ดวงใจภวินท์ - บทที่ 456 ข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
บทที่ 456 ข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ด้านในกรงคือสุนัขตัวเล็กสีขาว! และเธอก็เคยเห็นสุนัขตัวนี้มาก่อน ก่อนหน้านี้ไม่นานตอนที่เธอพักผ่อนอยู่ในบ้าน มีครั้งหนึ่งที่พาอีธาน เอลล่าออกไปเดินตลาดนัด ก็เห็นแผงร้านที่ขายสุนัขขายแมว ตอนนั้นอีธานถูกใจสุนัขตัวหนึ่ง งอแงอยากจะได้ สุดท้ายถูกญาธิดาปฏิเสธไป
พวกเขาก็อยู่เมือง J ไม่นาน หากว่าเลี้ยงสุนัข เกรงว่าจะไม่สามารถนำไปด้วยได้ ดังนั้นเมื่อคิดไปคิดมา เธอจึงไม่ได้รับปากเรื่องที่จะให้อีธานเลี้ยงสุนัข
คิดไม่ถึงว่าเธอจะเห็นสุนัขตัวนั้นที่นี่!
“สุนัขตัวนี้ คุณญาธิดาคุ้นตาไหม”
เสียงของคนสวมหน้ากากผีคนนั้นราวกับคำสาป ซ่อนด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนเย็นวาบ เสียงที่ไม่น่าฟัง ญาธิดาขมวดคิ้ว มองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ และไม่ได้ตอบกลับ
คนสวมหน้ากากผีกลับไม่รีบร้อน ค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ข้าง ๆ กรง หรี่ตามองสุนัขตัวนั้นใสกรง แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่คุ้นตาก็ไม่เป็นไร ผมจะทบทวนความจำให้กับคุณเอง”
พลางพูดเขาก็พลางมองไปทางลูกน้อง ลูกน้องจึงรีบเดินมาด้านหน้าเปิดกรงออก และคล้องคอสุนัขด้วยลวดทันที
ญาธิดาตกใจ จึงเอ่ยปากถามขึ้น “แกจะทำอะไร”
คำพูดของเธอเพิ่งจะสิ้นสุด ใครจะไปรู้ว่าลูกน้องก็ได้ดึงลวดให้แน่น ทันใดนั้น ลวดที่พันรอบคอของสุนัขน้อยแน่นขึ้น ก็ทำให้รู้สึกถึงความกดดัน อุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างของสุนัขตัวน้อยเหยียบกับกรง เริ่มส่งเสียงครวญคราง……
เสียงแปลก ๆ ของคนสวมหน้ากากผีดังขึ้น “คุณญาธิดา อายุของหมาตัวนี้ ถ้าเทียบกับคนก็น่าจะประมาณเด็กอายุห้าขวบเท่านั้น”
ญาธิดาตัวเกร็งขึ้น คิดอะไรบางอย่างออกได้ฉับพลัน ดวงตาก็เบิกกว้าง จ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ “แกหมายความว่าอะไร!”
“บางครั้ง การฆ่าเด็กที่อายุประมาณห้าขวบ เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก”
ทันทีที่เสียงของคนสวมหน้ากากผีสิ้นสุดลง ทางลูกน้องตรงนั้นก็ได้รัดลวดในมือแน่นขึ้น สุนัขตัวน้อยทรมานจนขูดข่วนกับกรง ดิ้นรน ส่งเสียงร้อง “เอ๋ง ๆ” ออกมา
“อย่า……อย่าทำแบบนี้!” เห็นภาพแบบนี้แล้ว ญาธิดาก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในใจ “พวกคุณคิดที่จะทำอะไรกันแน่!”
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เคยทำให้ใครขุ่นเคือง! ทำไมถึงต้องโดนข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้!
คนสวมหน้ากากผีเงียบ ลูกน้องคนนั้นยังคงลงมือต่อ ไม่นาน มือของเขาก็รัดแน่น ตัวของสุนัขตัวน้อยก็ดิ้นไปมาเสียงร้องยิ่งอยู่ยิ่งเบาลงเรื่อย ๆ และตาเหลือก ตรงลำคอเป็นรอยเลือดที่เห็นได้อย่างชัดเจน……
ญาธิดาน้ำตารื้น แต่เสียงกลับเบาลงอย่างช้า ๆ “อย่า……อย่า!”
ในที่สุด เจ้าสุนัขตัวน้อยตัวสั่นกระตุกอย่างแรง และการดิ้นก็หยุดลง
วินาทีนั้น ญาธิดารู้สึกว่าลำคอของตัวเองราวกับถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นบีบไว้ เธอแน่นหน้าอก หายใจลำบากมองดูภาพที่โหดร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาตัวเอง
สักพัก เธอเริ่มรู้สึกตัว จ้องมองไปยังคนสวมหน้ากากผีคนนั้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “พวกแกเป็นใครกันแน่……ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้!”
คนสวมหน้ากากผีคนนั้นหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าจะผิดก็ผิดตรงที่เธอไม่ควรปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ ภวินท์ เธอคิดดู ผู้หญิงของศัตรูผมจะปล่อยไปได้อย่างไร!”
ได้ยินดังนั้น ร่างของญาธิดาก็หยุดชะงักค้าง พูดอะไรไม่ออกทันที
คิดไม่ถึงว่า สาเหตุที่คนสารเลวน่ากลัวเหล่านี้จับจ้องเธอเป็นเพราะภวินท์!
เธอกัดฟันแล้วหายใจเข้าลึก ๆ กล่าวปฏิเสธ “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของเขา!”
คนสวมหน้ากากผีพ่นลมหายใจ แล้วกล่าวอย่างใจเย็น “แต่ว่าเลือดที่ไหลเวียนบนตัวลูก ๆ ของเธอ คือสายเลือดของเขา”
ประโยคนี้ราวกับสายฟ้าฟาดมาจากท้องฟ้าสีคราม ฉับพลันดังกึกก้องอยู่ในใบหูของญาธิดา วินาทีนั้นสมองของเธอว่างเปล่าทันที
เธอคิดว่าความลับนี้มีเพียงเธอกับธีทัต อัญมณีเท่านั้นที่รู้ คิดไม่ถึง……
เธอเงยหน้าขึ้นมองคนสวมหน้ากากผี แล้วพยายามกล่าวอย่างเย็นชา “แกอย่ามาพูดมั่ว ๆ!”
“เหรอ ผมพูดมั่วหรือไม่นั้นคุณรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ!”
เพียงประโยคเดียวของฝ่ายตรงข้าม ทำให้ญาธิดาถึงกับพูดไม่ออกในบัดดล ทันใดนั้นความแน่วแน่และการเสแสร้งทั้งหมดได้แตกเป็นเสี่ยง ๆ โดยไม่สามารถที่จะประกอบเข้ากันได้อีก
คิดไม่ถึงว่าความลับของเธอ สำหรับใครบางคนแล้ว ไม่ได้เป็นความลับมาตั้งนานแล้ว
พวกเขาสามารถสะกดรอยของเธอได้อย่างง่ายดาย ลักพาตัวภายใต้สายตาของธีทัต และยังรู้สถานะที่แท้จริงของอีธานกับเอลล่า เห็นได้ว่าพวกเขาน่ากลัวมากแค่ไหน และมีพลังมากแค่ไหน
สำหรับเธอแล้ว เธอทำให้ครอบครัวลำบาก กระเตงลูก ๆ สองคน และพ่อแม่มาอยู่เมือง J เธอมีจุดอ่อนมากมายเกินไป เธอสู้พวกเขาไม่ไหว ต่อให้ภวินท์จะปกป้องเธอ เธอก็สู้พวกเขาไม่ได้
สำหรับพวกเขาแล้ว ชีวิตคนอาจจะเหมือนกับสุนัขตัวน้อยตัวนั้น ที่อาจจะถูกจัดการได้ตลอดเวลา เธอเดิมพันไม่ไหว และก็ไม่มีชิปที่จะไปเดิมพันด้วย……
วินาทีนั้น ความแข็งแกร่งทั้งหมดได้พังทลายลง ความรู้สึกกลัวอันแรงกล้าค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในหัวใจเธอ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นผ่านไปสักพัก ถึงได้ปรับอารมณ์ของเธอขึ้น แล้วหันไปมองคนสวมหน้ากากผี “ต้องทำอย่างไรแกถึงจะปล่อยฉันกับครอบครัวของฉัน……”
“อย่างนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกของคุณ”
คนสวมหน้ากากผีเหลือบมองเธอแวบหนึ่งแล้วให้เธอเลือก “เลือกต่อสู้กับพวกเราไปจนถึงที่สุด หรือเลือกจากเมือง J จากภวินท์ไป”
……
ในเวลาขณะเดียวกัน ที่เขตเมืองเมือง J
ธีทัตเดินวนไปมาอยู่ในห้อง คิ้วขมวดขึ้นที่ไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก สีหน้ากังวลใจ เขาโทรศัพท์ไปหาหมายเลขหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า และระดมเพื่อนตำรวจไปช่วยกันออกตามหาญาธิดา
จากเวลาที่ญาธิดาหายตัวไป ก็เป็นเวลาสิบสองชั่วโมงแล้ว
อัญมณีทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงลุกขึ้นมากล่าวปลอบใจเขา “พี่ พี่อย่าเพิ่งกังวลไป ทางฝั่งนั้นกำลังตามหา……”
“จะไม่ให้พี่กังวลได้ไง!” ธีทัตขมวดคิ้ว
“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ต้องการทำเซอร์ไพรส์ เธอจะหายตัวไปได้อย่างไร”
เขากำหมัดแน่น รู้สึกผิดมากมาย
ถ้ารู้อย่างนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาไม่มีทางปล่อยญาธิดาไว้คนเดียวแน่ ๆ!
“อันอัน เธอคิดว่าเป็นใครกันที่พาตัวธิดาไป!”
กล้องวงจรปิดทางออกหมายเลขหนึ่งของMoon Plazaมีภาพรถคันหนึ่งได้พาตัวญาธิดาขึ้นรถแล้วจากไป หลังจากนั้นก็หาตัวเธอไม่เจออีก!
อัญมณีถูกการเดินวนไปมาของธีทัตทำให้เวียนหัวแล้ว เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ปัดมือของธีทัตออกแล้วกล่าว “พี่ใจเย็นก่อน!”
เวลาเช่นนี้ ยิ่งอารมณ์ร้อนก็ยิ่งเกิดเรื่องได้ง่าย!
ทันใดนั้น ธีทัตมีแสงประกายวาบเข้ามาหัวสมอง เธอคิดอะไรบางอย่างออก “ภวินท์โทรศัพท์กลับมาหรือยัง”
วันนี้ตอนที่หาตัวญาธิดาไม่เจอ เขาลนลานได้โทรศัพท์ออกหลายสายมาก นอกจากโทรหาญาธิดาแล้ว เขายังได้โทรไปหาภวินท์สองสาย
ถ้าหากภวินท์อยากฉลองวันเกิดให้ญาธิดาแล้วพาตัวเธอไป ความเป็นไปได้นี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะครั้งก่อนที่สระว่ายน้ำก็เป็นเช่นนี้
แต่โทรศัพท์ของภวินท์ติดต่อไม่ได้ การคาดเดาของเขาจึงไม่ได้รับการยืนยัน
แต่ถ้ายิ่งเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าภวินท์มีความผิดปกติ!
หากว่าเขาพาญาธิดาไปโดยไม่บอกสักคำ อย่างนั้นเขาก็จะไม่ยอมจบเรื่องกับเขาอย่างแน่นอน!
ธีทัตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ของภวินท์ แม้แต่สักข้อความเดียวก็ไม่มี
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหันไปมอง อัญมณีจากนั้นกล่าว “ใช้โทรศัพท์เธอโทรหาเขาดูสิ”
บางทีภวินท์อาจจะรู้ว่าเป็นเขาโทรมา จึงจงใจไม่รับสายก็ได้
อัญมณีมีความอึดอัดเล็กน้อย แต่เห็นพี่ชายของตัวเองกระวนกระวายใจเช่นนี้ จึงได้ทำตาม
เธอกดหมายเลขโทรศัพท์แล้วทำการโทรออกไป ฝั่งนั้นดัง “ตู๊ด – -” ขึ้น ไม่มีคนรับสาย