ดวงใจภวินท์ - บทที่ 479 คุณอาสุดหล่อคือใคร
บทที่ 479 คุณอาสุดหล่อคือใคร?
ดวงตาของภวินท์ขรึมลง บนใบหน้ามีความกังวลเล็กน้อย เขารีบก้าวเท้าตามขึ้นไป แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “ญาธิดา เราเซ็นสัญญากันแล้ว คุณบอกไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย มันไม่สมเหตุสมผล”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ฉันจะชดใช้ค่าผิดสัญญาให้คุณ”
ภวินท์ก้าวสองสามก้าวเดินไปถึงตรงหน้าเธอ แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “ผมไม่เอาค่าผิดสัญญา”
ญาธิดากำหมัดแน่น โกรธจนกัดฟัน “แล้วคุณต้องการอะไรกันแน่!”
มองดูดวงตาสดใสราวโคมไฟน้อยของหญิงสาว หัวใจภวินท์กระตุก กล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า “ผมต้องการให้คุณอยู่ต่อ”
เมื่อห้าปีก่อน เขาเคยสูญเสียเธอไปหนึ่งครั้ง ความรู้สึกแบบนั้น เขานั้นคุ้นเคยมาก ตอนนี้ เขาไม่อยากจะประสบพบเจอเป็นครั้งที่สองแล้ว
ญาธิดาอึ้งเล็กน้อย ครู่หนึ่ง อดที่จะยิ้มเยาะเย้ยออกมาไม่ได้ “ภวินท์ คุณบ้าหรือเปล่า! คุณต้องการจะให้ฉันอยู่หรือ?ในฐานะอะไร ?หรือคุณลืมไปแล้วว่าคุณมีครอบครัวมีคนรักแล้ว?”
ภวินท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เจ็บจี๊ดในหัวใจ แล้วหลุดปากพูดออกมาว่า “ผมกับนิวราเป็นสามีภรรยากันแค่ในนามเท่านั้น ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทันใดนั้น หัวสมองญาธิดาว่างเปล่า
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอจึงค่อยได้สติคืนมา
เป็นไปได้อย่างไร?
เธอกับธีทัตนั้นเป็นสามีภรรยาในนามจริงๆ แต่ภวินท์กับนิวรานั้นเป็นไปได้อย่างไร ?ยิ่งไปกว่านั้น เขาปกป้องนิวราขนาดนั้น แล้วเป็นไปได้อย่างไร………
ทันใดนั้น ไหล่เธออุ่นๆ ภวินท์กอดไหล่เธอไว้ จับตัวของเธอให้ตรง ให้เธอสบตาเขา “ญาธิดา ในใจคุณยังมีผม ไม่ใช่หรือ?”
หนึ่งประโยค ราวกับกระแสไฟ ทำให้ญาธิดาชาไปทั้งตัว ทันใดนั้นพูดอะไรไม่ออก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอได้สติคืนมา ผลักมือเขาออก แล้วส่ายหน้ากล่าวขึ้นว่า “ไม่ คุณคิดมากไปแล้ว!”
พูดพลาง เธอถอยหลังไปหลายก้าว หันหลังก็จะหนีไป แต่ใครจะรู้ยังไม่ทันก้าวเท้าออกไป เขาก็ได้ยินเสียงของภวินท์ดังขึ้นข้างหูว่า “แล้วนี่มันอะไร!”
เธอหันกลับมาทันที ตอนที่เห็นสิ่งของในมือเขา สีหน้าเธอซีดลงทันที
นั่นเป็นที่คั่นหนังสือที่เธอทำเองกับมือ เหน็บไว้ในสคริปต์ตลอด เธอเป็นคนปักลวดลายด้วยมือของเธอเอง ข้างบนมีตัว “วิน” มันเป็นชื่อของภวินท์ !
ตอนอยู่อเมริกา ช่วงที่เธอรอคลอด คิดถึงเขาทั้งวันทั้งคืน ต่อมาเธอว่างจนรู้สึกเบื่อ ตอนที่ปัก ก็ทำที่คั่นหนังสือแบบนี้อันหนึ่ง ตัวหนังสือ “วิน” นั้นได้ปักขึ้นไปในตอนนั้น
ต่อมา ใช้ที่คั่นหนังสือนี้จนชินแล้ว เธอก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนอีกไม่คิดว่า จะถูกภวินท์เห็นเข้า!
“ผมไปกองถ่าย คุณบิ๊กได้เก็บข้าวของของคุณไว้ในกล่อง ผมไปเห็นมันเข้าโดยไม่ตั้งใจ”
ภวินท์เดินเข้ามา นิ้วมือเรียวยาวหนีบที่คั่นหนังสือนั้นไว้ สายตาตกอยู่บนตัวของเธอ “ญาธิดา คุณอย่าบอกว่านี่ไม่ใช่ของคุณนะ”
ทันใดนั้น ใบหน้าของญาธิดาแดงก่ำ เธออายจนโกรธ ยื่นมือมาคิดจะแย่งที่คั่นหนังสือนั้นมา
นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ มันเป็นความลับที่เธออยากจะเก็บซ่อนไว้ แต่ไม่คิดว่า ตอนนี้ถูกเขาค้นพบแล้ว!
ภวินท์ยกมือขึ้นเล็กน้อย หลบหลีกมือของเธออย่างเบาๆ “ญาธิดา อยู่ต่อนะ ”
เขามีเรื่องมากมายอยากจะบอกเธอ ยังมีเรื่องมากมายที่อยากจะทำร่วมกับเธอ ดังนั้น เธอจากไปไม่ได้ อย่างน้อยจากไปในเวลานี้ไม่ได้
ลองอยู่หลายครั้งก็ไม่อาจจะแย่งที่คั่นหนังสือในมือเขาได้ ญาธิดาโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เธอขมวดคิ้ว เขย่งเท้ายื่นมือไปแย่งอีกครั้ง
ใครจะรู้ เท้าเธอลื่น คนทั้งคนเอียงไปทางข้างๆ ใกล้จะล้มหน้าคะมำ จู่ ๆ เอวของเธอรู้สึกแน่น ถูกแรงหนึ่งดึงกลับ โผลเข้าไปในอ้อมกอดกว้างใหญ่ทันที
เธอพึ่งจะยืนมั่นคง พอเงยหน้า ก็เห็นสายตาคู่ดำของชายหนุ่ม หัวใจของเธอกระตุก ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ภวินท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แววตาอ่อนโยนเล็กน้อย “อยู่ต่อนะ ”
ทันใดนั้น ญาธิดารู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่อันอันเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทันใดนั้น เธอรู้สึกตื่นขึ้นมาเล็กน้อย แววตาเย็นชา “ภวินท์ พูดโกหกได้ประโยชน์อะไร?”
หากเป็นจริงอย่างที่เขาพูด เขากับนิวราเป็นสามีภรรยากันเพียงแค่ในนามเท่านั้น แล้วเขาจะปกป้องเธอและช่วยเธอปกปิดความผิดทำไมกัน?
ปากของผู้ชาย นั้นหลอกลวง! เธอไม่ควรจะเชื่อเขาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว!
ภวินท์กล่าวอย่างจริงจังว่า “ผมไม่เคยโกหกคุณเลย ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ญาธิดายิ่งโมโห เธอใช้แรงต้องการจะผลักเขาออก แต่แขนของชายหนุ่มกอดเอวเธอไว้แน่นๆ ราวกับกำแพงทองแดงผนังเหล็ก
ญาธิดาขมวดคิ้ว “ปล่อยฉัน!”
ภวินท์กล่าวทีละคำทีละประโยคว่า “คุณรับปากผมก่อน ”
เธอกัดฟันกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ฉันอยู่ต่อ!และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ต่อเพราะคุณ!”
ภวินท์ก้มหน้า กล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ปล่อย”
ครั้งนี้ แม้จะถูกเขาด่าว่าขี้โกง เขาก็จะไม่ปล่อยเธอไป
“คุณ………”
ญาธิดาโกรธจนสั่นไปทั้งตัว ผลักก็ผลักไม่ออก พูดก็สู้เขาไม่ได้ เธอก้มหน้ามองดูแขนของชายหนุ่มที่อยู่แค่คืบ จู่ ๆ ก็คิดขึ้นมาได้ กัดไปที่แขนของเขาทันที
ครั้งนี้ เธอไม่ได้ระวังเรื่องความแรง แต่เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงร่างกายชายหนุ่มเกร็ง มือที่กอดเธอไว้กลับแน่นเข้าเล็กน้อย
เธอคลายปากออก เห็นรอยหยักฟันที่แขนของชายหนุ่มอย่างชัดเจน จู่ ๆ รู้สึกคับข้องใจ น้ำตาไหลลงมา พรากๆ
ผู้ชายที่ทำให้เธอหมดปัญญา ก็มีเพียงภวินท์คนเดียวเท่านั้นแล้ว!
ในที่สุด เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกโล่งอก “ฉันรับปากคุณ”
มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็แทบจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หากเธอไม่คลายปากออก กลัวแต่ว่าภวินท์จะกอดเธอไว้อย่างนี้ตลอดไม่ยอมปล่อย
รับปากเขาก่อน หลังจากนั้นเขาไม่อาจจะส่งคนเฝ้าดูความเป็นไปของเธอได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก
เมื่อภวินท์ได้ยินเช่นนั้น ก้มหน้ามองดูเธอ แล้วกล่าวขึ้นเหมือนเป็นการเตือนว่า “ญาธิดา ห้ามหลอกผมนะ มิเช่นนั้น ต้องรับผลที่จะตามมาเองนะ ”
ญาธิดาพยักหน้า “ได้ ฉันรับปากคุณ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มจึงคลายมือออก
ญาธิดาแอบโล่งอก กล่าวเสียงเรียบ ๆ ว่า “ช่วงนี้ฉันต้องเฝ้าอยู่ข้างกายอันอัน เรื่องหนังสั้นก็ให้คุณบิ๊กทำต่อ เขาสามารถรับมือคนเดียวได้ ”
พูดจบ ไม่รอให้ภวินท์เอ่ยปาก เธอถอยหลังสองก้าว ดึงระยะห่างกับเขาออก แล้วกล่าวทีละคำทีละประโยคว่า “ฉันกลับก่อนล่ะ”
พูดจบ เธอรีบหันหลัง จากไปอย่างรวดเร็วราวกับหลบหนี
เธอเดินไปข้างหน้า รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองตัวเธออยู่ตลอด ในที่สุด เธอเดินเข้าไปในเขตแผนกผู้ป่วยใน เลี้ยวซ้ายขวาอยู่หลายครั้ง แล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำหญิง ถึงถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
หลอกภวินท์ไปก่อน ส่วนหลังจากนั้นเธอจะไปหรืออยู่ต่อ จะไปไหน เขาพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์
ทันใดนั้น เสียงมือถือในกระเป๋าดังขึ้น เธอหยิบมือถือออกมาอย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่าเป็นคุณปภาวีโทรมา จึงกดปุ่มรับสายทันที
“ฮัลโหล แม่”
น้ำเสียงเป็นกังวลของคุณปภาวีดังมาจากอีกฝั่ง “ธิดา เอลล่าไข้ขึ้น วันนี้หนูหาเวลากลับมาหน่อย……..”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของญาธิดากระตุกขึ้นมาทันที
ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าตอนที่เธอเห็นเอลล่า เธอยังสบายดีอยู่เลย ทำไมจู่ ๆ จึงไข้ขึ้น?
ญาธิดาก็ไม่อาจจะล่าช้า รีบรับปาก แล้วนั่งรถรีบกลับไปบ้าน เมื่อกลับถึงบ้าน เธอเดินไปถึงประตูห้องนอนเด็ก เห็นคุณปภาวีถือแก้วน้ำเดินออกมาจากข้างในพอดี
“แม่ อาการของเอลล่าเป็นอย่างไรบ้าง?ทำไมไม่ส่งไปโรงพยาบาล?”
“พอส่งไปโรงพยาบาลก็จะต้องให้น้ำเกลือ มันไม่ดีกับเด็ก แม่เรียกหมอประจำครอบครัวมาแล้ว ให้ยาลดไข้ไว้แล้ว แม่ป้อนเธอไปแล้วด้วย ”
เมื่อได้ยินว่าเอลล่าดื่มยาไปแล้ว ความกังวลใจของญาธิดาจึงค่อยๆ ดีขึ้น “ถ้าอย่างนั้นหนูเข้าไปดูเธอก่อน ”
เธอเพิ่งจะก้าวเท้าเดินเข้าไป ใครจะรู้ว่าคุณปภาวีที่อยู่ข้างๆ ยื่นมือออกมา คว้าแขนเธอไว้ทันที แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อย “ธิดา อย่าเพิ่งเข้าไปก่อน แม่มีเรื่องจะถามหนู”
“เป็นอะไรหรือแม่?”
คุณปภาวีพูดอย่างงุนงง “เมื่อกี้แม่ได้ยินเอลล่าเอ่ยถึงคุณอาสุดหล่ออะไร ใครคือคุณอาสุดหล่อ?หนูรู้ไหม?