ดวงใจภวินท์ - บทที่ 446 ไม่อยากถ่ายแล้ว
บทที่ 446 ไม่อยากถ่ายแล้ว
หลังจากนั้นสองวัน ญาธิดาทำตามแผนเดิม ทำการถ่ายทำในเขาเทียบฟ้าให้แล้วเสร็จ
เนื่องจากเธอได้รับบาดเจ็บ ธีทัตจึงได้เลื่อนงานสองสามวันนี้ออกไปทั้งหมด แล้วคอยอยู่เคียงข้างเธออย่างเอาใจใส่
ทำการถ่ายทำในเขาเทียบฟ้าสามวันก็แล้วเสร็จ สำหรับความคืบหน้าของงาน ญาธิดากับคุณบิ๊กต่างก็พอใจ จากนั้นทางทีมงานกองถ่ายก็ได้ย้ายไปที่ใจกลางเมือง เพื่อดำเนินการถ่ายทำครั้งต่อไป
ตามขั้นตอนดังกล่าว ภายในสิ้นเดือนนี้ การถ่ายทำทั้งหมดก็จะแล้วเสร็จ ขอเพียงทำการตัดต่อและพากย์เสียงเสร็จ ต้นเดือนหน้าคงจะลุล่วงออกมาเป็นภาพยนตร์สมบูรณ์ได้แล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ ดูเหมือนข้อตกลงระหว่างเธอกับภวินท์ จะอยู่ไม่ไกลแล้ว
ญาธิดาแอบถอนหายใจโล่งอก แต่ว่าไม่รู้เพราะอะไร ในใจของเธอกลับรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ในขณะเดียวกัน เรื่องของ STN Group ยังคงอยู่ในกระแสต่อความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตได้แตกออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็นฝ่ายที่สนับสนุนภวินท์และฝ่ายที่สนับสนุนภูผา ว่ากันว่าในบริษัทเองก็มีการแบ่งออกเป็นสองฝั่งเช่นเดียวกัน เล็กใหญ่ต่อสู้กันอย่างไม่หยุดหย่อน
เวลานี้ คนเดียวที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ก็น่าจะเป็นปกรณ์แล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานปกรณ์เพิ่งจะออกจากเมือง J ไปยังต่างประเทศ และไม่มีวี่แววข่าวคราว ราวกับว่าได้หายสาบสูญแล้วก็ไม่ปาน
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ปกรณ์ค่อนข้างที่จะเข้าข้างลูกชายคนโตภวินท์มากกว่า แต่ว่าภูผาที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ไม่ใช่ตัวละครที่ธรรมดา เพียงสัปดาห์เดียวก็สามารถลงทะเบียนบริษัท พีพีมีเดียได้ และลงทุนในจำนวนเงินมหาศาล เริ่มมีการเคลื่อนไหวใหญ่โต
เห็นได้ชัดว่าต้องการจะต่อกรกับภวินท์ให้ถึงที่สุด
ด้วยเหตุนี้ เรื่องราวต่าง ๆ จึงยิ่งซับซ้อนมากขึ้น
สำหรับการต่อสู้ระหว่างยักษ์กับยักษ์ในครั้งนี้ ทุกคนในเมือง J ต่างรอชมการแสดงอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทีที่เย็นชา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ญาธิดาเห็นข่าวเหล่านั้นแล้ว กลับรู้สึกเป็นห่วงในใจ กังวลและหงุดหงิด
เมื่อเธออยู่ในกองถ่าย ต่อให้เป็นเวลาพักผ่อน เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณธิดา” ไม้สาวเท้ายาวก้าวเข้ามา “เกิดเรื่องแล้วครับ”
ญาธิดาดึงสติกลับมา เก็บโทรศัพท์ แล้วมองไม้ที่หายใจหอบ จึงเอ่ยปากถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น”
“พลอยรินบอกกว่าไม่อยากจะถ่ายต่อไปแล้ว”
“อะไรนะ” ญาธิดาขมวดคิ้วและยืนขึ้น “เธออยู่ที่ไหน”
พลอยรินคือนักแสดงที่เธอเลือกให้มาแสดงในหนังสั้นการกุศลเองกับมือ ก่อนหน้านี้เธอเป็นเพียงมือสมัครเล่นเท่านั้น เนื่องจากตัวตนค่อนข้างเข้ากับบทในภาพยนตร์ ดังนั้นจึงได้เลือกเธอ
สองสามวันมานี้เธอก็ได้ยินคำบ่นของพลอยรินที่มีต่อกองถ่าย เธอเองก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ เพราะในแง่ของค่าตอบแทนที่ให้กับพลอยรินนั้นก็ถือว่าไม่น้อย
คิดไม่ถึงว่า เธอจะก่อเรื่องให้ปวดหัวไม่ซ้ำซาก
เธอตามไม้เดินข้ามตรอกเข้าไปในซอย หลังจากเดินไม่กี่ก้าวก็เห็นกลุ่มคนข้างลานบ้านไม้ทรงโบราณ พลอยรินถูกรายล้อมให้อยู่ตรงกลาง ข้าง ๆ เป็นคุณบิ๊กและทีมงาน
คุณบิ๊กขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ค่อยดีนัก แต่ยังคงพยายามกล่าวอย่างใจเย็นที่สุด “คุณอยากได้เงื่อนไขอะไรก็ให้เสนอมา ทางพวกเราจะร่วมกันหารือ และตอบสนองความต้องการของคุณ……”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยปากถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น”
ได้ยินเสียงของเธอ ผู้คนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างหลีกทางให้กับเธอ
ญาธิดาสาวเท้าก้าวเดินเข้าไป เหลือบมองพลอยรินที่นั่งอยู่บนม้านั่งไม้ไผ่แวบหนึ่ง แล้วกล่าวถามขึ้น “ได้ยินว่าเธอไม่อยากจะถ่ายแล้ว?”
พลอยรินเลิกคิ้ว ถือพัดไว้ และก็ไม่มองเธอ “อืม ไม่อยากถ่ายแล้ว”
มองดูการแสดงออกที่ไม่สบอารมณ์ทางสีหน้าของหญิงสาว ญาธิดาก็ระงับความโกรธแล้วกล่าวถาม “บอกมาตรง ๆ เถอะ ต้องการอะไร”
เธอเป็นผู้กำกับมาก็หลายปีแล้ว เจอสถานการณ์แบบนี้มาก็ไม่น้อย นักแสดงส่วนใหญ่ต้องการขึ้นค่าตัว จึงเล่นแง่ ดังนั้นเมื่อถ่ายทำได้เพียงครึ่งก็จะจงใจบอกว่าไม่ถ่ายทำแล้ว ทำให้กองถ่ายยอมถอยประนีประนอม
พลอยรินเชิดคางขึ้น สีหน้าไม่สบอารมณ์ “ไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ฉันแค่ไม่อยากจะถ่ายทำต่อแล้ว”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก “เธอจริงจังใช่ไหม เธอรู้เรื่องที่ต้องจ่ายค่าชดใช้ผิดสัญญาใช่ไหม”
“ฉันรู้” พลอยรินพลางกล่าวพลางหยิบบัตรหนึ่งใบออกจากกระเป๋าที่อยู่ข้าง ๆ แล้วยื่นมา จากนั้นกล่าว “นี่คือค่าเสียหายที่ฉันได้เตรียมไว้แล้ว”
“นี่เธอ……”
คุณบิ๊กที่อยู่ข้าง ๆ ทนดูต่อไปไม่ไหว โมโหจนหน้าเขียวปั๊ดแล้ว
เปลี่ยนตัวนักแสดงไม่ใช่ปัญหา แล้วก็ใช่ว่ากองถ่ายขาดเธอแล้วจะดำเนินต่อไปไม่ได้ อีกทั้งเธอเองก็เป็นเพียงมือสมัครเล่นที่ไม่เคยสัมผัสกับการถ่ายทำก่อน เปลี่ยนคนจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
เพียงแต่ว่า ตอนนี้ทางกองถ่ายได้ดำเนินการถ่ายทำมาได้ส่วนหนึ่งแล้ว และใบหน้าของเธอก็ได้ปรากฏอยู่ในส่วนที่ถ่ายทำแล้วก่อนหน้านี้ หากเปลี่ยนตัวนักแสดง เกรงว่าส่วนที่ถ่ายทำไปก่อนหน้านี้คงต้องถ่ายทำใหม่ทั้งหมด ต้องเลือกตัวนักแสดงใหม่ และก็เริ่มต้มใหม่
ซึ่งก็หมายความว่า หากเปลี่ยนตัวนักแสดง ความพยายามของทีมงานทั้งหมดในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ก็จะสูญเปล่า!
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนโมโหโกรธที่สุด!
ยิ่งญาธิดายิ่งโกรธ หากว่าเริ่มต้นใหม่ จะต้องเสียเวลามากกว่านี้ เกรงว่างานที่เดิมทีกำหนดไว้ว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนก็จะไม่มีทางสำเร็จได้
เธอขมวดคิ้ว มองไปยังพลอยริน แล้วกล่าวออกมาทีละคำ “พลอยริน เธอน่าจะรู้ว่าการจากไปของเธอสำหรับกองถ่ายแล้วหมายถึงอะไร ทางฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง เธอเสนอเงื่อนไขมาได้ แล้วทางพวกเราจะปรึกษาหารือกัน”
พลอยรินได้ยินก็ยิ้มเยาะออกมา เหลือบมองเธอด้วยแววตาที่ไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง “ฉันไม่ขาดเหลือเงินทอง”
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ นัยน์ตาของญาธิดาก็ยิ่งจมดิ่งลง
เธอจะไม่ขาดเงินได้อย่างไร?
ตอนแรกที่เริ่มเลือกตัวละครนั้น เธอรู้มาว่าพลอยรินมาจากครอบครัวธรรมดา และด้วยเหตุผลนี้ ความติดดินของเธอ บรรยากาศการเติบโตในตรอกซอยตั้งแต่เล็กจนโต จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเลือกเธอ
แต่ว่าตอนนี้ เธอไม่สนใจเรื่องค่าเงินที่ต้องจ่ายค่าผิดสัญญา และตัดสินที่จะไม่ถ่ายทำอีก……
ไม่ถูก ต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติ!
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มองเธออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วหันมามองคุณบิ๊กที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นกล่าว “คุณบิ๊ก ตามฉันมาหน่อยค่ะ”
เรียกคุณบิ๊กมาที่ข้าง ๆ แล้ว ญาธิดาเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ช่วงนี้พลอยรินมีอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่าคะ”
คุณบิ๊กขมวดคิ้ว “ผิดปกติเหรอ ไม่มีอะไรผิดปกตินะ แค่ได้ยินเธอบ่นเป็นบางครั้ง คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่อยากถ่ายทำต่อจริง ๆ”
ญาธิดาแววตาหม่นลง ไม่ได้พูดอะไร
คุณบิ๊กโมโหขึ้น “หากว่าเธอไม่ถ่ายทำต่อแล้ว พวกเราต้องเริ่มต้นใหม่กันหมด!”
ญาธิดากล่าวเบา ๆ “หากว่าเธอไม่ถ่ายแล้วจริง ๆ พวกเราก็คงทำอะไรไม่ได้”
เป็นแบบนี้จริง ๆ ในใบสัญญาเขียนไว้อย่างชัดเจน ผู้ที่ผิดสัญญาจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่อีกฝ่าย ในเมื่อพลอยรินยินยอมที่จะจ่ายค่าเสียหาย พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะรั้งเธอไว้ได้
คุณบิ๊กถาม “จะตอบตกลงเธอจริงเหรอ”
“ค่ะ”
เรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว
สิบนาทีต่อมา หลังจากที่คุณบิ๊กได้ถ่ายทอดคำสั่งแล้ว พลอยรินก็ได้จ่ายค่าผิดสัญญาจริง ๆ จากนั้นเก็บข้าวของเตรียมตัวที่จะจากไป
พนักงานกองถ่ายทั้งหมดและนักแสดงคนอื่น ๆ ต่างส่งเสียงเซ็งงานเพิ่มขึ้น เป็นเรื่องที่ทำให้ใครก็ไม่สามารถมีความสุขได้
ญาธิดานั่งอยู่ตรงนั้น หันไปมองพลอยรินที่กำลังเก็บข้าวของ สายตาเหลือบไปเห็นคาร์เทียร์รุ่นใหม่ล่าสุดบนข้อแขนของเธอดวงตาจึงหม่นลง
จะต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ ๆ
เธอกำชับให้คุณบิ๊กปลอบใจทีมงานกองถ่าย จากนั้นก็รีบขึ้นรถที่อยู่ข้าง ๆ อย่างรวดเร็ว หาเสื้อคลุมและหมวกจากบนรถแล้วมาสวมใส่ พอดีเข้ากับที่พลอยรินเก็บข้าวของเสร็จเตรียมตัวที่จากไป เธอจึงได้เดินตามหลังเธออยู่ไม่ห่าง คอยเฝ้าสังเกตทุกย่างก้าวการกระทำของเธอ
พลอยรินไม่ใช่คนรวยอย่างแน่นอน แต่ว่าช่วงนี้เธอสวมใส่ทั้งแบรนด์เนมและรุ่นใหม่ล่าสุดอีกต่างหาก ช่างทำให้คนเกิดความสงสัยจริง ๆ
เธอตามอยู่ด้านหลังของพลอยริน มองเธอเดินออกจากกองถ่ายไป แล้วโยนกล่องกระดาษที่เก็บเรียบร้อยทิ้งลงในถังขยะข้าง ๆหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออกอย่างลำพองใจ จากนั้นได้เรียกแท็กซี่มาหนึ่งคัน
เห็นเธอขึ้นรถไป ญาธิดาก็ได้เรียกหยุดแท็กซี่ทันที หลังจากขึ้นรถแล้ว ก็ได้กล่าวกับคนขับว่า “ตามรถคันหน้าไปเลยค่ะ”
พลอยรินไม่มีทางที่จะทำแบบนี้โดยไม่มีสาเหตุอย่างแน่นอน เธอจะต้องสืบชัดเจนให้ได้