ดวงใจภวินท์ - บทที่ 445 คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ
บทที่ 445 คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ
“ท่านประธานครับ ตอนนี้จะทำอย่างไรดีครับ”
ได้ยินเสียงของพายุ ภวินท์ถึงได้สติคืน
เขากำโทรศัพท์ไว้แน่น ขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชา
ทันทีที่ข่าวดังกล่าวแพร่กระจายออกมา ตามด้วยการซุบซิบอย่างต่อเนื่องบนโซเชียลมีเดีย เกรงว่าพรุ่งนี้ทางบริษัทคงจะวุ่นวายเละเป็นโจ๊กน่าดู
สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้ทีมประชาสัมพันธ์ไปทำการประกาศกรณีฉุกเฉิน ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องพลิกกระแสวิจารณ์ให้ได้ และเขาก็จะต้องรีบไปที่ใจกลางเมือง ไปให้ถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อสงบคนในบริษัทไม่เกิดการสั่นคลอน
จากนั้นสักพัก เขาก็กำชับขึ้นอย่างเย็นชา “ไปเตรียมรถ”
พายุเกิดความลังเล สายตาของเขาตกกระทบไปที่บาดแผลที่เพิ่งพันเสร็จเมื่อสักครู่ “แต่บาดแผลบนตัวท่าน……”
“ไม่เป็นไร รีบไปกำชับฝ่ายประชาสัมพันธ์ ว่าให้รีบสยบข่าวลงพวกเราจะรีบกลับไปถึงในคืนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนรับมือฉุกเฉิน”
พลางพูด เขาพลางหยิบชุดสูทที่อยู่ข้าง ๆ แล้วก็เดินออกไปโดยไม่พูดไม่จา เพิ่งเดินออกไปได้สองก้าว เขานึกถึงหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงได้ จึงชะงักเท้าขึ้น ขมวดคิ้วแน่น
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ลำคอของเขาก็เกร็งแล้วพูดหนึ่งประโยคออกมา “พรุ่งนี้เช้าให้โทรศัพท์หาธีทัต บอกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับญาธิดา และก็ส่งตำแหน่งไปให้เขา”
พายุได้ยินดังนั้น แววตาก็ปรากฏความประหลาดใจ แต่ก็ตอบรับกลับไปในทันที
มือของภวินท์ที่อยู่ข้างลำตัวได้กำแน่นขึ้น จากนั้นก็สาวเท้าก้าวเดินออกไปด้านนอก
เหตุผลที่แจ้งให้ธีทัตทราบ เพราะว่าเขาไม่สามารถอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนเธอได้จริง ๆ และรอบตัวของญาธิดาก็มีเพียงเขาที่สามารถพึ่งพาได้ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ เขาก็พาลูกน้องออกจากเขาเทียบฟ้าไป
วันรุ่งขึ้น เมื่อญาธิดาตื่นขึ้นมา ตะวันก็สายโด่งมากแล้ว เมื่อวานผ่านความทรมานมาทั้งวัน จนเธอแทบจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรง นอกจากความเจ็บปวดจากบาดแผลเมื่อวาน ร่างกายก็ฟื้นฟูดีขึ้นระดับหนึ่งแล้ว
เธอไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ เมื่อผลักประตูก็ได้กลิ่นหอมโชยฟุ้ง ทันใดนั้นความตะกละในตัวเธอถูกกระตุ้นขึ้น เธอจึงรีบตามกลิ่นหอมนั้นไปทันที
นี่เป็นห้องสวีท จะห้องนอนหรือห้องครัวอุปกรณ์ต่างครบครัน เธอเพิ่งเดินไปถึงห้องครัว ก็ได้ยินเสียงในนั้นดังลอยออกมา
เมื่อเดินถึงหน้าประตูห้องครัว เห็นร่างที่สูงโปร่งยืนหันหลังให้ตัวเองที่กำลังดูยุ่ง ๆ หัวใจของเธอดัง “ตึกตัก” ขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเหมือนจะรู้สึกถึงบางอย่าง จึงค่อย ๆ หันหลังมา เมื่อเห็นเธอ ดวงตาจึงประกายเล็กน้อย ยิ้มแล้วก็กล่าวขึ้น “ธิดา คุณฟื้นแล้วเหรอ”
ญาธิดาชะงักค้าง มองดูธีทัตที่กำลังเดินมาหาตัวเอง สมองของเธอจึงตกอยู่ในสภาวะตะลึงงันอย่างสมบูรณ์
ทำไมถึงเป็นเขา
“คุณ……” ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ”
คนที่ไปเขาเทียบฟ้าตามหาเธอเมื่อวานเห็น ๆ อยู่ว่าเป็นภวินท์ ตกหลุมกับดักพร้อมกับเธอก็เป็นภวินท์ กลับมาถึงโรงแรมรักษาแผลด้วยกันก็เป็นภวินท์ ทำไมเช้าวันนี้ที่ตื่นขึ้นมา คนที่เจอกลับเป็นเขา
“วันนี้ตอนเช้ามีคนส่งข้อความมาหาผม บอกว่าคุณเกิดเรื่องที่เขาเทียบฟ้า ผมก็เลยรีบมาครับ”
ธีทัตยิ้มแล้วอธิบายอย่างมีความอดทน เอื้อมมือออกมาลูบที่ศีรษะเธอเบา ๆ แล้วกล่าวปลอบประโลม “เมื่อวานคงตกใจมากสินะ ดีขึ้นบ้างหรือยัง”
ญาธิดาหายใจเข้าลึก ๆ ค่อย ๆ ดึงสติกลับคืนมา แล้วยกมุมปากขึ้น “ดีขึ้นแล้วค่ะ”
ธีทัตยิ้ม “ผมได้ทำอาหารเช้าและกลางวัน คุณไปล้างมือนะ เดี๋ยวก็สามารถทานได้แล้ว”
ญาธิดาเงยหน้ามองดูอาหารสองสามอย่างที่หลากหลายและประณีต ถั่วลันเตาผัดกุ้ง แตงกวาผัดไข่ ยังมีซุปสาหร่าย ล้วนเป็นอาหารโปรดของเธอ เพื่อเธอแล้ว ธีทัตจากชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยลงครัวทำอาหารทำงานบ้าน กลายเป็นชายหนุ่มที่สามารถทำอาหารบ้าน ๆ ทั่วไปได้เฉกเช่นวันนี้ เขาเปลี่ยนแปลงเพื่อเธอมากมายจริง ๆ
ญาธิดารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ยิ้มแล้วพยักหน้า หันหลังแล้วเดินไปล้างมืออย่างเชื่อฟัง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด มีความรู้สึกผิดหวังแวบขึ้นในหัวใจ
ไม่รู้เพราะว่าทำไม หาเหตุผลไม่เจอ
รสชาติของอาหารอร่อยมาก ญาธิดาหิวตั้งแต่เมื่อวานมาจนถึงตอนนี้ ทานข้าวไปเต็ม ๆ สองถ้วย จากนั้นก็นึกถึงเด็กสองคนที่บ้านได้จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “อีธาน เอลล่าเป็นอย่างไรบ้างคะ”
ธีทัตดื่มน้ำไปหนึ่งกึกแล้วกล่าว “อันอันพาพวกเขาไปสวนน้ำ ผมได้จัดคนไปเป็นเพื่อนด้วย คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาจึงโล่งใจ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้ออกมา แล้วเปิดเครื่อง เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ในนั้นมีโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับสายมากส่วนใหญ่เป็นสายของคุณบิ๊กและภวินท์ ซึ่งโทรมาหาเธอตอนที่เธอยังอยู่บนเขา
ลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ภวินท์เขาเป็นอย่างไรบ้าง”
ในเมื่อธีทัตได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากคุณบิ๊กแล้ว อย่างนั้นเขาจะต้องรู้เรื่องที่ภวินท์ไปช่วยเธอเมื่อวานนี้อย่างแน่นอน
สีหน้าธีทัตปรากฏความไม่เป็นธรรมชาติ ชะงักครู่หนึ่ง แล้วถึงได้เอ่ยปาก “ได้ยินคุณบิ๊กบอกว่ากลับไปที่ใจกลางเมืองแล้ว”
ไม่กี่วินาทีต่อมา เขากล่าวเสริมอีกว่า “ช่วงนี้ STN Group มีคลื่นซัดอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เขาในฐานะที่เป็นประธาน ย่อมต้องรับผิดชอบ”
พลางพูดเขาพลางจิบน้ำชา น้ำเสียงราวกับเป็นการสนทนาเรื่องเล็ก ๆ ที่ธรรมดาก็ไม่ปาน
จิตใจของญาธิดาบิดแน่นขึ้น จับโทรศัพท์ไว้แน่น แล้วเลื่อนดูข่าวอย่างไม่รู้ตัว
แล้วก็เป็นเช่นนั้น ในหัวข้อข่าวล้วนพาดข่าวที่เกี่ยวข้องกับ STN
ไม่นานมานี้ ภวินท์ได้ตรวจสอบปัญหาของบัญชีบริษัทย่อย และก็ได้กลายเป็นศึกสายเลือด ภวินท์กับภูผากลายเป็นคู่แข่งกันอย่างเปิดเผย ถึงแม้ว่าสำนักสื่อกับสาธารณชนจะไม่กล่าวถึงอย่างโจ่งแจ้ง แต่ว่าทุกคนล้วนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ
ญาธิดาขมวดคิ้ว แล้วก็เลื่อนดูอีกสองสามโพสต์ จากนั้นค่อนข้างรู้สึกไม่สบายใจ
ก่อนหน้านี้เธอมักจะรู้สึกมาโดยตลอดว่าภูผาเป็นคนที่ไม่สนใจชื่อเสียงและเงินทอง เป็นคนที่ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น และเท้าสองข้างที่พิการของเขา ต้องนั่งรถเข็นตลอดทั้งปี เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมภวินท์ถึงได้หยาบคายและเป็นปฏิปักษ์กับเขา
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ภูผาไม่ใช่ตัวละครที่ดูธรรมดาแล้ว
ในหัวสมองของเธอได้แวบคำพูดครั้งก่อนของภวินท์ที่พูดในห้องประชุมของ STN Group……
ตอนนั้น เธอรู้สึกว่าภวินท์นั้นพูดเรื่อยเปื่อย หาข้ออ้างให้กับตัวเองอย่างเย็นชาไร้ความปรานี แต่ตอนนี้เห็นทีว่า ชายหนุ่มที่สามารถต่อกรกับภวินท์ได้จะเป็นผู้ชายธรรมดาไร้เดียงสาได้อย่างไร
“ธิดา คุณกำลังคิดอะไรอยู่ครับ” ทันใดนั้น ข้างใบหูมีเสียงของธีทัตแว่วดังขึ้น
ญาธิดารีบดึงสติคืนมา สีหน้าประกายความไม่เป็นธรรมชาติ ยกริมฝีปากยิ้มขึ้น ส่ายหน้าไม่พูดจาใด ๆ
“ธิดาครับ วันก่อนตอนที่ผมออกไปดูงานนอกสถานที่ได้ครุ่นคิดไตร่ตรอง เดือนหน้าเมื่อคุณทำงานเสร็จแล้ว พวกเราไปพักผ่อนกันนะ พาอีธาน เอลล่าไปด้วย ดีไหม”
ญาธิดาที่จิตใจฟุ้งซ่าน และก็กล่าวไปแบบขอไปที “ไปไหน”
ธีทัตเบิกตาขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลประกายแสงแห่งความอ่อนโยน “ฝรั่งเศส”
เขาอยากจะพาเธอไปที่นั่นตั้งนานแล้ว และพอดีเดือนหน้าก็ใกล้ถึงวันที่พวกเขาจดทะเบียนสมรสกันในตอนนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากันในนามเท่านั้น แต่เขาก็ยังอยากจะใช้เวลาร่วมกันในวันสำคัญของพวกเขา
ญาธิดาหันไปสบตากับคู่ดวงตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก ในใจจึงเกิดความลังเล
“ดีไหม”
ธีทัตยื่นมือออกมากุมมือเธอเบา ๆ ในแววตาเต็มไปด้วยความหวัง
ตอนแรก เพราะหลังจากที่ญาธิดาปกปิดเขาเรื่องเซ็นสัญญาทำหนังสั้นการกุศลกับภวินท์ เขาก็รู้สึกท้อใจ จึงออกไปดูงานนอกสถานที่สองสามวัน เพื่อสงบสติอารมณ์ เขาพบว่าในหัวสมองของเขาวนเวียนแต่ภาพใบหน้าของเธอ เขาถึงตระหนักได้ว่า ความรักที่เขามีต่อเธอ มากมายกว่าที่เขาคิด
เขาไม่อาจจะขาดเธอได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะให้อภัยเธอ เลือกที่จะเงียบ เลือกที่จะอยู่ข้างกายเธอต่อไป เลือกที่จะรอต่อไป จนกว่าจะถึงวันนั้นวันที่เธอใจอ่อน
หัวใจของญาธิดากระตุกเล็กน้อย มองดูดวงตาที่รักใคร่ของชายหนุ่ม สุดท้ายจึงได้พยักหน้า “ค่ะ พวกเราจะไปกันเดือนหน้าเลย”
ถึงเวลาที่ควรจากเมือง J แล้ว