ดวงใจภวินท์ - บทที่ 44 ไม่อยากหลอกใช้เขาอีกแล้ว
ไม่เกินสิบนาที รูปภาพเหล่านี้ก็กลับเรียกเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกระลอก
“ว้าว! ญาธิดาคนนี้เก่งจริงๆ! เปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้าทุกวันเลย!”
“ใช่! ปกติก็เห็นว่าพี่เค้าก็ดูแบบใสซื่อเรียบร้อยอยู่นะ! ไม่คิดเลยว่า …”
“ตอนนั้นก็พูดกันว่าเธอทอดสะพานให้ท่านคุณภวินท์อยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเปลี่ยนเป้าหมายไปล่ะ?”
“……”
ความคาดเดาด้วยความสงสัยต่างๆ นานาราวกับคลื่นพายุที่เกลียวคลื่นสูงขึ้น และถาโถมไม่สงบนิ่งสักที
ญาธิดากับภามกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังร้านอาหาร โทรศัพท์ของทั้งสองคนก็มีเสียง “ติ๊งต่อง” ดังไม่ขาดสายโดยที่ไม่ได้นัดหมายเอาไว้
ญาธิดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และมองข่าวต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่มนั้น เธอกดเปิดมอง ซึ่งผลลัพธ์ เป็นการถกเถียงกันเรื่องเธอกับภาม
ภามที่อยู่ข้างๆ ก็เหลือบมองโทรศัพท์ ไม่นานนักก็เข้าใจได้ทันที เขาย่นคิ้วหากัน พลันพูดเสียงเบา “ธิดา อย่าไปสนคำพูดเพ้อเจ้อของพวกเขา คนในบริษัทช่างชอบเกาะกระแสฮือฮา!”
ญาธิดาได้ยินแล้ว พลางคลี่ริมฝีปากยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันไม่สนใจ”
สิ่งที่เธอสนใจก็คือภวินท์จะถูกหางเลขโดยต้นเหตุมาจากตนเองหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง วันนี้เรื่องที่เธอโดนคนพูดนินทาจนกลายเป็นจุดสนใจของสาธารณชนไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ อย่างไรเสียเรื่องของเธอกับภวินท์ก็จะได้ซาๆ ลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งมองอีกมุมหนึ่งนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว
ภามที่อยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าแววตาของเธอก็เหมือนปกติ ไม่ได้แสดงท่าทางโกรธเคืองแม้แต่น้อย ถึงได้แอบถอนหายใจโล่งอก
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงร้านอาหาร
ภามจองร้านอาหารสไตล์ตะวันตก ซึ่งมีกระจกยาวจรดพื้น มีแสงดวงไฟกลมสาดส่องดาษดา และบนโต๊ะอาหารยังมีช่อดอกไม้เล็กๆ จัดวางไว้ บรรยากาศถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ซึ่งมันช่างเหมาะสมกับการนัดหมายของคู่รักเป็นอย่างมาก
หลังจากญาธิดานั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น จึงค้นพบว่าแขกที่อยู่รอบๆ นั้นโดยส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มหญิงสาวสองต่อสอง จังหวะนั้นเธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองทันที
“คุณดูสิอยากจะกินอะไรบ้าง?”
ญาธิดามองเมนูที่ภามส่งมาให้ “คุณสั่งเถอะ”
ภามได้ยินแล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทางขัด และสั่งอาหารให้อย่างเอาใจ จากนั้นก็ยื่นเมนูคืนให้กับพนักงานสาวที่คอยบริการอยู่
รอจนพนักงานเดินออกไปแล้ว ภามถึงได้รินน้ำมะนาวให้ญาธิดาแก้วหนึ่ง พลางพูดเสียงแผ่วเบา “ธิดา ผมรู้เรื่องข่าวลือในบริษัทในช่วงนี้ ความจริงแล้วผมรู้สึกว่า คุณไม่จำเป็นต้องเก็บเอามาคิด เรื่องพวกนี้ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ก็ไม่มีคนจำได้แล้ว”
ญาธิดาได้ยินเช่นนั้น พลันยิ้มให้เขาทันที “ฉันรู้ค่ะ ขอบคุณมากนะที่คุณมาปลอบใจฉัน”
เธอกับภามรู้จักกันตอนที่ทางบริษัทจัดการแข่งขันกีฬาสีและแบ่งกลุ่มให้เล่นเกม เธอมองออกว่า ภามเป็นคนจิตใจดีและมีเมตตา ถือว่าเป็นผู้ชายที่ดีมากจริงๆ ซึ่งในการปลอบใจของเขาในตอนนี้ มันก็มาจากหัวใจของเขาอย่างแท้จริง
ภามพยักหน้าพูด “งั้นก็ดีแล้วครับ อย่างไรเสียถ้าคุณเจอปัญหาอะไรมา มาให้ผมช่วยได้นะ”
“OK ฉันจะมาหานะ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่สักพัก อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟจนครบทุกจานแล้ว ญาธิดาก้มหน้าก้มตากินข้าว และไม่ค่อยได้พูดจามากมายอะไร
ทันใดนั้นเอง ภามก็เอ่ยปากถาม “ธิดา ผมอยากรู้มาก ว่าคุณชอบผู้ชายแบบไหน?”
ญาธิดาโดนเขาถามออกมาแบบนี้ พลางเอนศีรษะเพื่อคิดตาม ราวกับจะตอบตามสัญชาตญาณ “ดีกับฉัน อีกอย่างเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดเป็นของตัวเอง”
ภามได้ยินแล้ว สีหน้าที่ปรากฏอยู่บนหน้าคลี่ยิ้มอยู่ตลอด พลางพูดสมทบและพยักหน้าตาม “ดีมาก…”
เขาพูด และมองญาธิดา พร้อมทั้งพูดอย่างแผ่วเบา “คุณอยากรู้ว่าผมชอบผู้หญิงแบบไหนมั้ย?”
ญาธิดาที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกลับชะงักทันที จากนั้นก็ตอบคำถามของเขาไปตามน้ำ “แบบไหนเหรอ?”
“น่ารัก ใจดี”
ภามพูดไป และค่อย ๆ วางตะเกียบที่อยู่ในมือลง พลางดวงตาจับจ้องญาธิดาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ละสายตา “ความจริง คนที่ผมชอบก็คือ…”
ญาธิดาช้อนสายตาขึ้น และสบตากับภาม ทันใดนั้นเกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ราวกับเธอทายได้ว่าต่อจากนี้เขาจะพูดอะไรต่อ เธอวิตกกังวลและหวาดกลัวที่สุด ซึ่งมันเป็นคำพูดประโยคนั้นที่เขาเตรียมพูดออกมา
เพราะว่าตั้งแต่เริ่มต้น เธอไม่ได้มีความรู้สึกใดกับภามเลย ทว่าเวลานี้ถ้าเขาเกิดสารภาพรักออกมา เธอก็ต้องปฏิเสธเขาอยู่ดี
ภามเองก็ตื่นเต้นมาก เขากลืนน้ำลายลงคอ และเริ่มจัดเรียงคำพูดใหม่อีกครั้ง“ธิดา คุณน่าจะมองออกนะ ผมชอบ…”
“ครืด ครืด—”
โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะพลางสั่นขึ้นมาในจังหวะนี้พอดิบพอดี และเป็นการตัดบทคำพูดต่อจากนี้ของภามไปเลย ญาธิดาแอบถอนหายใจเล็กน้อย พลางรีบพูดทันควัน “ฉันขอรับโทรศัพท์หน่อยนะคะ”
เธอพูด พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก้มหน้าก้มตา มองชื่อที่บันทึกที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ พลางรู้สึกทำอะไรไม่ถูกในเวลานั้น
ภวินท์นั่นเอง! ทำไมเขาถึงได้โทรศัพท์หาเธอได้ในเวลานี้นะ?
หัวใจเดิมทีผ่อนลงแล้วกลับถูกแขวนขึ้นอีกครั้ง และมันมาติดอยู่ตรงคอหอย
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แสร้งทำตัวกดแป้นรับสายอย่างสงบเสงี่ยม “ฮัลโหล?”
เสียงอันทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังออกมา “สองสามวันนี้เป็นยังไงบ้าง?”
สองสามวันนี้ หลังจากที่เขาเดินทางไปแล้วนั้น ก็ไม่เคยโทรศัพท์กลับมาหาเธอเลยสักครั้ง นี่ถือว่าเป็นครั้งแรก
ญาธิดาอารมณ์สับสน ทว่ายังแสร้งทำตัวสงบเสงี่ยมดั่งเดิม “สบายดีค่ะ”
ปลายสายเงียบงันไปชั่วครู่ จากนั้นก็เป็นน้ำเสียงอันตื่นเต้นของชายหนึ่งดังออกมา “อืม เดี๋ยวอีกสองสามวันผมก็จะกลับแล้วนะ รอผมนะ”
ประโยคนี้ราวกับเป็นพลังงานจอมปีศาจไร้ตัวตน ไม่รู้เพราะเหตุใด หัวใจของญาธิดาเต้นระรัวมากขึ้นกว่าเดิม เธอตอบกลับในลำคอไปคำหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรมากมาย และรีบกดวางสายทันที
เมื่อเงยศีรษะขึ้น เธอก็เห็นว่าภามกำลังจ้องมองเธอด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้ “ธิดา มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ฉัน…ไม่มีอะไรค่ะ” ญาธิดามองเขา ก้นบึ้งหัวใจรู้สึกละอายใจมาก พลันนึกถึงคำพูดที่ภามยังพูดไม่ทันจบนั้นขึ้นมา เธอเริ่มหวั่นใจหนักกว่าเดิม
“ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อน คุณกินไปก่อนเลย …”
เธอพูด และลุกขึ้นยืนและเดินมุ่งหน้าไปทางห้องน้ำอย่างเร่งรีบ
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งนั้น ภวินท์นั่งอยู่บนโซฟา และกวาดตามองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายทิ้งแวบหนึ่ง จนสัญชาตญาณย่นคิ้วหากันทันที
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าวางสายใส่เขา
ภาพดิสเพลย์การเชื่อมต่อโทรศัพท์สื่อสารนั้นหายไปแล้ว พลางปรากฏรูปภาพที่เขาเพิ่งจะดูอยู่เมื่อครู่นี้ นั้นก็คือรูปใบหนึ่ง ในรูปภาพนั้น ญาธิดากำลังเดินเคียงข้างไปพร้อมกับภาม…
ญาธิดาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด
เธอไม่สามารถอยู่กินข้าวต่อไปได้อีกแล้ว และไม่มีวิธีที่จะไปเผชิญหน้ากับการสารภาพรักของภามได้เลย สาเหตุที่เธอยอมมากินข้าวด้วยกันกับเขา ก็เป็นเพราะว่าอยากจะดึงเขามาเป็นโล่ล่อเป้าก็เท่านั้นเอง
ความรู้สึกผิดมันถาโถมขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจอย่างหนักหน่วง เธอเม้มริมฝีปาก ซึ่งเธอรู้ตัวดีว่าไม่มีวิธีจะไปเผชิญหน้ากับภามอีกแล้ว อีกทนต่อไปไม่ได้ที่ต้องหลอกใช้เขาต่อไป เธอเดินออกมาจากห้องน้ำ และเดินหนีออกไปทางประตูทางด้านหลัง
ญาธิดาออกมาจากร้านอาหารแล้ว เธอก็โบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง พร้อมทั้งแจ้งที่อยู่ของบ้านพัก จึงสงบสติอารมณ์ให้ค่อยๆ ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และจัดการส่งข้อความไปขอโทษภาม แม้ว่าจะแสดงการขอโทษที่มาจากตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว แต่กลับไม่ได้พูดถึงเหตุผลรายละเอียดที่แน่ชัด
ไม่นานนัก ภามก็ตอบข้อความกลับมา “ไม่เป็นไรนะ คุณรีบกลับบ้านเถอะ ไว้คราวหน้ามีโอกาสพวกเราค่อยนัดกินข้าวกันใหม่”
เมื่อเห็นข้อความแล้ว ญาธิดาถอนหายใจโล่งอกยาวๆ ทันที
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว เธอไม่ควรหลอกใช้ภามตั้งแต่ตอนแรก โชคยังดีที่รู้ตัวว่าทำผิดและรีบแก้ไขได้ทันท่วงที และไม่ได้ทำให้เรื่องมันเลยเถิดจนย่ำแย่ไปกว่าเดิม
ทว่าในความเป็นจริงนั้น มันแย่มากกว่าที่เธอได้จินตนาการเอาอีก
เช้าวันรุ่งขึ้น ญาธิดาไปทำงานตามปกติ พอเธอมาถึงแผนกนั้น ก็มีเพื่อนร่วมงานพูดกระแนะกระแหนเธอทันที “คุณญาธิดา ได้ยินข่าวมาว่าเมื่อวานนี้คุณมีนัดเดตกับภามที่อยู่แผนกการเงินมาเหรอคะ?”
ญาธิดาได้ยินน้ำเสียงโทนอึมครึมแปลกๆ ของเพื่อนร่วมงาน จึงแสร้งทำทีว่าไม่ได้ยิน และถ่ายเอกสารต่อไป
เพื่อนร่วมงานอีกคนที่อยู่ด้านข้างพลางหัวเราะและพูดอย่างสนุกสนาน “นัดเดตอะไรกัน! ได้ยินข่าวมาว่าคุณญาธิดาของพวกเรายังกินข้าวไม่ทันอิ่ม ก็จัดการสะบัดบ๊อบให้นายภามเขาแห้งเหี่ยวอยู่อีกทางและตัวเองก็หนีเตลิดออกมาเลย!”
ญาธิดาได้ยินแล้ว มือที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเอกสารหยุดนิ่งทันที พลางเกิดความรู้สึกโกรธเคืองตีขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจทันที
“พวกเขารู้ได้ยังไงกัน? หรือว่าภามเป็นคนเอาเรื่องเมื่อคืนนี้มาบอกกับทุกคนเหรอไง?