ดวงใจภวินท์ - บทที่ 435 คุณกล้าขู่ผมเหรอ
บทที่ 435 คุณกล้าขู่ผมเหรอ?
ได้ยินน้ำเสียงกึ่งหยอกล้อของชายหนุ่ม ญาธิดาก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาและพูดอย่างเย็นชาว่า “ภวินท์ คุณกลายเป็นคนหลงตัวเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ได้ยินดังนั้น ภวินท์ไม่โกรธแถมยิ้มให้ ดวงตาของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มจาง ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีมาก เขากวักมือเรียกบริกร หยิบเมนูข้างๆ ขึ้นมาแล้วพูดเสียงเรียบว่า “ถ้าอยากจะดื่มเดี๋ยวฉันดื่มเป็นเพื่อน”
เขาพูดพลาง สั่งไวน์แดงหนึ่งขวดอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาตะลึงงัน เห็นเขาสั่งเมนูเสร็จแล้วยื่นให้บริกร ถึงได้สติกลับมา “ใครบอกว่าฉันอยากดื่มเหรอ?”
เมื่อครู่ตอนที่อันอันถามเธอ ในใจเธอก็อยากจะดื่มจริงๆ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดออกมาพายุก็พูดก่อนแล้ว แล้วภวินท์ดูออกได้ยังไงว่าเธออยากดื่ม?
ภวินท์ยิ้มอ่อน น้ำเสียงดูเกียจคร้านเล็กน้อย “ฉันนี่แหละบอก”
ญาธิดากำลังจะพูด ใครจะรู้ว่าจู่ๆ โทรศัพท์มือถือของภวินท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็พลันดังขึ้น
ตัวอักษรสองตัวเด้งขึ้นบนหน้าจอ “คุณธาม”
ญาธิดากวาดสายตาโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นเขาตัดสายโทรศัพท์อย่างไม่รีบไม่ร้อน แล้วดื่มไวน์ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะถามอย่างข้องใจ “ไม่รับเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เป็นสายติดต่องาน จึงคิดไม่ถึงว่าภวินท์จะตัดสายอย่างไม่ลังเลแบบนี้
ในภาพจำของเธอ ภวินท์เมื่อ 5 ปีก่อนไม่ว่าอะไรก็จะให้ความสำคัญกับงานเป็นหลัก แต่ตอนนี้……
ภวินท์ตอบ “อืม”
เมื่อเห็นความข้องใจในดวงตาของหญิงสาว เขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไมเธอมองฉันแบบนั้น?”
ญาธิดาหายใจเข้าลึก เธอส่ายหัวอย่างช้า ๆ และถอนลมหายใจเบา ๆ “ฉันคิดว่าคุณให้งานอยู่อันดับแรกมาโดยตลอด……”
ชายหนุ่มพูดสบายๆ ว่า “งานไม่สำคัญเท่ากับเรื่องรักของผู้ช่วยฉันหรอก”
ได้ยินเช่นนั้น ญาธิดาก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
ไม่เคยคิดเลยว่าแท้จริงแล้ว ภวินท์เองก็ไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีเหตุผลอะไรขนาดนั้น
เธอยิ้มและพูดโพล่งออกมาว่า “เมื่อ 5 ปีก่อน คุณไม่ได้เป็นแบบนี้นี่นา!”
เมื่อพูดออกไปแล้ว เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ทันใด แต่คำพูดที่พูดออกไปแล้วก็เหมือนกับสายน้ำ มันไม่มีทางที่จะเอากลับคืนมาได้
เรื่องราวเมื่อ 5 ปีก่อนเป็นหัวข้อที่น่าอึดอัดและละเอียดอ่อนที่สุดเธอหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเมื่อครู่จะพูดออกมาโดยที่ไม่ได้ระวัง
ดวงตาของภวินท์มีประกายสั่นไหว ใบหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนมากนัก เขาพูดเสียงเบา “5 ปีก่อน ฉันยังไม่รู้จักเห็นคุณค่า แต่ว่าตอนนี้ ฉันรู้แล้ว”
ขณะที่พูด ดวงตาดำเข้มของเขาก็จ้องมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าที่เหมือนว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ผ่านไปไม่นาน เขาก็พูดอย่างสบายๆ “ยังไงคนก็สำคัญกว่างานมาก”
ญาธิดาได้ยินเช่นนั้น หัวใจก็หนักอึ้ง เธอก้มหน้าจ้องไปที่โต๊ะตรงหน้า ความรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
คนเดียวที่จะทำให้ภวินท์พูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ คงจะมีแต่นิวรา
นิวราสำหรับเขา จะยังคงของเป็นรักแรกอันเป็นนิรันดิ์
ความขมขื่นปรากฏขึ้นในหัวใจ ญาธิดาไม่รู้ว่าควรจะต่อบทสนทนาอย่างไร บังเอิญว่าบริกรยกไวน์แดงมาเสิร์ฟพอดี นี่จึงปิดซ่อนสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเมื่อครู่
ขณะเดียวกัน ภายในห้องน้ำหญิงของร้าน
ประตูห้องถูกล็อกจากด้านใน พายุติดหงักอยู่ที่หน้าประตู เขากับอัญมณีจ้องมองกันตาต่อตา ไม่มีใครยอมถอย
อัญมณีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “พายุ ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าตอนนี้นายหน้าด้านหน้าทนอะไรขนาดนี้? บุกเข้าห้องน้ำหญิง เรื่องอะไรแบบนี้ก็ยังกล้าทำ!”
ใบหน้าของพายุไม่สะทกสะท้าน ไม่มีความอึดอัดหรือลำบากใจแม้แต่น้อย “เพื่อเธอ ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น อัญมณีก็หัวเราะเยาะ ความโกรธในใจก็ยิ่งทวีคูณ “นายยังมีหน้ามาพูดอะไรแบบนี้ออกมาอีกเหรอ ?”
พายุสูดลมหายใจลึก พูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า “5 ปีก่อน สิ่งที่เธอเห็นพวกนั้นมันคือการเข้าใจผิด ฉันไม่เคยทำเรื่องผิดต่อเธอ”
อัญมณีตกตะลึงและตื่นตระหนก “นายรู้…ได้ยังไง!”
“ผู้หญิงคนนั้นคือโรส พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันเห็นเธอเป็นน้องสาวมาโดยตลอด แต่แม่ของฉันอยากให้ฉันและเธอคบกัน ฉันไม่เคยเห็นด้วย ครั้งนั้นเธอไปบ้านฉัน นั่นเป็นเพราะว่าวันก่อนหน้านั้นแม่ฉันมาที่เมือง J แล้วพาเธอมาด้วยกัน จู่ๆ ก็ให้เธอมาอยู่ที่บ้านคืนหนึ่ง แต่ว่าระหว่างพวกเราสองคนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ พอเช้าวันที่สองฉันก็พาเธอไปส่งที่ป้ายรถ”
พายุเหมือนกำลังรายงานอะไรสักอย่าง เขาไล่ยาวเรื่องทั้งหมดแล้วพูดออกไปภายในรวดเดียว
อัญมณียืนอยู่ที่เดิมมองท่าทีที่จริงจังของชายหนุ่ม เธอรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
5 ปีก่อน เมื่อตอนที่เธอเห็นเขาและหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากโถงทางเดินในบ้าน ตอนนั้นความคิดของเธอก็สับสนไปหมด 5 ปีมานี้ เธอคิดมาโดยตลอดว่าเขานอกใจเธอ ตอนนี้เมื่อได้ยินคำอธิบายของเขาแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี
“อันอัน!” พายุก้าวไปข้างหน้าอย่างร้อนใจ เขายื่นมือออกไปจับไหล่ของเธอแล้วพูดทีละคำๆ ว่า “ฉันไม่เคยโกหกเธอเลย!”
“อันอัน ในใจของเธอมีฉัน ในใจฉันก็มีเธอ ทำไมพวกเราต้องมาทรมานกันและกันด้วย?”
“……”
อัญมณีรู้สึกสับสน ครู่หนึ่งเธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง พายุสูดลมหายใจลึกและพูดอย่างจริงจังว่า “อันอัน พวกเรามาเริ่มกันใหม่เถอะนะ”
หัวใจอัญมณีสั่นไหว เธอขยับริมฝีปาก มีความลังเลอยู่เล็กน้อย
เมื่อสังเกตเห็นความลังเลของเธอ พายุก็ก้าวเข้าไปข้างหน้า จับไหล่ของเธอเบาๆ เขายิ้มอ่อนแล้วพูดว่า “ให้โอกาสฉันครั้งนี้ อีกอย่างฉันก็รู้ความลับของเธอเยอะขนาดนั้น อย่างน้อยเพราะเธอ ฉันถึงได้รักษาความลับพวกนั้นไว้”
ภวินท์เป็นเจ้านายของเขา แต่เพราะอัญมณี จึงเป็นครั้งแรกที่เขามีความเห็นแก่ตัวปิดบังเขาไว้
อัญมณีได้ยินเช่นนี้ สายตาก็สั่นไหว เธอเงยหน้าขึ้นไปมองพายุและพูดว่า “นายจะพูดเรื่องนั้นออกมาเหรอ?”
เรื่องราวพวกนั้นเกี่ยวกับที่มาที่ไปของอีธานเอลล่า เธอจะต้องเก็บความลับให้ญาธิดาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
เห็นว่าในที่สุดอารมณ์ของหญิงสาวได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย พายุกระตุกริมฝีปากและพูดแกล้งเธอเสียงเบา “ดูจากท่าทีของเธอแล้ว ถ้าหากเธอสัญญาว่าจะเริ่มใหม่กลับฉันอีกครั้ง ฉันก็จะเก็บเป็นความลับ แต่ถ้าหากเธอ……”
อัญมณีได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยน ยื่นมือออกไปผลักเขาออกทันที เธอพูดอย่างโกรธเคืองว่า “พายุ นี่นายกล้าขู่ฉันเหรอ!”
เห็นใบหน้าเล็กของเธอเคลื่อนไหวถี่ๆ เพราะโกรธ พายุก็หัวเราะเบา ๆ
เทียบกับอัญมณีเย็นชาใส่เขาแล้ว เขายอมเห็นเธอโกรธแบบนี้ยังดีกว่า
อัญมณีดูไม่ออกเลยว่าเขาตั้งใจจะหยอกล้อเธอ สีหน้าซีดลงด้วยความโกรธ เธออดไม่ได้ที่จะด่า “พายุ ไอ้คนนิสัยไม่ดี!”
ขณะที่พูด กำปั้นของเธอก็ทุบหน้าอกของชายหนุ่มราวกับเม็ดฝน วินาทีต่อมาพายุยื่นมือออกไป ทันใดนั้นฝ่ามือก็โอบกำปั้นเล็กของหญิงสาวเอาไว้
ร่างกายของอัญมณีร้อนผ่าว แก้มของเธอก็แดงด้วยความโกรธ ถามเขาอย่างจริงจังว่า “นายจะบอกภวินท์จริงๆ เหรอ?”
พายุกระตุกริมฝีปาก พยักหน้าพลางพูดว่า “ถ้าเธอไม่ยอมตกลงฉันก็จะบอก”
“นายกล้าเหรอ!”
รอยยิ้มในสายตาของพายุฉายชัดขึ้น หัวใจของเขาสั่นไหว เขาปล่อยมือเธอ ดึงประตูแล้วก็เดินออกไปจริงๆ
อัญมณีประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะเอาจริง เธอตื่นตระหนกแล้วจึงออกจากห้องน้ำไล่ตามเขาไปทันที
ชายหนุ่มขายาวก้าวไกล ฝีเท้าของเธอทั้งรีบร้อนทั้งตื่นตระหนก เกือบจะตามไม่ทัน เธอถามเสียงต่ำ “พายุ นายจะทำอะไรน่ะ!”
พายุทำหูทวนลม เขาก้าวขาตรงไปยังที่นั่งของภวินท์และญาธิดา
ขาของอัญมณีพันกันสะเปะสะปะไปหมด เมื่อเห็นว่ายิ่งเดินก็ยิ่งเข้าใกล้ ในหัวใจของเธอก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที
พายุเดินไปถึงด้านข้างของโต๊ะนั่ง จึงหยุดฝีเท้าลง สายตามองตรงไปที่ภวินท์ “คุณภวินท์ครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณครับ”
เมื่อสิ้นเสียงของเขา อัญมณีที่ตามมาถึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนทันที แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าภวินท์และญาธิดา เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ถ้าหากเธอพูดอะไรผิดไปแล้วล่ะก็ สถานการณ์ก็มีแต่จะยิ่งแย่ลง!
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นท่าทีที่ประหม่าอย่างยิ่งของอัญมณี ในใจก็มีความสงสัยเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
พายุจะพูดเรื่องอะไรกันแน่ ถึงทำให้อัญมณีกลัวขนาดนี้?