ดวงใจภวินท์ - บทที่ 433 เชื่อใจฉันก็พอ
ที่เก็บของหลังรถทั่วทั้งหมดเปียกโชกไปด้วยเลือด ราวกับฉากฆาตกรรม ภายในที่เก็บของหลังรถมีแมวตัวหนึ่งนอนตายสภาพน่าสงสาร และสองตัวโดนควักลูกตาออกมาถูกโยนทิ้งไว้ด้านหนึ่ง
ญาธิดาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเปิดที่เก็บของหลังรถแล้วจะเห็นฉากแบบนี้ ร่างกายของเธอสั่นไปทั้งตัว สองมือปิดปากเอาไว้ ลำคอของเธอเกร็งแน่น เธอส่งเสียงไม่ออก
เธอกัดริมฝีปาก ความรู้สึกเจ็บปวดทำให้ตัวเธอเองรับรู้ได้มากขึ้นนิดหน่อย เธอเงยหน้าขึ้นไปมองอีก ในขณะนี้จึงได้รู้ว่าที่เก็บของหลังรถนอกจากจะมีแมวตัวนั้นแล้ว ก็ยังมีการ์ดที่คุ้นเคยอยู่ใบหนึ่ง เธอไม่ทันได้อ่านข้อความด้านบนดี สายตาก็กวาดไปยังสัญลักษณ์ใยแมงมุมตรงด้านล่างมุมขวา ร่างกายก็แข็งทื่อขึ้นมาทันใด
สัญลักษณ์นี้อีกแล้ว!
คนที่วางแผนทั้งหมดนี้คือใครกันแน่!
เธอเคลื่อนสายตาสูดลมหายใจลึก ยื่นมือออกไปปิดที่เก็บของหลังรถ เท้าอ่อนแรงถอยหลังไปสองสามก้าว
ความกลัวออกมาเองจากก้นบึ้งของหัวใจ โปรยเม็ดฝนลอยตกลงมาบนตัวเธอ ทำให้ร่างกายเธอเย็นสะท้านไปทั้งภายในและภายนอก
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสระน้ำไม่กี่วันก่อน ตอนนั้นภวินท์ที่รีบร้อนมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พาพวกเขาออกไปทันทีโดยไม่รีรอ ทั้งยังบอกอีกว่าที่นั่นไม่ปลอดภัย……
ตอนนั้นเธอไม่เชื่อสิ่งที่ภวินท์พูดเลย แต่ตอนนี้เรื่องราวแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เธอต้องเชื่อ
เป็นไปได้ไหมว่าเธอตกเป็นเป้าหมายขององค์กรก่อการร้าย?
ถ้าพูดแบบนี้แล้วผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้มีแค่เธอ ยังมีอีธานเอลล่า และแม้แต่ดร.ยติภัทรและคุณปภาวี
คิดได้อย่างนี้ ภายในใจญาธิดาหวาดวิตก เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ต่อสายออกด้วยมือที่สั่นเทา
ตอนนี้คนที่เธอจะสามารถเรียกหาได้ก็มีเพียงภวินท์เท่านั้น!
ปลายสายกดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำและหนักแน่นของชายหนุ่มดังออกมาจากปลายสาย จมูกของญาธิดาก็เริ่มแสบ เสียงสะอึกสะอื้น “ภวินท์……”
คำพูดทั้งหมดมาจุกอยู่ที่ลำคอของเธอ เธอกลับไม่รู้ว่าควรที่จะพูดอย่างไร
ชายหนุ่มที่อยู่อีกฝั่งรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเธอ เขาถามทันทีว่า “เธอเป็นอะไรไป?”
ญาธิดากัดริมฝีปาก “คุณมาหาฉันหน่อยได้ไหม……”
สิ้นคำพูดของเธอ เสียงที่หนักแน่นของชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายอีกฝั่งก็ดังขึ้น “ส่งที่อยู่ให้ฉัน”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เงารถสีดำพาดผ่านถนน แล้วหยุดอยู่ตรงด้านหน้ารถของญาธิดา
สีหน้าเคร่งขรึมของชายหนุ่มที่อยู่บนรถ เขาเปิดประตูและลงจากรถทันทีโดยไม่รีรอ ดวงตาที่เฉียบคมของเขาคู่นั้นกวาดมองไปทั่วทุกด้าน สายตามุ่งตรงไปยังญาธิดาที่หลบอยู่ใต้ต้นไม้อย่างรวดเร็ว
สายฝนโปรยปรายที่ตกด้านนอก แม้ว่าไม่หนักมากแต่ก็ตกอย่างหนาแน่น ญาธิดาจึงหลบฝนใต้ต้นไม้ เส้นผมเปียกลู่ติดที่แก้ม สองแขนของเธอกอดเข่าตัวเองเอาไว้ ตัวหดเป็นก้อนเล็กๆ แลดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก
หัวใจของภวินท์ก็หดเล็กลงทันที เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่สนใจฝนที่ตกอยู่ด้านนอกเลยแม้แต่น้อย เขาเดินมุ่งตรงเข้าไปหาเธอ
ทันใดนั้นเขาเหมือนกับเทพที่ลอยลงมาต่อหน้าเธอ เขาโน้มตัวและยื่นมือออกไปช่วยเช็ดน้ำฝนที่อยู่บนใบหน้าของเธอ น้ำเสียงหนักแน่นพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ในขณะนั้นความเศร้า ความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัวภายในใจของญาธิดาก็พลันมลายหายไป เธอเงยหน้าขึ้น ยื่นมือออกไปดึงชายเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้โดยที่ไม่รู้ตัว “ในที่เก็บของหลังรถ……”
ภวินท์ได้ยินดังนั้นก็ไม่รีรอก้าวขาเดินไปยังที่เก็บของหลังรถ เขายื่นมือออกไปยกฝากระโปรงรถขึ้น ขณะที่เห็นสิ่งของภายในแล้ว เขาย่นคิ้ว ดวงตาก็มืดลงทันที
เขาขมวดคิ้ว สีหน้าอึมครึมดูน่ากลัว สายตาชำเลืองมองไปบนการ์ดใบนั้นที่วางอยู่ด้านข้าง สีหน้าหมองหม่นดูน่ากลัว
เขายื่นมือออกไป หยิบการ์ดแผ่นนั้นที่เลอะเลือดแมวขึ้นมา สายตาเหลือบมองตัวอักษรหนึ่งบรรทัดด้านบน
“คุณญาธิดา ในเมื่อคุณไม่ชอบดอกไม้สด งั้นพวกเรามาตื่นเต้นกันหน่อยดีกว่า”
มุมล่างขวาของการ์ดมีสัญลักษณ์ใยแมงมุมอันเดิม
เขากำหมัดแน่น จนนิ้วมือเกิดเสียงก๊อบแก๊บๆ เขาขยำการ์ดใบนั้นเป็นก้อนทันที แล้วทิ้งไป
ทันใดนั้นเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อยของผู้หญิงก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “ฉันกำลังถูกคนจับตามองใช่หรือเปล่าคะ?”
ภวินท์สูดลมหายใจลึกแล้วหันหน้าไปมองเธอ พูดทีละคำทีละประโยค “วางใจเถอะ ฉันจะดูแลความปลอดภัยของเธอเอง”
ญาธิดาสูดลมหายใจลึก ความกลัวภายในใจไม่ได้หายไป “คุณรู้อะไรมาใช่ไหม?”
ดูปฏิกิริยาของเขา ฟังน้ำเสียงของเขา เขาน่าจะรู้อะไรแน่
ภวินท์ได้ยินดังนั้นก็หันกลับมา สายตามองเธออย่างไม่ลดละ “ถ้าหากฉันบอก เธอก็จะยิ่งเป็นอันตราย ดังนั้นห้ามถามอะไรเด็ดขาด เชื่อใจฉันก็พอแล้ว”
คำพูดของชายหนุ่มราวกับเป็นยาใจ ทำให้ญาธิดารู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ความรู้สึกประหม่าก็พลันลดลงทันใด
เธอสูดลมหายใจลึก สบสายตาดำลึกของชายหนุ่ม และพยักหน้าให้เขา “ฉันเชื่อคุณค่ะ”
ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อย รับร่มหนึ่งคันในมือพายุที่อยู่ด้านข้าง แล้วกางเหนือหัวของญาธิดา สั่งว่า “ให้คนขับขับรถของเธอไปที่ร้านล้างรถ”
พายุรับคำทันที แล้วจึงไปบอกคนขับรถ
ภวินท์ลดสายตาลงมองสีหน้าที่ซีดเซียวของหญิงสาว หัวใจเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา ถามเสียงแผ่วเบาว่า “อยากจะไปที่ไหน? ฉันจะพาเธอไป”
ญาธิดาได้ยินเสียงก็ได้สติ ขณะนั้นเองก็พลันนึกขึ้นได้ว่าอันอันยังคงรอเธออยู่ เธอรีบร้อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก็พบว่าข้างบนจอปรากฏสายโทรเข้าที่ไม่ได้รับหลายสาย
ธิดาเงยหน้าขึ้นมองภวินท์ “ไปส่งฉันที่ห้างCได้ไหมคะ?”
“อืม”
ญาธิดาผ่อนคลายลมหายใจครู่หนึ่ง ก็รีบร้อนเดินไปที่รถของตนเอง หยิบชุดที่เตรียมไว้ให้อัญมณีตรงด้านหลังออกมา แล้วตามภวินท์ขึ้นรถเขาไป
ระหว่างทางห้างC เธอส่งข้อความให้อัญมณี หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ในห้วงความคิดก็ปรากฏภาพนองเลือดนั้นที่พึ่งเห็นไปเมื่อครู่อยู่ตลอด อารมณ์เศร้าหมองอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนจะจับได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติของเธอ ภวินท์ขยับริมฝีปากพูดทำลายความเงียบงัน “ไปหาใครที่ห้างC ธีทัต?”
ญาธิดาพูดเสียงเบา “อันอัน”
เมื่อสิ้นคำพูด สีหน้าของพายุที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับก็เปลี่ยนเล็กน้อย
ระหว่างการเดินทาง บรรยากาศภายในรถก็ยิ่งเงียบมากขึ้น
อย่างรวดเร็ว ก็มาถึงห้างC ขณะที่รถกำลังจะจอดนิ่งตรงข้างถนน ญาธิดาหันหน้ามามองภวินท์ที่อยู่ข้างๆ หัวใจสั่นไหว เธออยากจะเอ่ยขอบคุณเขา
เมื่อรับโทรศัพท์ของเธอเขาก็รีบมา จัดการให้คนขับรถของตัวเองไปล้างรถให้เธอแล้วยังพาเธอมาส่งถึงห้างC……เรื่องเหล่านี้ เธอควรที่จะพูดขอบคุณเขาถึงจะถูก
ไม่รอให้เธอพูด ภวินท์ดูเหมือนว่าจะเข้าใจความคิดของเธอทั้งหมดแล้ว เขาเลิกคิ้วขึ้นและพูดเสียงเรียบ “คำขอบคุณที่มาจากปากน่ะไม่ต้อง ลองนึกวิธีว่าจะตอบแทนฉันด้วยการการกระทำยังไงก็พอ”
ญาธิดาตื้อจนพูดอะไรไม่ออก ชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง เลยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ผลักประตูและลงจากรถ
พอเท้าของเธอก้าวลงจากรถ ก็ต่อด้วยพายุที่ลงรถแล้วถือร่มเดินตามเข้ามาหา เขาหยิบร่มในมืออีกคันหนึ่งส่งให้เธอ
ญาธิดายื่นมือรับไว้ ปากก็พูดขอบคุณ เห็นพายุไม่มีทีท่าว่าจะจากไป สีหน้าท่าทางอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
ญาธิดาพูดเสียงเบา “มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า?”
พายุลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูด “ผมอยากคุยกับคุณเรื่องอันอัน”
พอได้ยินพายุพูดถึงอันอัน หัวใจญาธิดาก็หนักอึ้ง เธอรู้สึกสับสน
ความจริงเธอเองก็อยากหาโอกาสคุยกับพายุมานานแล้ว แต่ก็ไม่มีเวลาเลย
ตอนนี้อันอันกำลังจะไปทำการแสดงที่ต่างประเทศ ถ้าหากไม่พูดตอนนี้ กลัวว่าในอนาคตจะไม่มีโอกาสอีก
ญาธิดาปรับสีหน้า ถามอย่างเคร่งขรึมและจริงจัง “ได้อยากจะพูดอะไร?”
พายุย่นคิ้ว พูดว่า “ทำไมอันอันถึงปฏิเสธผมขนาดนี้?”