ดวงใจภวินท์ - บทที่ 460 ถูกบังคับให้เซ็นสัญญา
บทที่ 460 ถูกบังคับให้เซ็นสัญญา
ธีทัตอยู่เฝ้าเธอข้าง ๆ ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากความมืดเป็นสีเทา เขาถึงไม่สามารถต้านทานความง่วงนอนแล้วก็ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง
เมื่อญาธิดาตื่นขึ้นมานั้น ภาพที่เห็นก็คือภาพชายหนุ่มนอนเฝ้าอยู่ข้างเตียง มือของเขาจับมือตัวเองไว้แน่น นอนหลับไม่ลึก เธอแค่ขยับเบา ๆ ธีทัตก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว ใบหน้าแลดูอ่อนเพลีย
หัวใจของญาธิดาสั่นไหว รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างอธิบายไม่ถูก
คิดไม่ถึงว่าเขาจะนอนเฝ้าเธอทั้งคืน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกอบอุ่นหลังจากที่ผ่านความหนาวเย็นจนถึงกระดูก
“ธิดา คุณตื่นแล้วเหรอ!” ธีทัตมองดูเธอ ลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือทาบหน้าผากเพื่อเช็กอุณหภูมิของเธอ แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “ดีขึ้นบ้างหรือยัง”
ญาธิดาไม่ได้หลบ ยิ้มแล้วกล่าวเบา ๆ “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง”
ผ่านการพักฟื้นหนึ่งคืน เธอรู้สึกร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก ยกเว้นแขนที่ถูกขูดจากการคลานบนพื้นเมื่อวานนี้ ที่อื่นเกือบจะปกติเหมือนเดิม
เพียงแต่ว่า เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ความหนาวเหน็บและน่ากลัวประหนึ่งกระแสน้ำซัดเข้ามาก็ไม่ปาน ทำให้เธอต้องต่อสู้กับความเย็นโดยไม่สมัครใจ
ธีทัตลังเลครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้น “เมื่อคืน……”
ได้ยินเพียงสองคำนี้ ร่างของญาธิดาก็บีบรัดเกร็งขึ้น ท่าทางอารมณ์ของเธอมีความวิตกเล็กน้อย รีบลงมาจากเตียง แล้วถามขึ้น “อีธาน เอลล่าล่ะ”
ธีทัตตะลึงงันเล็กน้อย “พวกเขาต่างอยู่บนห้องนอนชั้นบน…..”
ยังไม่ทันได้กล่าวจบ ญาธิดาก็ได้พุ่งไปที่ประตู ตรงไปที่ห้องนอนชั้นสอง เธอผลักประตูห้องนอนเด็ก เห็นอีธานกับเอลล่าที่ยังหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง จึงรีบเดินมาด้านหน้า เอื้อมมือไปกอดพวกเขาไว้
อีธานกับเอลล่าตื่นขึ้นมาจากความฝัน และประหลาดใจมากเมื่อเห็นญาธิดา จึงเอ่ยปากเรียกอย่างงัวเงีย “คุณแม่……”
ญาธิดากอดเด็กน้อยสองคนไว้แน่น น้ำตาเหมือนกับจะกลั้นไว้ไม่ไหวได้ไหลออกมา สักพักก็ไหลนองเต็มหน้า
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก็เหมือนกับสัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่ในความมืด ที่คอยจับจ้องพวกเขาไว้ตลอดเวลา การลงมือของคนขับรถ ทำให้เธอกระสับกระส่าย กลัวและกระวนกระวาย
เวลานี้ เมื่อเห็นอีธานกับเอลล่าปลอดภัยดี มีชีวิตดี ๆ อยู่ตรงหน้าเธอ ความไม่สบายใจของเธอก็ค่อย ๆ จางหายไป
ในขณะเดียวกัน ธีทัตยืนมองดูภาพนี้อยู่หน้าประตู ในใจก็พอจะเดาออกบางอย่างได้ เขาเลิกคิ้ว ได้ยินเสียงเปิดประตูดังจากห้องนอนข้าง ๆ หันหน้าไปมอง ก็เห็นอัญมณีที่กำลังมึนงง และค่อย ๆ รู้สึกสึกตัว
ได้ยินมีเสียงจากห้องเด็ก อัญมณีถามด้วยความเป็นห่วง “พี่ ธิดาตื่นแล้วเหรอ เธอเป็นไงบ้าง”
ธีทัตไม่พูดไม่กล่าวใด ๆ ยื่นมือออกมารั้งเธอไว้ แล้วดึงเธอมาข้าง ๆ กล่าวอย่างเย็นชา “อันอัน อย่าถามเรื่องเมื่อวานกับธิดา รู้ไหม”
อัญมณียิ่งมึนงง “ทำไม”
สีหน้าของธีทัตจริงจัง กล่าวอย่างขึงขัง “เพราะว่าเธอไม่อยากบอก พวกเราถาม รังแต่จะกระทบกระเทือนจิตใจเธอ เข้าใจหรือยัง”
หากว่าเธออยากจะพูด ก็พูดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากจะพูด ในเมื่อเธอไม่อยาก เขาก็จะไม่บังคับเธอ
เรื่องที่เหลือ เขาเต็มใจที่จะลำบากหน่อย จัดคนไปสืบข้อมูลด้วยตัวเอง
อัญมณีถูกการแสดงออกที่จริงจังของพี่ชายตัวเองทำให้ตกใจ หลังจากลังเล เธอก็พยักหน้าในที่สุด แล้วกล่าวเบา ๆ “รู้แล้วค่ะ”
ธีทัตพยักเล็กน้อย แล้วกล่าวเสียงเบา ๆ “ถือว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน ควรทำอะไรก็ทำอย่างนั้น”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็เดินไปห้องน้ำที่อยู่ข้าง ๆ เปิดก๊อกน้ำแล้วล้างหน้าล้างตา ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา บนโต๊ะอาหาร ญาธิดากล่อมอีธาน เอลล่าทานข้าว จากนั้นอัญมณีก็พาพวกเขาไปดูทีวีข้าง ๆ เธอจึงได้มีเวลาทานอาหาร
“ทานโจ๊กหน่อยนะ”
ธีทัตตักโจ๊กมาให้อย่างใส่ใจ แล้ววางลงด้านหน้าของญาธิดา
ญาธิดาพยักหน้า ทานไข่ไปหนึ่งฟองอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองธีทัตแล้วกล่าว “ทัต สองสามวันนี้ฉันจะจัดการงานทุกอย่างให้แล้วเสร็จ จากนั้นพวกเราก็ไปฝรั่งเศสตามแผนเดิมที่วางไว้นะ”
ธีทัตได้ยินดังนั้น ก็หยุดชะงักขึ้น หันหน้ามามองเธอ ดวงตาเป็นประกาย
“คิดดีแล้วเหรอ”
ญาธิดาพยักหน้าอย่างไม่ลังเลใจ “ค่ะ คิดดีแล้ว”
เธอไม่สามารถที่จะอยู่ที่เมือง J ต่อไปได้อีก หากว่าอยู่ต่อ ไม่เกิดเรื่องกับเธอ ก็จะต้องเกิดเรื่องกับอีธาน เอลล่าอย่างแน่นอน
เมื่อวาน คนสวมหน้ากากผีคนนั้นบังคับให้เธอเซ็นสัญญา ในสัญญาบอกว่า หากว่าเธอเลือกพัวพันกับภวินท์ต่อไป อย่างนั้นอีธานกับเอลล่า จะถูกกระทำยิ่งกว่าสุนัขตัวนั้นหลายหมื่นเท่า
และคำกล่าวนั้น คือการรับรองด้วยคำพูดของเธอ ขอเพียงเธอเซ็นชื่อ ก็แสดงว่าเธอยอมรับการลงมือต่ออีธานกับเอลล่าของสารเลวพวกนั้นโดยปริยาย ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธ ไม่ยอมเช็นชื่ออย่างสุดชีวิต
แต่ใครจะไปรู้ว่าลูกน้องของหน้ากากผีคนนั้น ใช้เข็มฝังเข้ามาที่ร่างกายของเธอ ทำให้เธอสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวทันที รู้สึกตัว แต่แขนขากลับไม่มีแรง ยอมให้จะฆ่าแกงได้อย่างตามใจ
เธอมองดูพวกเขาจับมือของเธอขึ้น แล้วประทับลายนิ้วมือลงบนใบรับรองใบนั้น
ซึ่งก็หมายความว่า จากนั้นเป็นต้นไป ทันทีที่เธอเข้าไปพัวพันกับภวินท์อีก คนเหล่านั้นก็จะลงมือกับอีธานกับเอลล่าอย่างไม่สนใจสิ่งใด ๆ
เมื่อนึกถึงภาพเหล่านั้นของเมื่อวาน ความเย็นยะเยือกก็แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ ทำให้ญาธิดาตัวสั่นในทันใด
“ธิดา”
เมื่อนึกถึงภาพเหล่านั้นของเมื่อวาน ความเย็นยะเยือกก็แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ ทำให้ญาธิดาตัวสั่นในทันใด
ได้ยินคำเรียกเบา ๆ ของธีทัตดังจากข้าง ๆ ญาธิดาถึงได้ดึงสติกลับคืนมา เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ยกมือมาเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก แน่วแน่ในความคิด มองเขาแล้วกล่าว “ทัต เรื่องงาน วันนี้ฉันจะไปจัดการสักหน่อย ต่อไปฉันจะไม่ไปอีกแล้ว”
หนังสั้นการกุศล เธอทำต่อไปไม่ได้แล้ว นั่นเป็นโครงการของภวินท์ อาจจะทำให้เกิดการพัวพันไม่เลิก เธอจะให้ตัวเองและลูก ๆ มาตกอยู่ในความเสี่ยงอันตรายแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นแม้ต้องผิดสัญญา หรือจะไม่สามารถเอาคลิปนั้นมาจากมือของภวินท์ได้ เธอก็จะต้องจากไป
ธีทัตรู้สึกประหลาดใจ แต่เซอร์ไพรส์มากกว่า “ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
“ไม่ต้อง ฉันไปคนเดียวก็พอ” ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
สำหรับทางกองถ่าย เธออธิบายให้ชัดเจนกับคุณบิ๊กก็เพียงพอ แล้วให้เขาช่วยกระจายข่าวก็ได้แล้ว
ส่วนภวินท์ เธอจะไม่เจอกับเขาอีกต่อไป
ไม่ว่าครั้งนี้คนสวมหน้ากากผีจะเป็นใคร เธอก็ไม่อยากจะไปติดต่อข้องแวะกับภวินท์อีก
ธีทัตที่อยู่ข้าง ๆ มองสีหน้าที่แน่วแน่ของหญิงสาว ริมฝีปากขยับขึ้น แต่ที่สุดก็ไม่ได้กล่าวคำใด ๆ
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ ญาธิดาก็ขับรถไปที่กองถ่าย ธีทัตแอบส่งลูกน้องไปปกป้องญาธิดาอย่างเงียบ ๆ
ญาธิดาเพิ่งจะขับรถออกมาจากแกรนด์ บูเลอวาร์ด ก็ถูกคนจับจ้องแล้ว
ตั้งแต่ที่ญาธิดาเกิดเรื่อง ภวินท์ส่งลูกน้องที่มีฝีมือสองคนคอยจับตามองเธอยี่สิบสี่ชั่วโมง ประการแรกเพื่อปกป้องความปลอดภัยของเธอ ประการที่สองคือ เขาอยากจะหาโอกาสเจอหน้าญาธิดาสักครั้ง
ลูกน้องของเขาเพิ่งจะเห็นรถของญาธิดาจากไป จึงได้รีบรายงานสถานการณ์ให้ภวินท์ทันที แต่ตอนนี้ภวินท์ยุ่งอยู่กับงาน แทบจะไม่มีเวลาปลีกตัวออกมาได้
แต่เช้าตรู่ เอกสารลับฉบับหนึ่งของ STN Group ได้รั่วไหลออกไป ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วบริษัท ยังดึงดูดสื่อนักข่าวมาเยี่ยมเยือนอีก
ตลอดทั้งช่วงเช้า ภวินท์ยุ่งอยู่กับงาน แทบจะไม่มีเวลาไปดูโทรศัพท์
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พายุผลักประตูเข้ามา สีหน้าเคร่งเครียด แล้วกระซิบข้างใบหูภวินท์ “ท่านประธานครับ สามารถมั่นใจได้ว่าเป็นฝีมือของพนักงานในบริษัทแล้วครับ”
แววตาของภวินท์คมกริบ “ใคร”
พายุตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “หากไม่ผิดพลาด น่าจะเป็นหลานแท้ ๆ ของกนก ลูกน้องคนสนิทของคุณปกรณ์ครับ สองวันก่อน เขาลาออกอย่างกะทันหัน ตอนนี้ยังหาตัวไม่พบครับ”
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
พายุหยุดชะงักครู่หนึ่ง แล้วรายงานต่อ “ท่านประธานครับ ยังมีอีกเรื่อง ตอนนี้ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้ร้องขอให้จัดการประชุมผู้ถือหุ้นขึ้น และขอให้คุณปกรณ์เข้าร่วมด้วยครับ”