ดวงใจภวินท์ - บทที่ 419 หลักฐานเพื่อบีบบังคับเธอ
บทที่ 419 หลักฐานเพื่อบีบบังคับเธอ
ญาธิดากุมโทรศัพท์ไว้แน่น พลันเกิดความรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่สบายใจมากๆ
เรื่องแบบนั้นที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งวันนี้สองคนเจอหน้ากันต้องรู้สึกทำหน้าไม่ถูกอย่างแน่นอน เธอไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรภวินท์ต้องการจะเจอหน้าเธอด้วย
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และตอบกลับไปสองคำ “ไม่ว่าง”
ซึ่งโทรศัพท์สั่นอีกครั้ง อย่างรวดเร็ว “ไม่มาจริงๆ เหรอ?”
ญาธิดตอบกลับอย่างหนักแน่น “ไม่ไป”
“ได้ อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นข้อความสุดท้ายของภวินท์ที่ส่งมา ญาธิดารู้สึกผิดแปลกไปเล็กน้อย จนเธอเกือบสามารถเชื่อมโยงถึงความเย็นชาและรุนแรงของคำพูดประโยคนี้ของภวินท์ที่สื่อออกทางสีหน้าได้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอกลับรู้สึกหัวใจห่อเหี่ยว
ราวกับถ้าเธอไม่ไปหาเขา เขาจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาเช่นนั้น
ญาธิดากัดฟันไว้แน่น พลันกุมโทรศัพท์ จนเกิดความรู้สึกตัดสินใจไม่ได้
เวลานี้เอง พลันมีเสียงรอยยิ้มอันอ่อนโยนของชายหนุ่มดังขึ้นข้างหู “คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”
ญาธิดาหันหน้ากลับไป ก็ประสานดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของธีทัตทันที มือเธอกุมโทรศัพท์ไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม ลังเลสักพัก พลันพูดพร้อมทั้งส่ายหน้าไปมา “ไม่มีอะไรค่ะ เราจะกลับกันตอนไหนคะ?”
“เก็บของเสร็จ ก็สามารถออกเดินทางได้เลยครับ”
ธีทัตพูด พร้อมทั้งยื่นมือ เพื่อปัดผมข้างหูเธออย่างเบามือด้วยความรู้สึกเอ็นดู พร้อมทั้งกระซิบพูดต่อ “อีธาน เอลล่าเตรียมตัวเสร็จแล้วครับ คุณล่ะครับ?”
การเผชิญหน้ากับความสนิทสนมของชายหนุ่มอย่างกะทันหัน ญาธิดาขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งจิตใต้สำนึกเริ่มปฏิเสธทันควัน เธอชะงักชั่วครู่ พลันตอบเสียงแผ่วเบา “ฉันก็เตรียมตัวเสร็จแล้วค่ะ”
ธีทัตจับความผิดปกติไม่ได้ พลันพยักหน้าและกล่าวออกมา “ครับ งั้นผมให้คนไปขับรถมาให้เลยนะ”
เขาพูด พร้อมทั้งก้าวขายาวออกไป เพื่อเดินไปทางด้านนอก
ญาธิดาแหงนหน้า ก็เห็นแผ่นหลังสูงใหญ่ของชายหนุ่ม จนเกิดความรู้สึกหมดความอดทนอยู่ในใจ
เธอเองก็ไม่คิดเลยว่า กระทั่งรู้จักกับธีทัตมาห้าปีแล้ว แต่บางครั้งที่เขาสร้างความสนิทสนมมันกลับไม่คุ้นเคย แต่เธอจดจำได้อย่างชัดเจน เมื่อคืนที่เกิดขึ้นกับภวินท์มันไม่ใช่อย่างนี้….อย่างน้อยสำหรับภวินท์ เธอไม่ได้มีความรู้สึกต่อต้าน
เมื่อรับรู้ถึงจุดนี้แล้ว ญาธิดาตกใจ และเกิดความรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน
หรือว่าในใจของเธอ ภวินท์อยู่ในสถานะที่สูงกว่าธีทัตงั้นเหรอ?
หรือจะพูดว่า ภวินท์อยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอมาโดยตลอด ซึ่งไม่เคยหายไปจากไหนมาก่อนเลย
ความคิดและการคาดเดาต่างๆ นานาราวกับตีกันจนพันยุ่งเหยิง ไม่รู้จักจบจักสิ้น ในหัวสมองของเธอ จนทำให้เธอไม่สามารถปัดความคิดออกไป
จนท้ายที่สุด ก็เห็นอีธานเอลล่าเจ้าเด็กน้อยสองคน เธอทิ้งความทุกข์ใจทั้งหมดวางไว้ด้านหลัง พลันพาพวกเขาเดินทางออกจากสนามม้า และมุ่งหน้ากลับแกรนด์ บูเลอวาร์ดทันที
จังหวะที่มาถึงแกรนด์ บูเลอวาร์ดนั้น ซึ่งตรงกับเวลากลางวันพอดี หลังจากทุกคนรับประทานอาหารกลางวันพร้อมทั้งพักผ่อนอยู่สักพัก ญาธิดาอยากจะอ่านหนังสือ แต่อยู่ดีๆ คุณบิ๊กก็โทรศัพท์หาทันที
คุณบิ๊กไม่มีการเกริ่นนำ พลันสอบปากถามอย่างตรงไปตรงมา “ธิดา วันนี้ตอนบ่ายคุณว่างมั้ย?”
ญาธิดาลังเลอยู่ชั่วครู่ พลันตอบกลับเสียงแผ่วเบา “คุณบิ๊กมีธุระอะไรคะ คุณพูดมาได้เลยค่ะ”
“อาศัยเวลาที่อีธาน เอลล่ากำลังพักผ่อนอยู่ ซึ่งทางเราได้จัดการตกแต่งรูปที่ได้ถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าคุณว่าง ช่วงบ่ายก็เรียนเชิญ เพื่อมาดูรูปภาพสักหน่อยนะครับ”
ญาธิดาตกตะลึง พลางกระซิบพูด “ให้ไปดูที่ไหนคะ?”
คุณบิ๊กแจ้งที่อยู่มา “นี่คือตำแหน่งของสตูดิโอของเราครับ พอตอนคุณมาถึง ก็สามารถเข้ามาได้เลยครับ”
ท้ายที่สุด ญาธิดาถึงได้ถอนหายใจยอมตอบตกลง “ได้ค่ะ ตอนบ่ายฉันจะเข้าไปค่ะ”
เธอเองก็ไม่เต็มใจที่จะทำตัวไม่จริงจังกับเรื่องงานของอีธานเอลล่าอีกอย่างถ้าสามารถเสร็จงานนี้ให้เร็วสักหน่อย เธอก็สามารถพาพวกเขาไปจากเมืองJ ได้เร็วขึ้น
เมื่อคิดเช่นนี้ อารมณ์ไม่เต็มใจญาธิดาพลันมลายหายไปทันที เธอกลับเข้าห้องนอน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า และเตรียมตัวออกจากบ้าน
ก่อนจะออกจากบ้านนั้น ธีทัตสอบถามถึงเหตุการณ์ หลังจากย้ำนักย้ำหนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงได้วางใจให้เธอออกไปคนเดียว
ญาธิดาเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง จากนั้นก็แจ้งที่อยู่ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง เธอก็มาถึงหน้าประตูใหญ่ของที่หมาย
เธอเดินมาอยู่ด้านหน้าโต๊ะเคาน์เตอร์พร้อมทั้งแจ้งรายละเอียดกับผู้ช่วย จากนั้นก็มีคนมีหน้าที่โดยเฉพาะพาเธอขึ้นลิฟต์อย่างรวดเร็ว เพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของผู้กำกับ
ผู้ช่วยพาเธอเดินมาถึงหน้าประตูห้องทำงาน พลันยกมือขึ้นเคาะบานประตู จากนั้นก็ผลักประตูให้ เพื่อเป็นการเรียนเชิญญาธิดาให้เขาไป
ญาธิดาพยักหน้าให้ผู้ช่วยถือว่าเป็นการขอบคุณ พร้อมทั้งก้าวเท้าเดินเข้าไปในด้านใน แต่พอเข้าประตูมานั้น จังหวะที่เห็นผู้ชายนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ฝีเท้าเธอชะงักทันที และยืนนิ่งอยู่กับที่
ทำไมภวินท์ถึงอยู่ที่นี่?
เธอกวาดตาสำรวจโดยรอบ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคุณบิ๊ก เวลานั้น เธอโกรธจัด “คุณบิ๊กล่ะ? แล้วคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
คนที่เรียกเธอมาคือคุณบิ๊กนี่ แต่คนที่เข้ามาต้อนรับขับสู้เธอเป็นภวินท์ไปเสียนี่ เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกว่ามันเป็นเกม ซึ่งตั้งใจวางหมากให้เธอติดกับ
ภวินท์นั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงาน ร่างกายเอนพิงด้านหลัง มุมปากมองเธออย่างกรุ้มกริ่ม และพูดเสียงเรียบเฉย “คุณไม่ยอมมาเจอหน้าผม งั้นผมก็ต้องคิดหาวิธีเอง”
“คุณ…”
ญาธิดาโกรธจัดจนพูดไม่ออก ดวงตาทั้งสองจับจ้องมองเขา เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตนเองสงบสติอารมณ์ลง และเอ่ยปากถามอย่างจริงจัง “ตกลงว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องพูดกันต่อหน้าให้ได้?”
ภวินท์นั่งหลังตรง จากนั้นก็หยิบเอกสารที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาหนึ่งฉบับ และวางลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งพูดเสียงปกติ “ดูนี่สิ”
ญาธิดาลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเดินมาหยิบเอกสารพลิกเปิดดู
หลังจากเปิดดูอยู่หลายหน้า จนเธอย่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างอดใจไม่ไหว “มันหมายความว่ายังไง?”
เพราะนั่นเป็นสัญญาถ่ายหนังสั้นหนึ่งฉบับ ฝ่าย B ต้องปฏิบัติตามฝ่าย A ซึ่งตามตัวเนื้อหาที่ฝ่าย Aระบุไว้ ซึ่งเป็นหนังสั้นการกุศลซึ่งสิ่งที่ทำให้ญาธิดาแปลกใจก็คือ ข้อมูลของฝ่าย B ที่กำกับเอาไว้ด้านบน ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเธอ
ภวินท์นั่งหลังตรง พร้อมทั้งพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “คุณได้เห็นความหมายแล้วนะ นี่เป็นหนังสั้นการกุศล ทางSTN Groupอยากจะขอเรียนเชิญคุณมาเป็นผู้กำกับครับ”
เมื่อสบตาดวงตาดำขลับของเขา จิตใต้สำนึกของญาธิดาต้องการปฏิเสธ เธอวางสัญญาฉบับนั้นลงบนโต๊ะ และกล่าวตอบปฏิเสธ“ฉันไม่อยากรับค่ะ”
แม้ว่าเงื่อนไขตามสัญญาที่ระบุไว้ด้านบนและค่าตอบแทนจะยอดเยี่ยมมาก แต่เธอก็ไม่เต็มใจที่จะรับงาน เธอคิดแค่ว่าทำงานที่คั่งค้างเสร็จแล้ว ก็จะพาอีธานเอลล่าออกไปจากเมือง J ให้เร็วที่สุด
อากัปกิริยาตอบโต้กลับของหญิงสาว ภวินท์แทบไม่ตกใจสักนิด เขาลุกขึ้นยืน และก้าวเท้าเดินมาหาเธอ รูปร่างสูงใหญ่นำพาอาการกดดันมาอย่างไร้รูปร่าง เขาพลันพูดเสียงเข้ม “แต่นี่เป็นหนังสั้นนั้น มีแค่คุณเท่านั้นที่ถ่ายได้”
ญาธิดาถอยหลังตามสัญชาตญาณทันที พลันพูดตอบปฏิเสธ “ขอโทษค่ะ ฉันถ่ายให้ไม่ได้”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น “หรือว่าเงื่อนไขยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับคุณ?”
ญาธิดาส่ายหน้า “เหตุผลของตัวฉันเอง”
เธอพูด พร้อมทั้งหันหลังให้ พลันก้าวฝีเท้ามุ่งหน้าไปประตู แต่เพิ่งจะเดินไปสองก้าว จู่ๆ ก็มีเสียงที่ทำให้เธอหน้าแดงจนลามยาวไปถึงใบหูมาจากทางด้านหลังอย่างทันท่วงที
ฝีเท้าเธอแข็งทื่อทันที พลันหันหน้ากลับมาชะเง้อมองทันควัน จึงมองเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของภวินท์ เสียงนั้นมันดังออกมาจากด้านในนั้น
เป็นเสียงครางกระเส่าตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม จนปลุกความทรงจำของเธอทันที ซึ่งไม่มีที่ไหน แต่เป็นเสียงตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันเมื่อคืนวานนี้!
ญาธิดาราวกับถูกสายฟ้าฟาดกลางกระหม่อมทันที หลังจากตื่นตกใจแล้ว ก็มีความโกรธเคืองพลุ่งพล่านไปสุดขั้วหัวใจ
เธอก้าวฝีเท้าเดินไปทางด้านหน้า พร้อมทั้งใช้สายตาโกรธแค้นมองภวินท์ “คุณคิดจะทำอะไร?”
“นี่ก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขครับ” ภวินท์กดหยุดค้าง พลันเก็บโทรศัพท์ลง พร้อมทั้งเม้มริมฝีปากจนแสดงความเย็นชาออกมาเล็กน้อย “ถ่ายหนังสั้นเสร็จ อันนี้ผมจะส่งให้คุณพร้อมกัน”
ญาธิดาโกรธจนกัดฟันไว้แน่น “งั้นถ้าฉันไม่ถ่ายล่ะ?”
นัยน์ตาภวินท์เคลือบรอยยิ้มความเรียบเฉยเอาไว้อีกชั้น “ผมก็จะเก็บไว้ให้ตนเองชื่นชมต่อ”
พูดจบ เขาก็หันหลังให้ พร้อมทั้งก้าวเท้าเดินมุ่งหน้าไปยังโต๊ะทำงานราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ญาธิดาโกรธจนตัวสั่นเทา ซึ่งตอนนี้ในมือของเขากุมวิดิโอแบบนั้นของเธอเอาไว้ และไม่ว่าจะยังไงก็สามารถสร้างความเสียหายของชื่อเสียงให้ดังกระฉ่อนไปได้ไกล จนกลายเป็นเรื่องตลกล้อเลียนเรื่องใหญ่ที่สุด!
ที่เหล่านั้นเกิดขึ้นเมื่อคืนวาน กลายเป็นหลักฐานในการบีบคั้นเธอ ที่สามารถเป็นหลักฐานในการบีบคั้นที่ทำให้ชีวิตของเธอพังพินาศ!