ดวงใจภวินท์ - บทที่ 411 ตรวจDNA
บทที่ 411 ตรวจDNA
“ไม่มีทาง! ไม่มีทางเป็นอันขาด!”
อัญมณีส่ายหน้าตามสัญชาตญาณทันที หลังจากปฏิเสธไปแล้ว จึงก้าวฝีเท้าเตรียมเดินอ้อมเขาเพื่อเดินผละจากเขาออกไป
ใครเล่าจะรู้ว่าแขนยาวๆ ของชายหนุ่มยื่นออกมา พร้อมทั้งจับข้อมือของเธอเอาไว้
พายุเผยความร้อนใจซึ่งแสดงออกบนสีหน้าทั้งที่เป็นคนไร้ความรู้สึกมาโดยตลอด เขาขมวดคิ้วเอาไว้แน่น
“อันอัน ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณต้องเลิกกับผมอย่างกะทันหัน ทั้งๆ ที่ระหว่างเราสองคนมันยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ไม่ใช่เหรอครับ?”
พออัญมณีได้ยินยิ่งตื่นตระหนกมากกว่าเดิม เธอเบิกตาโต และเหลือบมองผู้ชายที่อยู่ด้านหน้า “นี่คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าทำไมฉันถึงไปจากคุณ?”
เขาแอบทำเรื่องนั้นลับหลังเธอ เลยนึกเอาเสียว่าเธอไม่รู้เรื่องอย่างนั้นเหรอ?
ก้นบึ้งดวงตาพายุฉายความวิตกกังวลออกมาอย่างจริงจัง “อันอัน ถ้าตรงจุดไหนผมทำได้ไม่ดี คุณพูดมาเลย ผมสามารถแก้ไขให้ได้นะครับ”
วินาทีที่คำพูดนั้นพูดจบ อารมณ์ความโกรธเคืองของอัญมณีที่ไม่สามารถควบคุมเอาไว้มันปะทุขึ้นในใจอย่างหนักหน่วง เธอกัดฟันไว้แน่น ความแค้นเคืองกับการตำหนิติเตียนในหัวอกถาโถมกระจุกรวมกัน
ทำไมเธอถึงไม่คิดเลยว่า พายุจะพูดคำพูดนี้ออกมา การออกนอกลู่นอกทางยังไงก็ออกนอกทางไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัยได้! แต่เขายังแสร้งทำท่าทางเป็นไอ้โง่เซ่อซ่าตาใสซื่อ นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เธอไม่สามารถรับได้จริงๆ
เธอกัดฟัน นัยน์ตาคลอเบ้าตอนมองพายุ ดวงตาแดงก่ำ “ปล่อยมือนะ!”
พายุเลิกคิ้วขึ้น พลันรู้สึกหัวใจบีบรัดแน่น “อันอัน…”
“ฉันต้องการให้คุณปล่อยมือ!”
ทำไมเธอถึงไม่คิดเลยว่า พายุจะพูดคำพูดนี้ออกมา การออกนอกลู่นอกทางยังไงก็ออกนอกทางไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัยได้! แต่เขายังแสร้งทำท่าทางเป็นไอ้โง่เซ่อซ่าตาใสซื่อ นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เธอไม่สามารถรับได้จริงๆ
อัญมณีอารมณ์พุ่งปรี๊ด พลันสะบัดมือพายุออก และยกมือขึ้นตบหน้าพายุตามสัญชาตญาณทันที
“เพี๊ยะ!” เสียงดังลั่น ราวกับสายฟ้าฟาด ที่ผ่าลงคนทั้งสองคนพร้อมๆ กัน
บรรยากาศเงียบงันในชั่วขณะนั้น ทั้งสองคนร่างกายแข็งทื่ออย่างมิได้นัดหมาย จนไร้การเคลื่อนไหวใดๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที อัญมณีถึงค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา มือขวาสั่นระริก และถอยหลังไปสองก้าวตามจิตใต้สำนึก
เธอเองก็คาดไม่ถึง ความโกรธเคืองของตนเองพลุ่งพล่านขึ้นมา ถึงขั้นอดใจไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นตบหน้าเขา!
เธอกัดริมฝีปากไว้แน่น พร้อมทั้งมีความรู้สึกเจ็บและอึดอัดขึ้นในหัวใจ พลางกัดฟันพูด “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีกต่อไปแล้ว”
เมื่อพูดทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้แล้ว เธอก็วิ่งหนีเตลิดไป โดยที่ไม่รอคำตอบของพายุอีกเลย
อัญมณีวิ่งหนีมาไกลเหลือเกิน ถึงได้หยุดฝีเท้าลง พร้อมทั้งหายใจถี่ หัวใจอึดอัดแน่น
เธอเองก็คิดไม่ถึง ว่าตนเองจะถึงขั้นอดใจไม่ไหวจนลงไม้ลงมือกับพายุ
ตกลงว่าเกลียดมาก หรือว่ารักมากเกินไปกันแน่?
อัญมณียืนพักอยู่จุดเดิมอยู่นาน เธอถึงได้สงบสติลงได้อย่างช้าๆ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ซึ่งเธอออกมาจากห้องพักผู้ป่วยประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้แล้ว พอเธอฉุกคิดถึงภวินท์ จึงรีบเร่งฝีเท้าเพื่อเดินกลับทันที
ถ้าให้ญาธิดามองเห็นว่าเธอทิ้งอีธาน เอลล่าเอาไว้ แถมยังให้พวกเขาอยู่กับภวินท์กันเอง เกรงว่าเธอจะรักษาชีวิตน้อยๆ ของเธอไว้ไม่อยู่แล้ว!
อัญมณีวิ่งกลับมาถึงห้อง เธอก็ผลักบานประตูเข้าไปอย่างร้อนรน ตอนที่เห็นอีธานกับเอลล่าอยู่ในห้องนั้น ถึงได้ถอนหายใจโล่งอก
นอกจากเด็กน้อยสองคนแล้ว ภายในห้องไม่มีเงาของคนอื่นอยู่ ภวินท์ก็ไม่อยู่แล้ว
อัญมณีสูดลมหายใจเข้า พร้อมทั้งเอ่ยปากถามทันควัน “คุณภวินท์ล่ะจ๊ะ? เขากลับไปแล้วเหรอ?”
เอลล่าเอียงศีรษะ พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงตามประสาเด็กน้อย “คุณอาคนหล่อเหรอคะ? เขามีธุระค่ะ เพิ่งกลับไปเมื่อกี้เองค่ะ…”
พออัญมณีได้ยิน เธอก็ถอนหายใจโล่งอกทันควัน พลางก้าวเดินมาทางด้านหน้า และมองมาที่อีธาน และหันมามองเอลล่าซ้ำ “เขาไม่ได้รังแกพวกหนูใช่มั้ยคะ?”
เมื่อมั่นใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเด็กทั้งสองคนไม่มีบาดแผลใดๆ อารมณ์ตึงเครียดของอัญมณีถึงได้ผ่อนคลายลงเยอะ
ผ่านไปชั่วครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังอยู่ทางด้านนอก ญาธิดาผลักประตูเข้ามา พร้อมทั้งพูดอย่างมีความสุข “เตรียมตัวเสร็จหรือยัง? ทำเอกสารเสร็จแล้วนะ เราออกจากโรงพยาบาลได้แล้วค่ะ!”
สิ่งของภายในห้องได้เก็บได้พอประมาณแล้ว แต่พอได้ยินเรื่องนี้ ทุกคนต่างไม่ได้แสดงความดีใจตามจินตนาการที่คาดไว้ ญาธิดาสูดลมหายใจลึกๆ พลันจ้องมองดวงตาที่ยังแดงก่ำอยู่ของอัญมณี พลันเอ่ยถามทันที “แกเป็นอะไรไป? ทำไมตาแดงขนาดนี้?”
ใบหน้าอัญมณีฉายความหวั่นไหวออกมาเล็กน้อย พร้อมทั้งยิ้มและพูดปกปิด “เปล่านี่ ช่วงนี้ฮิตเทรนด์แต่งหน้าโทนส้มไม่ใช่เหรอมันเป็นอายแชโดว์สีแดงที่ฉันแต่งหน้ามา!”
พอญาธิดาได้ยิน พร้อมทั้งยิ้มให้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอเดินมาหยุดข้างเตียงผู้ป่วย เพื่อช่วยเอลล่าจัดการเสื้อผ้า จากนั้นก็เหลือบมองอีธานที่กำลังก้มหน้าก้มตาเล่นรูบิกอยู่ทางด้านข้างอย่างไม่มีปากไม่มีเสียง
เหมือนบรรยากาศผิดปกติ ยังไงก็ดูไม่ค่อยเหมือนกับตอนที่เธอเดินออกไปสักเท่าไหร่
แต่เด็กๆ มีนิสัยเดาใจยากเอาแน่เอานอนไม่ได้ ญาธิดาคุ้นชินมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงพาพวกเขาออกจากโรงพยาบาล และพาขึ้นรถทันที
รถยนต์กำลังเคลื่อนตัวไปยังแกรนด์ บูเลอวาร์ดตลอดทาง อีธานไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่ ญาธิดารู้สึกว่าผิดปกติ พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งกอดเจ้าตัวน้อยไว้ในอ้อมกอดของตนเองแน่นๆ พลันก้มหน้ากระซิบถาม “มีอะไรหรือเปล่า? ทะเลาะกับน้องสาวมาเหรอจ๊ะ?”
บางทีเด็กน้อยทั้งสองคนก็ทะเลาะใส่กัน เรื่องกระทบกระทั่งเถียงกันไปมาอย่างไม่มีความสุขถือว่าเป็นเรื่องปกติ
อีธานส่ายหน้า พร้อมทั้งเอนศีรษะแนบชิดอ้อมกอดของญาธิดา พลันกระซิบพูด “ไม่ได้ทะเลาะกันครับ ก็แค่เมื่อกี้นี้คุณอาคนหล่อเขามาครับ…”
พอได้ยินคำเรียกขาน “คุณอาคนหล่อ” นี้ ญาธิดาตกตะลึง พลันมีใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มฉายแวบขึ้นมาในหัวสมองทันที
ภวินท์มาเหรอ? ทำไมเธอไม่รู้เรื่องเลยล่ะ?
อีธานไม่ทันสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ พลันก้มศีรษะลงและพูดต่อไปเรื่อยๆ “คุณอาคนหล่อเอาแต่คุยอยู่กับเอลล่าตลอดเวลา เอลล่าก็เอาเรื่องวันเกิดสองวันของพวกเราบอกกับเขาด้วยครับ นี่มันคือความลับของเราไม่ใช่เหรอครับ? ผมรู้สึกว่าน้องหักหลังพวกเรา….”
พอญาธิดาได้ยิน หัวใจเธอบีบรัดหากันแน่นกว่าเดิม พร้อมทั้งเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นในหัวใจเป็นระยะ
เรื่องวันเกิดตอนแรกเธอก็ได้สั่งกำชับย้ำนักย้ำหนาไม่ให้พวกเขาพูดไปทั่ว โดยไม่คิดเลยว่าเอลล่าจะพูดกับภวินท์ซึ่งๆ หน้า!
ด้วยไหวพริบของภวินท์แล้ว ต้องจับผิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างแน่นอน!
ญาธิดากุมมือเล็กๆ ของอีธานไว้แน่นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น พลันเอ่ยถามทันที “ยังเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกครับลูก?”
“ไม่มีแล้วครับ” อีธานส่ายหน้า หลังจากนั้นพริบตาเดียว ก็ฉุกคิดอะไรได้ขึ้นมาทันที “คุณอาคนหล่อยังช่วยหวีผมให้เอลล่าด้วยครับ….”
คำพูดนี้ ทำให้ญาธิดาตัวสั่นเทา เลือดสูบฉีดพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย
ภวินท์หวีผมให้เอลล่าเหรอ?
เรื่องนี้จำต้องให้เธอคิดมาก!
ถ้าภวินท์เกิดสงสัยเรื่องวันเกิดของเอลล่ากับอีธาน มีความเป็นได้มากกว่าต้องไปตรวจ DNA แน่ ส่วนเรื่องที่เขาหวีผมให้เอลล่านั้น ก็เพื่อจะเก็บรวบรวมข้อมูล!
ร่างกายเธอสั่นเทา จนเกิดความรู้สึกหวาดกลัวตีขึ้นมา
ถ้าเธอจำไม่ผิด เมื่อครู่ในโรงพยาบาลที่พวกเขาอยู่นั้นก็มีแผนกนิติเวชอยู่ ถ้านำเส้นผมไปตรวจสอบDNA เกรงว่าก็สามารถตรวจพิสูจน์จนได้ผลออกมาอย่างรวดเร็ว!
หัวใจญาธิดาบีบรัดแน่น พร้อมทั้งเอ่ยปากพูดตามสัญชาตญาณทันที “หยุดรถ!”
พอคนขับรถที่อยู่ด้านหน้าได้ยินเสียง ก็รีบเหยียบเบรกทันควัน
อัญมณีที่กำลังเล่นอยู่กับเอลล่าที่นั่งอยู่ด้านข้างหันศีรษะกลับมาทันควัน พร้อมทั้งเหลือบมองญาธิดาด้วยความรู้สึกตกอกตกใจ “ธิดา! เกิดอะไรขึ้น!”
ญาธิดาเครียดจนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เธอกัดริมฝีปากไว้แน่น พลางเหลือบมองอีธานกับเอลล่าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
สุดท้าย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันแหงนหน้ามองอัญมณี พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและเข้มงวดมาก “ช่วยดูแลอีธานเอลล่าให้ดีที เอาตัวพวกเขากลับไปส่งบ้าน ฉันมีธุระด่วนที่ต้องไปจัดการ”
ซึ่งเธอไม่สามารถอธิบายถึงรายละเอียดมากมายกับอัญมณี ต่อหน้าเด็กๆ ในเวลานี้ได้
เธอพูดจบ ก็ผลักประตูลงจากรถทันที พลางเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง จากนั้นก็ขึ้นรถไปเลย
“พี่คะ ช่วยไปส่งที่โรงพยาบาลพัฒนาที! ขอแบบด่วนๆ ค่ะ!”
โดยไม่สนว่าภวินท์จะเกิดความสงสัยกับเรื่องนี้หรือไม่ ตอนนี้เธอต้องรีบไปดูที่โรงพยาบาลให้เห็นกับตาถึงจะวางใจได้!
รถแท็กซี่ทะยานอย่างรวดเร็วตลอดทาง โดยเหยียบคันเร่งใช้เวลาสิบกว่านาทีก็มาถึงหน้าประตูโรงพยาบาลแล้ว ญาธิดาจ่ายเงิน พลันผลักประตูรถออกและลงจากรถ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังแผนกนิติเวชทันที
ญาธิดารีบกระหืดกระหอบมายังแผนกนิติเวช ยังไม่ทันถึงหน้าประตูใหญ่ เธอก็เห็นภวินท์ยืนรออยู่ตรงจุดรอเรียกทางด้านนอกแล้ว!
หัวใจเธอบีบรัดแน่น พลันเกิดความรู้สึกเกลียดชังไร้อำนาจควบคุมตีขึ้นมาอยู่ในใจ
ซึ่งตามที่คาดการณ์เอาไว้ เขาสงสัยจริงๆ ด้วย!