ดวงใจภวินท์ - บทที่ 422 ไม่สู้ปราบคนเอาไว้ก่อน
คำพูดประโยคนี้ของเขา แสดงให้เห็นถึงคำถามของภวินท์มันคือเรื่องจริง
สีหน้าภวินท์หม่นหมองลง นัยน์ตาฉายความเย็นชาแวบผ่าน จากนั้นก็เอนตัวพิงด้านหลัง พลันหรี่ตาลง “รายงานถึงความเคลื่อนไหวของเขาในช่วงนี้มาทีสิ”
เมื่อหลุยส์ได้ยิน พลันย่นคิ้วหากันทันที “วิน แกรู้นี่ว่าทำแบบนี้มันผิดวินัย”
ราวกับคาดการณ์ได้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาจะพูดเช่นนี้ ภวินท์ไม่ได้แสดงความตกใจกับคลื่นลูกใหม่ที่กระทบเข้ามาเลย พลางหลุบตาลงและกล่าวทันที “แกไม่พูดฉันก็พอเข้าใจได้ แต่มันติดปัญหาเรื่องเวลานี่แหละ”
พอหลุยส์ได้ยิน อารมณ์คุกรุ่นทันที “แกคิดจะทำอะไร? แม้ว่าแกจะเข้าใจร่องรอยพฤติกรรมของเขา แล้วแกอยากจะทำอะไร?”
ภวินท์เงียบงัน จนไม่ยอมพูดแม้สักคำออกมาอีก
เขารู้ดีอยู่แก่ใจ เมื่อห้าปีก่อนเขาไม่ได้โค่นล้มสิงโต เขาฝังทุ่นระเบิดไว้ให้ตัวเอง ทุ่นระเบิดนี้ สามารถระเบิดได้ตลอดเวลา ติดปัญหาเรื่องเวลาก็เท่านั้นเอง
ซึ่งในเวลานี้สิงโตกลับมามีชีวิตชีวาอยู่ในแผ่นดินเมืองJ อีกครั้ง งั้นเขาเปิดเผยตัวตนอยู่ใต้จมูกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เขาอยู่ในที่แจ้ง ส่วนสิงโตอยู่ในที่ลับ การที่เขาลงมือกับมัน ซึ่งเป็นเรื่องไม่ช้าหรือเร็วก็เท่านั้นเอง
แทนที่จะเป็นฝ่ายถูกกระทำ ไม่สู้เขาเริ่มคุมเกมชิงลงมือดักหน้าไปก่อน
ภวินท์ช้อนตา พลันเหลือบมองหลุยส์ด้วยแววตาซ่อนเร้นไม่ชัดเจน “แกกับฉันต่างก็รู้ดีว่าเขาเป็นคนแบบไหน วันนี้แกไม่บอกฉัน พรุ่งนี้ฉันอาจจะตายอยู่ในเงื้อมมือเขาก็ได้”
น้ำเสียงเขาเย็นชาถึงขีดสุด หลุยส์ที่กำลังฟังอยู่ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ความจริงแล้ว ภวินท์ก็พูดไม่ผิดหรอก คนอย่างสิงโต ร้ายกาจมาก ทั้งเจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุด ปีนั้นเสียท่าให้ภวินท์ เขาต้องกลับมาชำระแค้นแน่
หลุยส์ยื่นมือออกไป เพื่อคว้าแก้วเปล่าที่อยู่ทางด้านข้าง และเทเหล้าลงเต็มแก้ว จากนั้นก็หงายหน้ากระดกหมดแก้ว
ของเหลวเผ็ดร้อนไหลลงคอ ไหลลงกระเพาะเย็นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
เขาย่นคิ้ว พร้อมทั้งนำแก้วไวน์วางลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง พลันช้อนสายตามองภวินท์ “วิน เดี๋ยวเอกสารฉันจะเอาให้แกเอง…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ภวินท์ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจแจ่มแจ้ง “ฉันเข้าใจดี”
เขาพูด พร้อมทั้งยกมือขึ้น และแตะลงบนหัวไหล่ของหลุยส์ “วางใจเถอะ ฉันไม่ทำให้เพื่อนรักลำบากใจที่จะต้องทำให้หรอกน่า”
หลุยส์ไม่ได้พูดอะไร ตะลึงอยู่ชั่วครู่ เขาก็คิดอะไรออก พลันช้อนตามองเขา พร้อมทั้งเอ่ยปากพูดอย่างอดเสียไม่ได้ “ทำไมแกไม่ไปหาจรณ์วะ แล้วลองคุยดูดีๆ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปีนั้น พร้อมทั้งยอมขอโทษกับเขาซะ”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้บรรยากาศที่เพิ่งจะผ่อนคลายลงเมื่อครู่ จู่ๆ บรรยากาศก็จมดิ่งเย็นชาอย่างฉับพลัน
ภวินท์ไม่ได้เอ่ยปากพูด ซึ่งใช้สายตาเหลือบมองมาราวกับอาบใบมีดมาด้วยอย่างไม่ถูกใจ จนทำให้คนเราไม่กล้าจะพูดอะไรเพิ่มแม้สักครึ่งประโยค
ซึ่งในตอนท้าย เขาหดมือลง พลันลุกขึ้นยืน “ฉันไม่รู้สึกเสียใจทีหลัง”
เขาพูด พร้อมทั้งก้าวฝีเท้า และเดินมุ่งหน้ามายังประตู และพูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค “ยังมีเรื่องอื่นอีก กลับก่อนนะ”
เมื่อห้าปีก่อน การที่เขาต้องผ่านความทุกข์ทรมานและความลำบากมาตั้งมากมายเพื่อช่วยเหลือญาธิดา ซึ่งวันนี้กลับไปมองดูซ้ำอีกครั้ง เขาก็ยังคงไม่รู้สึกเสียใจอยู่ดี
รูปร่างสูงเพรียวของชายหนุ่มหายวับไปตรงประตูห้องเก็บไวน์ นัยน์ตาของหลุยส์ก็ยิ่งหม่นหมองลงเรื่อย…
หลังจากออกมาจากห้องเก็บไวน์ ภวินท์ก็เดินทางมาถึงบริษัท และทำการเปิดประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แบบง่ายๆ ขึ้นมา พลันเซ็นเอกสารอีกหลายฉบับ เวลาล่วงเลย จนหมดบ่ายของวันไปแล้วอย่างไม่รู้ตัว
จนถึงเวลาเลิกงาน ภวินท์ได้จัดการงานที่อยู่ในมือจนเสร็จสิ้น พลันแหงนหน้ามองนอกหน้าต่าง ถึงได้ค้นพบว่าท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอกมืดครึ้มลงแล้ว รถยนต์คลาคล่ำ แสงไฟนีออนสว่างจ้า
ยามอาทิตย์อัสดง ซึ่งเป็นเวลาที่เขารู้สึกสูดลมหายใจคล่องคอได้มากที่สุด
ในเวลานี้เอง จู่ๆ บานประตูห้องทำงานมีคนผลักเข้ามา พายุเร่งเท้าเดินเข้ามา หัวคิ้วนำพาความร้อนใจอยู่มาก “ท่านประธาน เกิดเรื่องแล้วครับ”
ภวินท์หันหลังกลับมา “เกิดอะไรขึ้น?”
“ทางเรือนหอแจ้งข่าวมาครับ ว่าคุณนิวกรีดข้อมือ เพิ่งส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเมื่อกี้นี้เองครับ”
“อะไรนะ!”
สีหน้าภวินท์หม่นหมองลงถนัดตา “โรงพยาบาลอะไร?”
เขาพูด พร้อมทั้งก้าวฝีเท้ายาวๆ เดินออกไปยังด้านนอก
“โรงพยาบาลสงฆ์ครับ!”
ทั้งสองคนรีบเร่งลงมายังใต้ตึก รถยนต์มาจอดรอตรงประตูใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามเป็นจังหวะชั่วโมงเลิกงานพอดี ถนนหลักทางด้านหน้าของบริษัทติดขัดจนยาวเป็นหางว่าว
การเดินทางมีรถติดบ้างเดินทางสะดวกบ้างตลอดทาง รอจนเวลาที่พวกเขามาถึงโรงพยาบาล ก็ช่วยนิวราไว้ได้แล้ว จนตัวถูกส่งเข้าไปอยู่ในห้องICUเพื่อดูอาการ
“ขอโทษนะคะคุณผู้ชาย คนป่วยบอกว่าเธออยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่หวังที่ถูกรบกวน”
ประตูห้องICU มีพยาบาลคนหนึ่งคอยขวางอยู่หน้าประตู เพื่อไม่ให้ภวินท์ได้เข้าไป
ภวินท์ขมวดคิ้ว สีหน้าหม่นหมองจนทำให้คนตกใจ
พายุที่อยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์ พลันเหลือบมองและพูดกับภวินท์ “ท่านประธานครับ เดี๋ยวผมจะโทรศัพท์หาผู้อำนวยการโรงพยาบาลเองครับ”
เขาพูด พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
เมื่อพยาบาลสาวได้ยิน ก็ทำหน้าตกใจจนซีดเผือดทันที แค่มองผู้ชายที่อยู่ด้านหน้าแวบเดียวเธอก็รู้ว่าเขาไม่ใช่บุคคลธรรมดา ซึ่งตอนนี้ได้ยินคำว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลอีกครั้ง เธอเองก็ไม่กล้าเอาเรื่องยิบย่อยนี้ไปสร้างความตกใจให้กับผู้บริหารระดับสูง จึงยอมถอยหลีกไปทางด้านข้างให้อย่างทันควัน “อย่า อย่านะคะ…”
“พวกคุณเข้าไปเถอะค่ะ”
เมื่อพายุได้ยิน ก็จัดการผลักประตูเข้ามาทันที
ภวินท์ไม่ได้แสดงความลังเลสักนิด พลันก้าวเท้ายาวๆ เดินเข้ามาด้านในทันที
พอเดินเข้าประตูมา เขาจึงมองเห็นท่าทางของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง นิวราหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ และนอนหมดสภาพไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียง ราวกับตุ๊กตากระเบื้องที่แตกสลายตัวหนึ่ง
ตอนที่เห็นชายหนุ่มปรากฏอยู่ตรงประตูนั้น น้ำตาของเธอก็คลอเบ้าทันที “พี่วิน…”
วินาทีนั้น จู่ๆ ภวินท์ก็ฉุกคิดถึงนิวราที่เคยนอนติดเตียงแบบนั้นอยู่นาน ซึ่งมีลักษณะอ่อนแอซีดเผือด และไม่สามารถทนต่อความหนาวเย็นแม้เพียงสักนิด
ความเย็นชาที่อยู่ในใจเป็นทุนเดิม เมื่อฉุกคิดน้องสาวตัวน้อยที่คอยเดินตามก้นตนเอง จู่ๆ ก็อ่อนข้อลงทันที
เขาก้าวฝีเท้าไปทางด้านหน้า พร้อมทั้งพูดเสียงเข้ม “อย่าขยับ”
เขาพูด พร้อมทั้งเหลือบตามองผ้าก๊อซที่พันมือของหญิงสาวเอาไว้ จากนั้นก็หน้านิ่วคิ้วขมวด พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆ แบบนี้?”
น้ำเสียงสอดแทรกคำต่อว่าต่อขานอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าจะเย็นชาใส่แบบนั้น เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ
น้ำตาของนิวราพรั่งพรูเป็นลูกปัดลงมาอย่างไม่ขาดสาย ไหลลงด้านล่างหยดติ๋งๆ พลันชูมือข้างหนึ่งขึ้นคว้ามือของภวินท์ไว้อย่างแผ่วเบา “พี่วินคะ ทำไมพี่ไม่เชื่อนิว…”
“นิวไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ทำไมพี่ถึงไม่เชื่อนิว…”
“ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ความนึกคิดของนิวทั้งหมดก็อยู่ที่ตัวพี่ทั้งสิ้น พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงให้เชื่อฟัง พยายามที่จะเอาใจพี่ให้พี่สบายใจ พยายามจะเป็นภรรยาที่มีคุณสมบัติ แต่พี่คอยเอาแต่ทำตัวห่างเหินนิวอยู่ตลอดเวลา จนนิววิ่งไล่ยังไงก็ไม่เคยไล่ตามทันสักที…”
“……”
นิวราพูด พร้อมทั้งร้องไห้จนหายใจไม่ทัน จนทำให้คนดูน่าสงสารถึงที่สุด
เมื่อภวินท์เห็นเหตุการณ์ จนหัวใจเจ็บหนักหน่วงอยู่เล็กน้อย ราวกับความทรงจำเมื่อครั้งก่อนมันตีขึ้นมาอย่างกับเกิดน้ำท่วม จนทำให้เขาพูดไม่ออกหนักกว่าเดิม
“พี่วิน นิวรู้ว่าพี่กับญาธิดาเคยแต่งงานมาก่อน แต่ตอนนี้คนที่อยู่ข้างกายพี่ไม่ใช่นิวเหรอ? เธอก็มีครอบครัวของเธอไปแล้ว พี่ก็มีครอบครัวของพี่ พวกเราต่างอยู่กันคนละภาคส่วนกันแล้ว และก็อยู่กันอย่างสุขสบายดี…”
นิวราพูดและร้องไห้ จนหัวไหล่สั่นสะท้าน และแสดงความน้อยใจถึงขีดสุด
พอภวินท์ได้ยินดังนั้น ในหัวใจราวกับมีอะไรมาจุกอก น้ำท่วมปากกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทรมานถึงขีดสุด
มีทั้งความไม่ยินดี มีทั้งความรู้สึกเจ็บใจ และมีความสับสนที่มันมากกว่าทุกอย่าง
เขายื่นมือออกมา เพื่อดึงทิชชูออกมาสองแผ่น และจัดการปาดน้ำตาที่อยู่บนแก้มของเธออย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งกดเสียงต่ำพูด “ฉันเข้าใจผิดเอง ฉันก็แค่รีบร้อนจนเกินเหตุที่ต้องการหาความจริงให้เจอ…”
ชยินเป็นอดีตลูกน้องที่ภักดีกับนิวรามาก ซึ่งเวลานี้เขาออกจากคุกแล้ว และคอยเร่ร่อนปรากฏตัวอยู่ใกล้กับญาธิดา จนทำให้เขาเชื่อมโยงจจนทึกทักมาถึงเธอเอาเอง
“พี่วิน พี่ก็รู้ดี นิวก็แค่อยากอยู่กับพี่ คนอื่นจะเป็นยังไงฉันก็ไม่สน คนที่ฉันสนใจมีแค่พี่มาโดยตลอด…”
นิวราสารภาพความรู้สึกออกมา จนทำให้ชั้นความเย็นชาที่เคลือบอยู่นอกหัวใจของภวินท์ค่อยๆ ละลายลง
เขากุมมือหญิงสาวเอาไว้แน่น พลันเลิกคิ้วและหลุบตาลง พร้อมทั้งพูดอย่างสุขุม “พี่เข้าใจเธอผิดเอง…”
ซึ่งไม่รู้ว่าระยะเวลาผ่านไปนานขนาดไหน นิวราร้องไห้จนหมดแรง จนงอตัวอยู่บนเตียงนอน และผล็อยหลับไป
ภวินท์นั่งอยู่ข้างเตียง และคอยจับจ้องมองเธออยู่นานมากอยู่คนเดียว
ท้องฟ้าด้านนอกมืดขึ้นเรื่อยๆ เขาจ้องมองข้อมือเรียวของหญิงสาวที่ถูกผ้าก๊อซพันเป็นชั้นเอาไว้หนาๆ จนความรู้สึกสงสัยที่อยู่ในใจก็ค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ
เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของตนเอง นิวรายอมเอาชีวิตของตนเองเข้ามาเดิมพันโดยไม่เสียดายชีวิต ดูเหมือนว่าครั้งนี้ เขาเข้าใจเธอผิดไปแล้วจริงๆ