ดวงใจภวินท์ - บทที่ 421 รำลึกถึงความหลังครั้งเก่ากับเธอ
#บทที่ 421 รำลึกถึงความหลังครั้งเก่ากับเธอ
นิวราเบิกตาโต และเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าแววตาไม่อยากจะเชื่อ “พี่วิน นี่พี่กำลังสงสัยนิวอยู่เหรอคะ?”
ตอนที่กำลังพูดอยู่นั้น โดยที่ไม่รอให้ภวินท์ตอบกลับ น้ำตาเธอก็ไหล “พรั่งพรู” ลงมาทันที
หัวไหล่เธอสั่นสะท้านอย่างตัดพ้อ ร้องไห้ฟูมฟายปานสายฝนกระหน่ำ “พี่วิน เรื่องพรรค์นี้ทำไมนิวต้องมาบอกคุณพ่อด้วยล่ะคะ? ถึงแม้ในใจของพี่ยังมีญาธิดาอยู่ นิวก็ยังรับได้…”
เมื่อเห็นภาพนั้น หัวคิ้วภวินท์ย่นเข้าหากัน จนเกิดความรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากะทันหัน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน น้ำตาของนิวราจะเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบยาบ แต่ในเวลานี้เมื่อเขาเห็นเธอร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าตนเองแล้ว จนเกิดความรู้สึกหมดความอดทนและหงุดหงิดใจปรากฏขึ้นมาในหัวใจมากมาย
“พี่วิน…” นิวรายื่นมือออกมา เพื่อคว้าข้อมือของเขาเอาไว้
หัวคิ้วภวินท์ขมวดเจ้าหากันแน่นกว่าเดิม เขาดึงมือของตนเองสะบัดให้หลุดจากมือของหญิงสาว พลันใช้มือควานหาบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋าออกมา และโยนลงบนโต๊ะด้านข้างทันที
นัยน์ตาดำขลับของเขาจับจ้องมองเธอ พร้อมพูดเสียงเย็นชาใส่ “งั้นเธอจะอธิบายเรื่องนี้ว่ายังไง”
นิวราสูดลมเย็นๆ เข้าปอด ร่างกายเกร็ง พลันช้อนสายตามองบนโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้าง
ซึ่งเป็นรูปที่กระจัดกระจายอยู่หลายใบ ร่างกายเลือนราง เป็นผู้ชายคนที่ใส่ชุดสีดำทั้งชุด แถมยังใส่หมวกแก๊ปใบหนึ่งที่สามารถบิดปังใบหน้าครึ่งหนึ่งอยู่บนหัว เพียงสามารถมองเห็นใบหน้าทางด้านข้างได้อย่างเลือนราง
แต่เธอแค่มองคนที่อยู่ในรูปแวบเดียวก็จำได้ทันที เพราะว่านั่นเป็นลูกน้องที่เธอคุ้นเคยมากที่สุด — ชยิน!
แววตาของเธอแข็งทื่ออย่างฉับพลัน พลันหายวับไปกับตา จนเปลี่ยนเป็นสีหน้าท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์แบบเดิมอย่างรวดเร็ว พลันแหงนหน้ามองภวินท์ และเอ่ยปากถาม “พี่วิน นี่คืออะไรคะ?”
ภวินท์หรี่ตาลงเล็กน้อย เพื่อประเมินปฏิกิริยาตอบสนองกลับของเธอ ริมฝีปากบางอันเย็นเฉียบเม้มเป็นขีดเส้น แต่ไม่ได้ตอบกลับ
นิวราโดนเขาจ้องจนขนลุก เมื่อไม่ได้คำตอบ เธอหยิบรูปภาพหลายใบนั่นขึ้นมาทำเป็นกิจจะลักษณะ และคอยมองดูทีละรูปวนไปเรื่อย พอใบสุดท้ายถ่ายได้ชัดเจนที่สุด จนสามารถมองเห็นใบหน้ารูปพรรณสัณฐานของผู้ชายอย่างชัดเจน
ซึ่งเป็นชยินอย่างไม่ต้องสงสัย
นิวราถลึงตาโตเล็กน้อย พลันช้อนสายตาเหลือบมองภวินท์อย่างตกอกตกใจ “เขา…เขาคือชยิน! เขาอยู่ในคุกไม่ใช่เหรอคะ! ทำไมถึง…”
เมื่อมองหญิงสาวที่ไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาสักนิด ภวินท์ขมวดคิ้ว พลันก้าวเดินไปทางด้านหน้าครึ่งก้าว พร้อมใช้สายตาจับจ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับต้องการจะมองในใจของเธอให้ทะลุปรุโปร่งเช่นนั้น
ท้ายที่สุด เขาก็ขยับฝีปาก พร้อมทั้งพูดเสียงเข้ม “เธอไม่รู้สารทุกข์สุขดิบของเขาเหรอ?”
เมื่อห้าปีก่อนตอนที่ญาธิดาถูกรถมอเตอร์ไซต์พุ่งชนตั้งแต่ครั้งนั้น ชยินยอมจำนน ยอมพูดว่าตนเองเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง แต่ว่าตอนนี้ การถูกจองจำในคุกยังไม่ถึงห้าปี เขาก็ถูกปล่อยตัวก่อนกำหนดเวลา อีกทั้งได้เกิดอุบัติเหตุมากมายกับญาธิดาตั้งหลายครั้งหลายคราติดๆ กัน แถมยังมีกล้องวงจรปิดที่สามารถถ่ายชยินเอาไว้ได้
เรื่องนี้ทำให้เขาอดคิดมากไม่ได้
เมื่อครั้งที่แล้วเอลล่าถูกงูเหลือมกัด ครั้งนี้ญาธิดาหล่นจากหลังม้า ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมันช่างแปลกเหลือเกิน
นิวราช้อนสายตาขึ้น ดวงตาแดงก่ำ “พี่คิดว่านิวรู้ถึงความเป็นอยู่ของชยินงั้นเหรอคะ?”
ภวินท์พูดเน้นย้ำทุกคำ “นิว บอกความจริงกับผมมา”
เขาก็ไม่อยากไปตรวจสอบเอาเอง ถ้าสุดท้ายตรวจสอบจนเจอออกมาจริงๆ เขาจะผิดหวังมาก
นิวรากัดฟัน จู่ๆ ก็ย้อนถามกลับทันที “พี่วิน เพื่อผู้หญิงคนนั้น พี่ก็สามารถสงสัยในตัวนิวง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอคะ?”
“เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว พี่กับผู้หญิงคนนั้นก็รู้จักกันมานานขนาดไหนเหรอ นิวยังดีไม่พอเหรอ?”
นิวราพูด พร้อมทั้งน้ำตาไหลพรากเป็นสายลงมา
ภวินท์ขมวดคิ้ว พลันฉุกคิดเรื่องเหล่านั้นก่อนหน้านี้ จนสีหน้ายิ่งหม่นหมองมากกว่าเดิม
ซึ่งเมื่อก่อนนี้เขาเชื่อนิวราทุกอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พอหลังจากนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายเหลือเกิน เขาเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักความสามารถของตนเอง ไม่ใช่เป็นเพราะว่าน้ำตาของเธอจนแยกแยะอะไรไม่ออกว่าอะไรถูกหรือผิด
“นิว ฉันให้เวลาเธอ เธอไตร่ตรองให้ดีว่าจะพูดกับฉันว่ายังไง ถ้าเรื่องแบบนี้เธอโกหกฉัน งั้นการแต่งงานของเราก็ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว”
เขาพูดจบ พร้อมทั้งหันหลังให้อย่างเฉียบขาด พร้อมทั้งก้าวฝีเท้ามุ่งหน้าเดินไปยังประตู
นิวราหัวใจบีบรัดแน่น พลันอดใจตั้งคำถามกลับไม่ได้ “พี่วิน! พี่ยังรำลึกถึงความหลังครั้งก่อนกับญาธิดาอยู่ใช่มั้ย?”
ฝีเท้าชายหนุ่มชะงักทันที แผ่นหลังสูงใหญ่แข็งทื่อ จากนั้นพริบตาเดียว ก็ก้าวขาเรียวยาวเดินออกจากห้องทันที
วินาทีที่บานประตูปิดลง นิวราก็ทรุดตัวลงกองกับพื้นทันที พลันกำมือแน่น หน้าซีดเผือดจนทำให้คนตกอกตกใจ
หลังจากนั้นชั่วครู่ ความโกรธเกรี้ยวลุกโชนในดวงตาเธอ
ทำไมเธอถึงคาดไม่ถึง ว่าภวินท์จะตรวจสอบเรื่องของชยิน! เธอตั้งใจสั่งกำชับชยินให้ระวังแล้ว แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ยังจะถูกสอดส่องจนถ่ายเอาไว้ได้!
สิ่งที่ทำให้เธอคาดไปถึงมากกว่านั้นก็คือ ภวินท์กลับใช้ชีวิตการแต่งงานของพวกเขามาข่มขู่ให้เธอบอกความจริง! ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน เขาให้ความสนใจในตัวของญาธิดามาก!
ความอึดอัดในใจเธอจนมันทำให้หายใจไม่ออก เธอกำหมัดแน่น พลางใช้มือหยิบแจกันทางด้านข้างขึ้นมาพลันฟาดลงกับพื้นทันที “เพล้ง!”
“เพล้ง!” เสียงดังชัดเจน แจกันแตกละเอียด แผ่นกระเบื้องแตกเป็นเศษนับไม่ถ้วน กระจัดกระจายไปทั่วทิศทาง
เธอกัดฟันแน่น ยังรู้สึกว่ายังระบายไม่มากพอ พลันยื่นมือออกมาคว้าแจกันอีกใบที่อยู่ด้านข้างเพื่อเตรียมจะเขวี้ยง แต่สายตาเหลือบมองเศษที่กองอยู่ที่พื้น ชั่วขณะนั้น เธอมีไหวพริบดีจนจุดประกายขึ้นมาทันที และคิดอะไรออก
เธอชะงักการกระทำทันที พลันหลุบตาเหลือบความแหลมคมของเศษกระเบื้องที่อยู่บนพื้น จู่ๆ ก็ฉุกคิดแผนการขึ้นมาได้ในใจ
เมื่อภวินท์เดินออกมาจากห้องนอนหลัก จึงเงยหน้ามองปกรณ์กับมรกตที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ซึ่งเตรียมแสดงท่าทีจะกลับออกไป
เขาก้าวฝีเท้าเดินไปทางด้านหน้า พลันมองปกรณ์ด้วยสีหน้าเฉยเมย “คุณพ่อจะกลับแล้วหรือครับ?”
ปกรณ์ขมวดหัวคิ้ว พลันบ่นพึมพำ “ถ้าฉันอยู่แกก็จะทำให้โมโหจนอกแตกตายแน่ๆ!”
มรกตที่อยู่ทางด้านข้างเห็นเหตุการณ์ จึงรีบยื่นมือออกไปลูบหลังปกรณ์เพื่อให้สงบสติ “พอแล้วค่ะพอแล้ว เมื่อกี้ก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ? ว่าจะกลับ จะได้ไม่ไปรบกวนสองคนผัวเมีย!”
ปกรณ์บ่นพึมพำ พลันเหล่ตามองภวินท์ พร้อมทั้งกำชับเสียงเคร่งขรึม “ทำตัวดีๆ กับนิว ตอนแรกแกก็ต้องการจะแต่งเขาเข้าตระกูลให้ได้ ตอนนี้กลับไม่รับผิดชอบ พูดไม่เป็นคำพูด? จะทอดทิ้งเขาก็อย่าลากตระกูลสถิรานนท์ของเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย!”
พูดจบ เขาก็เอามือไพล่หลัง จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินขึ้นรถที่อยู่ด้านข้าง
มรกตที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองมาทางภวินท์ พลันฉีกยิ้มให้ “คุณพ่อของแกเป็นพวกปากร้ายใจดี คำพูดที่พูดออกมาในวันนี้ก็อย่าเก็บไปคิดเลยค่ะ ปฏิบัติตัวดีกับนิวก็พอแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดอันสุภาพที่วางตัวอย่างผู้รากมากดีของมรกต ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าไร้ความเปลี่ยนแปลง พลันพูดอย่างเรียบเฉย “ทราบแล้วครับ คุณน้า”
เมื่อได้ยินการเรียกขานเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้ามรกตเกร็งทันที และก็ไม่ได้พูดว่าอะไรต่อ พลันหันหลังให้และเดินขึ้นรถไป
ภวินท์ยืนอยู่หน้าประตู จึงมองเห็นพวกเขาเคลื่อนรถออกไป เวลานี้เอง ห้องนอนชั้นสองก็มีเสียงสิ่งของตกแตกกระจุยกระจายดังขึ้น “เพล้ง!”
เขาขมวดคิ้วแน่น พร้อมทั้งก้าวฝีเท้าเดินมาทางรถยนต์ และขึ้นรถทันที “ไปกัน ไปหาหลุยส์ที่นั่น”
เขาพูด พร้อมทั้งแหงนหน้ามองรถยนต์ที่อยู่ทางด้านหน้าที่ไม่ไกลนัก พร้อมทั้งพูดเพิ่มเติม “เลี่ยงไปอีกเส้นทางนะ”
เมื่อมาถึงห้องเก็บไวน์ ตอนที่ภวินท์ดื่มไวน์แดงไปได้ครึ่งขวด หลุยส์ถึงปรากฏตัวขึ้น
หลุยส์เดินมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขา “เกิดอะไรขึ้น? ช่วงนี้แกมาหาฉันที่นี่วันเว้นวันก็ว่าได้”
“คุยเรื่องจริงจังกันหน่อย”
ภวินท์วางแก้วไวน์ในมือลง สีหน้าดูเคร่งเครียดจริงจังมากขึ้นเยอะ “สิงโตมันโผล่หัวออกมาแล้วใช่มั้ย”
วินาทีที่สิ้นเสียง สีหน้าหลุยส์เคร่มขรึมลงมาก
ชั่วครู่ เขานั่งหลังตรง พร้อมทั้งเอ่ยถามเสียงเข้ม “แกรู้ได้ยังไง?”
ด้วยสถานะของภวินท์ในเวลานี้ แล้วเขาจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ได้ยังไงกัน?