ดวงใจภวินท์ - บทที่ 480 เจ็บตอนนี้ดีกว่าเจ็บในวันข้างหน้า
บทที่ 480 เจ็บตอนนี้ดีกว่าเจ็บในวันข้างหน้า
เมื่อได้ยินเช่นนี้น ญาธิดารู้สึกหนักใจ พูดอะไรไม่ออกในชั่วขณะหนึ่ง
คุณปภาวีพูดต่อว่า “แม่ได้ยินเธอพูดถึงตลอด รู้สึกเป็นห่วง คิดว่าคงไม่ใช่คนไม่ดีอะไรใช่ไหม?”
ญาธิดาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเรียบ ๆ ว่า “ไม่ใช่ เป็นเพื่อนคนหนึ่ง ”
คุณปภาวียังคงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “เพื่อนอะไรที่ทำให้เอลล่าตลอดพูดถึงตลอด แม่ไม่เคยเห็นเธอติดทัตเท่านี้…….”
ญาธิดาฝืนฉีกยิ้ม “ก็แค่เพื่อนคนหนึ่ง ก่อนหน้านั้นเคยพาลูกแฝดไปสวนสนุก ค่อนข้างสนิทก็เท่านั้นเอง ”
เมื่อเธอพูดเช่นนี้ คุณปภาวีจึงค่อยโล่งอก แล้วพึมพำกับตัวเองว่า “ไม่ใช่คนไม่ดีก็พอ……..”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เห็นเธอเดินไปแล้ว จึงผลักประตูห้องออก แล้วก้าวเดินเข้าไป
เอลล่านอนอยู่บนเตียง ห่มผ้าห่มอย่างมิดชิด มีเพียงหัวเล็กๆ ที่โผล่ออกมา
ญาธิดาเดินเข้าไป นั่งลงข้างเตียงเบาๆ ยื่นมือออกไปใช้หลังมือเตะไปที่หน้าผากของเอลล่า ยังรู้สึกร้อนเล็กน้อย ดูไปแล้วต้องรอให้ยาออกฤทธิ์ก่อนไข้จึงจะค่อยๆ ลด
“คุณแม่…….”
น้ำเสียงอ่อนแอดังขึ้น ญาธิดารีบก้มหน้ามองไปทางเธอ มองดูท่าทางอ่อนปวกเปียกของเด็กน้อย ทันใดนั้นเธอใจอ่อนลงเล็กน้อย
เธอปลอบด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “พักผ่อนให้สบาย แม่อยู่ข้างกายหนูแล้ว ไม่ต้องกลัว นอนตื่นมาก็ดีขึ้นแล้ว ”
เอลล่าขยับตัว ยื่นมือน้อยออกมา จับนิ้วของเธอไว้ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลียว่า “คุณแม่ หนูคิดถึงคุณอาสุดหล่อ วันหลังสามารถ…..”
ไม่รอให้ เอลล่าพูดจบ ญาธิดาก็ขมวดคิ้วขึ้น
ไม่คิดว่า ในใจของเอลล่า ภวินท์นั้นสำคัญกว่าธีทัต ตอนที่เธอไม่สบาย คนที่เธออยากเจอที่สุดนั้นไม่ใช่ “คุณพ่อ” แต่เป็นเขา!
“ให้คุณอาสุดหล่อมาเยี่ยมหนูได้ไหม ?…….”
เมื่อญาธิดาได้ยินเช่นนั้น เจ็บจี๊ดที่หัวใจ แล้วปฏิเสธทันที “ไม่ได้ ”
เอลล่าถามขึ้นด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “ทำไม?”
ญาธิดาอ้าปาก พูดอะไรไม่ออกในชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอตอบไม่ตรงคำถามว่า “พรุ่งนี้คุณพ่อก็จะมาหาหนูแล้ว รอหน่อย ได้ไหม?”
เอลล่าตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า “แต่หนูอยากเจอคุณอาสุดหล่อ……..”
ทันใดนั้น ญาธิดารู้สึกหงุดหงิดหัวใจ
ภวินท์มีเวทมนตร์อะไรกันแน่ ที่สามารถทำห้เด็กอายุสี่ห้าขวบคิดถึงเขาไม่ลืม หรือว่า เป็นเพราะสายเลือดกันจริงๆ หรือ?
แต่ว่า ไม่ว่าอย่างไร เธอจะไม่ให้เอลล่ากับภวินท์ติดต่อกันอีกแล้ว สักวันเธอก็ต้องจากไปไม่ช้าก็เร็ว เจ็บตอนนี้ดีกว่าไปเจ็บในวันข้างหน้า เธอจะต้องตัดไฟแต่ต้นลม ต้องแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด
“เอลล่า คำขออื่นๆ นั้นแม่สามารถรับปากหนูได้ ยกเว้นอันนี้ ”
สีหน้าเธอจริงจังเล็กน้อย ยื่นมือออกมาห่มผ้าให้ เอลล่า น้ำเสียงไม่อาจต่อรอง
เอลล่าเบิกตากว้าง น้ำตาคลอเบ้า เหมือนจะถูกท่าทีของเธอทำให้ตกใจ ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอยื่นมือน้อยๆ ออกมาจับมือญาธิดาไว้ แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “คุณแม่ หนูรู้แล้ว หนูจะพักผ่อนให้หายไวๆ ……..”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงน้อยใจของเด็กน้อย ทันใดนั้นญาธิดาใจอ่อนลงเล็กน้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย “รีบนอนเถอะ ต้องพักผ่อนมากๆ ถึงจะหายป่วย ”
เอลล่าพยักหน้า หลับตาอย่างเชื่อฟัง
มองดูเธอค่อยๆ หลับไป ญาธิดาจึงวางใจเล็กน้อย ลุกขึ้นแล้วออกจากห้องนอนไป
เธอทำแบบนี้ อาจจะโหดร้ายกับเด็กอายุสี่ห้าขวบไปบ้าง แต่ตอนนี้เจ็บปวดบ้าง ย่อมดีกว่าเจ็บปวดในอนาคตมาก
ฟ้ามืดลงโดยไม่รู้ตัว ในวิลล่าแห่งหนึ่งนอกชานเมืองJ รถเก๋งสีดำคันหนึ่งกำลังขับเข้าไปในประตูใหญ่ แล้วจอดนิ่งที่ปากประตู
ไม่นาน ประตูรถเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงสองคนใส่ชุดฟอร์มสีดำลงมาจากรถ เปิดทางซ้ายคนขวาคน แล้วตามด้วย เงาร่างหนึ่งออกมาจากในรถ แล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาที่มาด้วยกันเดินไปถึงชั้นสอง แล้วเข้าไปในห้องทันที
ในห้อง ภูผานั่งอยู่บนโซฟา ส่ายแก้วเหล้ามือไปมาอย่างขี้เกียจ เมื่อได้ยินเสียง เขาหันหน้ากลับไป พอเห็นพวกเขา เขากระตุกยิ้ม “คุณสิงโต ครั้งนี้คุณมาสายอีกแล้วนะ ”
สิงโตยิ้มเยาะเย้ย แล้วนั่งลงหน้าโซฟาทันที “เสียเวลาหลบเลี่ยงไปหน่อย ฉันลงโทษตัวเอง”
พูดพลาง เขาจับขวดเหล้าแก้วเหล้าขึ้นมา เทให้ตัวเองหนึ่งแก้วยิ้มให้ภูผา แล้วเงยหน้าดื่มทันที
ภูผาหัวเราะ แล้วถามขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “ยังจับหนอนบ่อนไส้ไม่ได้หรือ?”
เมื่อเอ่ยถึงหนอนบ่อนไส้ สีหน้าสิงโตกระตุกสองครั้ง ในตาเป็นประกายเย็นชา “ไอ้ปลาไหลนี้ ซ่อนตัวลึกมาก”
เมื่อภูผาได้ยินเช่นนั้น หัวเราะฮ่าๆ สองเสียง แล้วกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หากคุณสิงโตยินยอม ผมช่วยตรวจสอบได้”
เมื่อสิงโตได้ยิน แววตาเคร่งขรึม ยกมือขึ้นทันที แล้วกล่าวปฏิเสธด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องในบ้านไม่อาจจะไปประจานให้คนอื่นฟังได้ ฉันจัดการภายในบ้านเองก็พอแล้ว หากนายอยากจะช่วยฉันจริงๆช่วยเคลียร์ทางภวินท์ให้เรียบร้อยจะดีกว่า ”
ภูผายิ้ม “ใกล้จะถึงวันเกิดของคุณสิงโตแล้วไม่ใช่หรือ? ที่ผมเรียกคุณมาครั้งนี้ ก็ว่าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้คุณเหมือนกัน ”
“คุณนั้นมีใจจริงๆ ” สิงโตหัวเราะคิกๆ “เกี่ยวกับภวินท์ไหม?”
“มันต้องแน่อยู่แล้ว ช่วยจัดการทางภวินท์ให้เรียบร้อย ก็เท่ากับให้ของขวัญชิ้นใหญ่สุดกับสิงโตแล้วไม่ใช่หรือ ?”
สิงโตเลิกคิ้ว “มีวิธีแล้วหรือ?”
“อืม” ภูผายิ้มบางๆ อย่างสงบนิ่ง สายตาจ้องไปที่นิ้วที่ขาดหายไปของสิงโต “คอยดู คราวนี้ผมจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจแก่คุณอย่างแน่นอน”
สิงโตยิ้ม “นายลองพูดมาฟังดูก่อน ว่าใช้วิธีอะไร?คงจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ผู้หญิงคนนั้นอีกใช่ไหม?”
ภูผากล่าวอย่างสงบว่า “มนุษย์นั้น ไม่ควรจะเปิดเผยจุดอ่อน มิเช่นนั้นฝ่ายตรงข้ามจะจับจุดอ่อนของเขาไว้ และใช้แล้วได้ผลทุกครั้ง สถานการณ์ของภวินท์ในตอนนี้เป็นแบบนี้ สำหรับเขาแล้ว ญาธิดานั้นเป็นอาวุธที่ดีที่สุด เราไม่ใช้ก็เสียเปล่า”
“พูดถูกต้อง!”
สิงโตหัวเราะเสียงดัง จับแก้วเหล้าขึ้นมาชนแก้วกับเขา จากนั้นดื่มหมดรวดเดียวทันที
ภูผาหัวเราะ เงยหน้าขึ้นโดยไม่ตั้งใจ จู่ ๆ เห็นว่าประตูไม่ได้ปิด มีเงาดำผ่านช่องประตู พอมองไปอีกครั้ง ทุกอย่างว่างเปล่า
เมื่อกี้นี้ คนที่ยืนอยู่ตรงประตูคือใคร?
ภูผาระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที แม้แต่แววตาก็เคร่งขรึมลงเล็กน้อย
ประจวบเหมาะกับที่สิงโตดื่มเหล้าหมดพอดี มองมาทางเขา แล้วกล่าวขึ้นว่า “เรื่องที่คุณหนูตระกูลวรโชติแอบอ้างชื่อของฉันไปก่อไว้ นายรู้ไหม?”
ภูผาได้สติคืนมา ยิ้มแล้วกล่าวขึ้นว่า “รู้อยู่แล้ว ”
สิงโตยิ้มเยาะเย้ย “ญาธิดาคนนี้ ได้ล่วงเกินคนมาไม่น้อยเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าภวินท์ชอบเธอตรงไหน……..”
ภูผายิ้ม พูดคุยกับสิงโตไป พลางรู้สึกไม่สบายใจ วางใจไม่ลง
เงาร่างที่ผ่านที่ประตูเมื่อกี้นี้คือใคร ได้ยินคำพูดระหว่างเขากับสิงโตหรือเปล่า แล้วได้ยินอะไรบ้าง?
เขาไม่รู้เลย
เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างไม่ผิดพลาด เขาจะต้องรู้ให้ได้
หลังจากส่งสิงโตกลับไปแล้ว เขารีบสั่งครามว่า “ไป ไปดูกล้องวงจรปิด ดูว่าตอนที่ฉันกับคุณสิงโตคุยกันอยู่ในห้องมีใครมายืนอยู่ที่ประตู”
เมื่อครามได้ยิน รีบรับคำ แล้วออกจากห้องไป
ภูผานั่งอยู่บนโซฟา ในหัวสมองครุ่นคิดคำพูดที่สิงโตพูดเมื่อกี้นี้
และในเวลานี้ มีเสียงฝีเท้าดังมาจากประตู ตามด้วยประตูห้องถูกผลักออก ในมือแก้วเกล้าถือถาด เดินเข้ามาจากข้างนอก
“คุณผู้ชาย นี่เป็นขนมว่างที่ป้าแม่บ้านทำเมื่อกี้นี้ คุณลองชิมดู”
พูดพลาง เธอยกขนมว่างเข้ามา วางลงข้างมือของภูผาด้วยสีหน้าเกรงกลัวและไม่สบายใจ