะกลับแล้ว เธอขอตัวออกมาสูดอากาศก่อน ไม่คิดเลยว่าเธอจะเห็นฉากเด็ดขนาดนี้!
เธอเห็นภาพที่ญาธิดากำลังดึงกันไปมากับภวินท์อยู่ด้านหน้าคลับเฮ้าส์ ทั้งสองยังพูดคุยกันอยู่นาน!
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ความคาดเดาของเธอก่อนหน้าก็ถูกต้องแล้ว! ญาธิดาคนนี้กำลังมาก้อร่อก้อติกคุณภวินท์อยู่
นีราภาอารมณ์พุ่งปรี๊ดทันที ยิ่งมองรูปภาพเหล่านี้ยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม
เธอเป็นลูกน้องของคุณภวินท์มาตั้งยาวนานขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นการแอบหมายปองเขามาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่กล้าจะเขยิบเข้าหาแม้แต่ก้าวเดียว ทว่าไม่คิดเลยว่าญาธิดาคนนี้จะกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!
ไม่ได้การแล้ว เธอต้องคิดหาวิธี ในการจัดการญาธิดา โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะได้ไม่กล้าให้ท่าท่านคุณภวินท์อีก!
…..
ญาธิดากลับถึงบ้านพัก แต่ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี
ซึ่งเดิมทีเธอกับเพื่อนออกมาดื่มเหล้าด้วยกัน และเตรียมจะกลับแล้ว เธอขอตัวออกมาสูดอากาศก่อน ไม่คิดเลยว่าเธอจะเห็นฉากเด็ดขนาดนี้!
ป้าจันทร์เห็นแบบนั้นแล้ว ในใจก็พอเดาได้ว่าเพราะอะไร พลางเอานมอุ่นๆ มาให้เธอหนึ่งแก้ว พร้อมทั้งพูดเกลี้ยกล่อมเธอเบาๆ “คุณผู้หญิง อย่ากังวลไปเลยค่ะ คุณชายต้องไปดูงานอยู่บ่อยครั้ง ไม่นานก็กลับมาแล้วค่ะ”
ญาธิดาได้ยินแล้ว พลางพยักหน้าทันที และยิ้มให้เธอ “ฉันรู้แล้วค่ะ ป้าจันทร์”
หลังจากรอให้ป้าจันทร์ออกไปจากห้องแล้ว ญาธิดาก็มองนามบัตรของปณชัยที่วางอยู่บนโต๊ะ จนอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่ว่าจะอย่างไร วันนี้ถือว่าเธอจัดการปัญหาความยุ่งยากในการทำงานได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ไปทำงาน เธอก็ไม่ต้องหวาดกลัวในการถูกพี่แนนถามไถ่เรื่องความคืบหน้าของงานแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ญาธิดารีบมาที่บริษัท และทำตามกิจวัตรประจำวันในการเข้าร่วมประชุมประจำสัปดาห์ตามปกติ เธอเพิ่งมาถึงห้องประชุม ก็จับสัมผัสได้ถึงสายตาของทุกคนในห้องประชุมที่จับจ้องมองเธอ สายตานับไม่ถ้วนนั้นต่างแสดงความสับสนอยู่บ้าง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และแสดงความตื่นเต้นออกมาบ้าง จังหวะนั้นเอง พี่แนนก็ผลักประตูเข้ามา ถือว่าเปิดการประชุมแล้ว
การกล่าวรายงานการประชุม ยังมีเรื่องพวกนั้นที่เป็นปกติประจำวัน ญาธิดาไม่คิดอะไรมาก ความรู้สึกหวั่นไหวเมื่อครู่นี้และอาการตื่นเต้นก็ค่อยๆ มลายหายไปเยอะพอควร
ไม่นานนัก ประชุมก็เสร็จสิ้น คนที่อยู่ในห้องประชุมกรูกันออกมาด้านนอก ญาธิดาจึงเดินตามเพื่อนร่วมงานออกมาเช่นกัน ก่อนจะเดินออกมาตรงประตูทางออก พี่แนนก็รั้งเอาไว้
“ญาธิดา คุณอยู่ก่อน”
ญาธิดาตะลึงทันที จากนั้นก็ตอบรับ “ค่ะ”
รอจนทุกคนออกไปจากห้องประชุมแล้ว พี่แนนก็ลุกขึ้น และจัดการปิดประตูห้องประชุมทันที จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ สายตาจับจ้องมองเธออย่างเย็นยะเยือก “รูปภาพเหล่านั้น ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
ญาธิดาสมองมึนเบลอทันที “รูปภาพเหรอ? รูปภาพอะไรหรือคะ?”