ดวงใจภวินท์ - บทที่ 458 ให้หนึ่งบทเรียนฟรี
บทที่ 458 ให้หนึ่งบทเรียนฟรี
ทางฝั่งปลายสาย หลุยส์มองดูโทรศัพท์ที่วางสายลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหยุดนิ่งเล็กน้อย แววตาประกายแสงแห่งความเย็นชา
เขาเก็บโทรศัพท์ขึ้น แล้วหันไปมองลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ สายตาจ้องไปที่ลำโพง
รู้สึกได้ถึงสายตาของเขา ลูกน้อยงเข้าใจในทันที รีบปิดดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่ดังกระหึ่มลง
หลุยส์หายใจเข้าลึก แล้วกล่าวขึ้น “ส่งคนออกไปตามหาญาธิดา”
ลูกน้องเกิดความตะลึงงันเล็กน้อย “เอ่อ……”
หลุยส์ผุดความอ่อนล้าขึ้นบนใบหน้า แล้วกล่าวเบา ๆ “ไปวนดูสักรอบแล้วค่อยกลับมา”
ลูกน้องพยักหน้าทันที แล้วก็เดินจากไป
หลังจากที่พวกเขาจากไป ในห้องก็เหลือเพียงเขาคนเดียว เขาจุดบุหรี่หนึ่งมวนขึ้นอย่างใจเย็น แล้วก็ดูดเข้าไปฟอดใหญ่
ควันลอยฟุ้งบดบังดวงตาที่มืดสลัวของเขา
ทุกอย่างกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
สองชั่วโมงต่อมา รถสีดำแล่นข้ามถนนไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงแกรนด์ บูเลอวาร์ด
“เอี๊ยด——” เสียงรถเบรกดังขึ้น รถจอดอยู่ไม่ไกลจากแกรนด์ บูเลอวาร์ด ประตูรถถูกเปิดออก ใครคนหนึ่งถูกคนบนรถโยนทิ้งลงมา ล้มลงข้างถนน
โยนคนลงไปแล้ว วินาทีต่อมา ประตูรถก็ปิดลง จากนั้นรถก็หันหัวและจากไปอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาคลานอยู่บนพื้น ร่างกายอ่อนเพลีย แต่โชคดีที่ยังรู้สึกตัว ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเธอปิดพันใบหน้าและเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดูกระเซอะกระเซิงสุด ๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนราวกับฝันร้าย วนเวียนอยู่ในหัวสมองของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอสูดลมหายใจเข้าลึก เสียงจากสมองบอกให้เธอคลานไปข้างหน้า แต่มือเท้าของเธอราวกับเหมือนหักไป จนแทบจะไม่มีแรงคลาน
เธอเงยหน้าขึ้น มองดูนิ้วมือที่ยังมีคราบสีแดงเปรอะเปื้อนอยู่ จมูกซี้ดขึ้น น้ำตาก็หลั่งออกมาโดยกลั้นไม่อยู่
เธอกัดฟัน ความเจ็บปวดลอยเข้ามา ทำให้เธอรู้สึกตัวขึ้น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองมือคลายอยู่บนพื้น ลากสังขารค่อย ๆ คลานไปข้างหน้า
หนึ่งนิ้ว สองนิ้ว สามนิ้ว……
อย่างช้า ๆ เธอมองดูประตูเหล็กที่อยู่ตรงฝั่งนั้น กลั้นลมหายใจไว้ ค่อย ๆ คลานเข้าไปใกล้บ้านในฝันของเธอทีละนิด ๆ
ที่ห้องรับแขกมีไฟเปิดทิ้งไว้ สำหรับเธอแล้ว ราวกับแสงไฟสีส้มในกลางดึก ที่คอยให้ความอบอุ่นและความหวังแก่เธอ
ฝ่ามือถูกก้อนหินขูด หัวเข่าถูกข่วนจนมีรอยเลือดไหลออกมา เธอไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจความเจ็บ อยากจะไปให้ถึงให้โดยเร็วที่สุดเท่านั้น……
ในที่สุดก็คลานมาถึงข้างประตูเหล็ก เธอคลานขึ้นไปกดกริ่งหน้าประตูอย่างทุลักทุเล ได้ยินเสียงคนในบ้านดังออกมา เธอถึงได้ถอนหายใจยาว ๆ ด้วยความโล่งอก
อัญมณีได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้น จึงรีบออกมา เธอเห็นด้านนอกประตูว่างเปล่า ขณะที่กำลังมึนงง เมื่อก้มมองลง ก็เห็นร่างที่อยู่บนพื้น
เธอตกใจ แล้วรีบเดินไปข้างหน้า เมื่อเห็นชัดเจนว่าคนตรงหน้าคือญาธิดา เธอก็กรีดร้องขึ้น “ธิดา! เธอ!”
เธอรีบเปิดประตูด้วยความสับสน มองดูลมหายใจที่รวยรินของญาธิดา น้ำตาก็ของเธอเหมือนกับลูกปัดที่แกนด้ายขาด ร่วงหล่นลงมาจนหยุดไม่ได้
“เธอ……เกิดอะไรขึ้นกับเธอ…… เข้มแข็งไว้นะ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน……”
อัญมณีตกใจจนพูดผิดพูดถูก พยุงญาธิดาเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเล จากนั้นก็รีบโทรศัพท์หาธีทัตอย่างลนลาน แล้วก็ช่วยญาธิดาจัดการแผล
ญาธิดาที่นอนอยู่บนเตียง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เอ่ยปากอย่างแผ่วเบาขึ้น “อีธานกับเอลล่า พวกเขา……”
อัญมณีรีบกล่าวขึ้น “เธอไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขาล้วนอยู่ที่นี่ อยู่บนชั้นสอง ฉันได้กล่อมพวกเขานอนหลับแล้ว เธอไม่ต้องกังวล นอนนิ่ง ๆ อย่าขยับ……”
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ญาธิดาถึงได้วางใจลง แต่ไม่รู้ทำไม น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาราวกับควบคุมไม่ได้……
เห็นเธอร้องไห้ อัญมณีมื้อไม้ลนลาน ทั้งหยิบทิชชูให้ทั้งก็ปลอบใจเธอ “ธิดา เกิดอะไรขึ้นกันแน่……เธออย่าทำให้ฉันตกใจได้ไหม”
ญาธิดาพยักหน้า นอกจากน้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ แล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
อัญมณีถามอยู่หลายครั้ง เห็นว่าถามอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ ถึงได้หยุดไม่ถามต่อ
ในเวลานี้ เสียงรถมาจากลานบ้าน ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าลนลานที่ประตู “ธิดา!”
ได้ยินเสียงของธีทัต อัญมณีจึงรีบลุกขึ้นทันที เดินออกห้องนอนที่อยู่ชั้นหนึ่ง มองมาทางเขาแล้วกล่าว “ทางนี้……”
ธีทัตเห็นดังนั้น ก็รีบวิ่งเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นญาธิดานอนอยู่บนเตียง หัวใจของเธอที่แน่นขนัดได้ผ่อนคลายลงในทันที แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ซีดเผือดของญาธิดากับรอยบาดแผลในมือ สีหน้าของเขาก็หม่นลงทันใด
“ธิดา…ธิดา! คุณเป็นอะไร!”
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ญาธิดาทำไมถึงปรากฏตัวอยู่หน้าบ้านอย่างนี้ คนเลวเหล่านั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่!
คำถามต่าง ๆ ปะทุขึ้นมาในสมองของเขา แต่เขากลับไม่ได้คำตอบ
ญาธิดาสีหน้าขาวซีด ลืมตาขึ้นมองเขา แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
“อย่าร้อง อย่าร้อง……” ธีทัตยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าให้กับเธอ “ต้องโทษผม โทษผมปกป้องคุณไว้ไม่ดี……”
สักพัก ญาธิดาอารมณ์ค่อย ๆ สงบลง
พอดีกับที่คุณหมอประจำตระกูลมาถึง จึงได้ช่วยตรวจดูอาการของเธอ
อัญมณีดึงธีทัตออกจากห้อง
สักพัก ญาธิดาอารมณ์ค่อย ๆ สงบลง
ธีทัตขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น”
“เมื่อกี้ฉันเองก็ถามธิดา เธอไม่ยอมปริปากพูด ตอนที่ฉันเจอเธอนั้นเธอนอนกองอยู่หน้าบ้าน……”
ธีทัตฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาหายใจเข้าลึก สาวเท้าเดินออกไปด้านนอก
อัญมณีรีบตามเขาไป “พี่ พี่จะไปไหน!”
ธีทัตสีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดไม่จาเดินตรงไปที่ประตูเหล็ก “เจอเธอตรงไหน”
อัญมณีชี้ตรงที่ประตู “ที่หน้าประตู”
ธีทัตเดินเข้าไป เห็นบันไดหน้าประตูมีรอยเลือด เขาสาวเท้าเดิน มองดูข้าง ๆ เป็นดังที่คิด มีรอยเลือดลากเป็นแนวยาว
เขาเดินตามรอยเลือด เจ็บปวดในใจ
เห็นรอยเลือดบนพื้น เขาแทบจะจินตนาการได้เลยว่าญาธิดาได้รับความทุกข์ทรมานมากขนาดไหน ที่ต้องคลานมาทีละนิ้ว ๆ เช่นนี้
ตามรอยเลือดไปช่วงระยะหนึ่ง รอยเลือดยิ่งอยู่ยิ่งจาง จนกระทั่งหายไป เขามองดูรอยบนพื้น แล้วก้มตัวลงไปสำรวจพื้นโดยรอบ
ในคราบดินมีร่องรอยของล้อยาวสองล้อวิ่งผ่านไปอย่างชัดเจน เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้น ถ่ายรูปที่ชัดเจนของรอยล้อไว้ แล้วส่งให้ลูกน้องอย่างรวดเร็ว สั่งกำชับ “ไปเช็กดูว่าเป็นรถอะไร และไปหากล้องวงจรปิดแถว ๆ นี้มาให้หมด จะต้องหามาให้ได้!”
ขอเพียงตามหารถคันนั้นเจอ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะตามจับคนเลวคนนั้นได้! “พี่ นี่คืออะไร”
เละในเวลานี้ อัญมณีเก็บการ์ดที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ด้านในเขียนไว้ว่า “ให้หนึ่งบทเรียนฟรี ๆ แก่คุณญาธิดา หวังว่าจะจำใส่ใจ”
ในมุมการ์ดล่างได้ลงประทับไว้ด้วยโลโก้ใยแมงมุม
ธีทัตได้ยินดังนั้น รีบเดินมาด้านหน้า แล้วหยิบการ์ดใบนั้นไป เมื่อเห็นตัวหนังสือที่ชัดเจน เขาก็อดขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้
“ชักเหิมเกริมไปใหญ่แล้ว!”
เขาโมโหจนเห็นเส้นเลือดปูดเขียวออกมาอย่างชัดเจน เพลิงแห่งความโกรธได้ปะทุออกมา
เป็นครั้งแรกที่อัญมณีเห็นพี่ชายตัวเองโกรธมากขนาดนี้ เธอหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยปากกล่าว “พี่ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
ได้ยินดังนั้น ธีทัตขมวดคิ้ว หลังจากนั้นไม่นานก็สงบลงเล็กน้อย เขารีบเดินเข้าไปในบ้าน แล้วก้มดูการ์ดในมือ สีหน้าขรึมจนดูน่ากลัว
และในเวลานี้ ประตูห้องนอนได้ผลักเปิดออกดัง “เอี๊ยด” คุณหมอประจำตระกูลเดินออกมา