ดวงใจภวินท์ - บทที่ 481 นี่คือสารภาพรักเหรอ
บทที่ 481 นี่คือสารภาพรักเหรอ?
ภูผามองไปที่นัยน์ตาบนหน้าของเธอ ค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปหยิบขนมขึ้นมา ชิมมันด้วยท่าทางสง่างาม และพูดเสียงเบา “รสชาติไม่เลว เธอลองชิมดู”
เกล้าแก้วได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้ารับ และหยิบเค้กถั่วเขียวขึ้นมากินอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร
ภูผาจ้องไปที่เธอ สักพักจึงเอ่ยปากถาม “เรื่องที่บ้านทั้งหมดจัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ? ”
เกล้าแก้วตอบอย่างระวัง เห็นได้ชัดว่ามีความชั่งใจเล็กน้อย “จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ทั้งสองถามตอบ ไม่นาน ห้องนอนก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง หลังจากนั้น เกล้าแก้วก็ลุกขึ้นยืนก่อน “คุณภูผา ฉันขอตัวก่อนนะ”
เธอพูด พลางก้าวเท้าเดินออกไปทางด้านนอก
“เดี๋ยวก่อน” ภูผาเอ่ยปากเรียกเธอไว้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่นเล็กน้อย “เมื่อกี้เธอได้ยินหมดแล้วเหรอ? ”
เกล้าแก้วได้ยินดังนั้น ร่างก็แข็งทื่อเล็กน้อย เธอตัวสั่น หันหน้าไปทางภูผาด้วยแววตาหวาดกลัวเล็กน้อย “ทำไมถึงปล่อยธิดาไปไม่ได้? ”
ติดตามข้างกายภูผามาห้าปี เขาทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ เขาอ่อนโยนอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็เข้ากันได้ แต่บางครั้งเธอก็เจอกับสถานการณ์แปลกและน่ากลัว มันเห็นได้อย่างชัดเจนนานแล้ว ว่าภูผาไม่ใช่คนธรรมดาและไม่มีพิษภัยอย่างที่เธอคิด
เขาลึกลับ ซับซ้อน ในมือก็มีอิทธิพลซ่อนอยู่ แค่ชี้นิ้วก็สามารถจัดการเรื่องที่เธอไม่มีอำนาจทำได้ เช่นหนี้และศัตรูที่บ้าน เขาโอบล้อมเธอไว้ในสังคมที่อบอุ่นและสะอาดของเขา หากให้พูดอย่างเคร่งครัด เขาก็คือผู้มีบุญคุณของเธอ
เรื่องอื่นเธอไม่ฟังไม่ถามก็ได้ แต่มันเกี่ยวข้องกับญาธิดาเพื่อนเก่าของเธอ เธอจึงอดไม่ได้ที่อยากจะรู้เรื่อง
เมื่อครู่ภูผากับสิงโตคุยกันอยู่ในห้อง เธอก็ได้ยินคร่าวๆ ห้าปีก่อน เธอก็เคยช่วยภูผาทำเรื่องที่ไม่ดีต่อญาธิดา ห้าปีต่อมาก็มีอีก แต่ตั้งแต่วันนี้ไป เธอไม่อยากทำร้ายเพื่อนเก่าอีกแล้วจริงๆ
ภูผาเงียบและยกแก้วชาขึ้นมา ดื่มไปหนึ่งอึก และเงยหน้าขึ้นมองอารมณ์ในดวงตาของหญิงสาว จากนั้นก็พูดเสียงเบา “แก้ว เธอใจดีเกินไป”
“ไม่รู้จักใจมนุษย์ ไม่รู้จักความมืดดำ นี่คือข้อดีที่สุดของเธอ แต่ก็เป็นข้อเสียเช่นกัน”
เขาพูดอย่างไม่ช้าไม่เร็ว แล้วค่อยๆก้มหน้า สายตามองลงไปที่ขาสองข้างของตัวเอง นิ่งอยู่ครู่ แล้วค่อยพูดขึ้นเบาๆ “ขาของฉันต้องหักเพราะภวินท์ ความทรมานและเจ็บปวดตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันจะให้มันได้รู้สึกบ้าง”
เกล้าแก้วขมวดคิ้ว “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับธิดา? ”
ภูผาพูดขึ้นทีละคำๆ “เพราะว่าญาธิดาเป็นผู้หญิงในดวงใจของมัน”
นัยน์ตาของเกล้าแก้วมีความประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นาน ก็นึกอะไรขึ้นได้ แล้วพูดขึ้น “แต่ว่าตอนแรกนายก็ชอบธิดาไม่ใช่เหรอ? ”
ห้าปีก่อน ภูผาเคยยอมรับว่าชอบญาธิดา แต่ตอนนี้……
ในตาของชายหนุ่มมีแสงแวบขึ้นมา จากนั้นก็ยกมุมปาก และยิ้มอย่างลึกซึ้ง
เมื่อห้าปีก่อนพูดแบบนั้น เพียงแค่เพราะว่าเขารู้ว่าเกล้าแก้วมีความรู้สึกต่อเขา เขาแค่อยากจะใช้ประโยชน์จากความอิจฉาระหว่างผู้หญิง ให้เธอทำเรื่องให้เขาดียิ่งกว่าเดิมเท่านั้น
แต่ตอนนี้เห็นที วิธีนี้จะใช้ไม่ได้ สำหรับเกล้าแก้ว หากต้องกุมเธอไว้แน่นๆ ถูกแล้วที่จะล่อเธอด้วยความรัก
เขายกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาอ่อนโยนและลึกซึ้ง เขาลุกขึ้นและเดินตรงไปยังเกล้าแก้ว
เกล้าแก้วเห็นว่าอยู่ๆเขาก็ลุกขึ้นมา จึงถลึงตาโตอย่างประหลาดใจ “คุณภูผา ขาคุณ!”
เขาลุกขึ้นยืนไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมอยู่ๆ……
ไม่ทันได้คำตอบ ภูผาก็เดินมาอยู่ข้างๆเธอแล้ว และลดสายตามองเธอจากด้านบน ดวงตาเป็นประกาย ไม่สามารถปิดบังอารมณ์ในใจได้สักนิด
เขาก้มหน้า เข้าไปใกล้หูของเธอ “ขาของฉันหายดีแล้ว ที่จริงอยากจะเซอร์ไพรส์เธอ”
เกล้าแก้วใจสั่นราวกับฟ้าผ่า เธอคิดไม่ถึง ว่าภูผายืนขึ้นแล้วจะสูงกว่าเธอมาก ร่างสูงทรงพลัง ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ เธอสัมผัสถึงความเป็นชายได้อย่างชัดเจน
ระหว่างที่พูด ข้างหูเธอก็อุ่นๆ มือของผู้ชายลูบไปที่ใบหูของเธอ ทัดผมเธอขึ้นมา และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “คนที่ฉันชอบ ก็คือคนที่อยู่ข้างกายของฉันมาตลาดหลายปี ไม่ใช่คนอื่น”
ทันใดนั้น เกล้าแก้วก็รู้สึกว่าเลือดทั่วร่างสูบฉีด เธอทั้งตกใจทั้งเลิ่กลั่ก ร่างกายก็ร้อนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ภูผาพูดแบบนี้ คือสารภาพรักเหรอ?
“คุณ……”
เธอเงยหน้า สบเข้ากับตาสีดำคู่นั้นของภูผา คำพูดทั้งหมดนั้นจุกอยู่ในปาก พูดอะไรไม่ออก
“แก้ว หลายปีที่ผ่านมาฉันผ่านมันมายังไง ฉันเชื่อว่าเธอนั้นรู้ดี เหตุผลที่ฉันอยู่ซุ่มที่เมือง J นั่นก็เพราะว่าฉันอยากให้ความทรมานทั้งหมดของฉันสิ้นสุดลง”
ภูผาชะงักอยู่ครู่ และกุมมือเธอ น้ำเสียงลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม “มาสิ้นสุดความทรมานนี้ไปกับฉันนะ หลังจากวันนี้ ฉันจะพาเธอไปที่แห่งใหม่ พวกเราไปมีที่ชีวิตที่เรียบง่ายกัน ดีมั้ย? ”
เกล้าแก้วได้ยินดังนั้น ก็สะอื้น เงยหน้ามองเขา “คุณภูผา……”
นัยน์ตาของภูผาอ่อนโยน “ความในใจของฉันนั้นแสดงให้เธอเห็นหมดแล้ว เธอจะยอมรับมันมั้ย? ”
เกล้าแก้วทั้งช็อกทั้งดีใจ นัยน์ตาซ่อนความเซอร์ไพรส์และความเขินอายไว้ไม่อยู่ เธอสูดหายใจเข้าลึก จูบที่อ่อนโยนของชายผู้นั้นก็ประกบลงมา
ความในใจที่แอบซ่อนมาหลายปีในตอนนี้ได้สารภาพออกไปแล้ว เกล้าแก้วตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก จนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง……
ตกดึก มีคนอินเลิฟ มีคนเจ็บปวด พายุอยู่เฝ้าข้างเตียงผู้ป่วยของอัญมณี มือกุมมือที่ซีดเซียวของเธอเอาไว้ และสวดภาวนาอย่างเงียบๆ รอให้มีปาฏิหาริย์
แต่ว่าพระเจ้าก็ยังให้ความทุกข์ทน หลังจากนั้นสามวัน อัญมณีก็ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น หมอจากต่างประเทศที่ธีทัตเชิญมาก็มาถึงแล้ว ภายใต้เงื่อนไขของโรงพยาบาลที่มีอยู่ ก็ตรวจร่างกายของอัญมณี จนในที่สุดผลก็ออกมา
หลังจากที่ได้ประชุมกันชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดธีทัตก็ออกมาจากห้องประชุมของโรงพยาบาล บนใบหน้ามีความล้าเล็กน้อย
ญาธิดารออยู่ข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เมื่อเห็นเขาออกมา ก็รีบเข้าไปถามทันที “เป็นยังไงบ้าง? ”
การประชุมนี้เป็นแบบส่วนตัวมากๆ เจมส์ แพทย์ต่างชาติอนุญาตให้เฉพาะญาติสนิทของผู้ป่วยและแพทย์ที่เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลเข้าร่วมเท่านั้น
ธีทัตส่ายหน้า พาญาธิดาเดินไปข้างๆ และเอ่ยปากพูด “อาการไม่ค่อยดี”
ได้ยินดังนั้น ใจของญาธิดาก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธออ้าปาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
แพทย์ในประเทศช่วยไม่ได้ วันนี้พวกเขาหาแพทย์จากต่างประเทศมาแล้ว ถ้าหากยังไม่มีวิธี ถ้างั้นอัญมณีจะต้องนอนอยู่บนเตียงต่อไปจริงๆงั้นเหรอ?
ธีทัตพูดต่อ “แต่ว่าคุณเจมส์บอกว่าพอมีโอกาส แต่ว่าอุปกรณ์การรักษาที่มีในประเทศไม่มีทางทำได้ เกรงว่าจะต้องพาอัญมณีไปรักษาที่ต่างประเทศ”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ในใจก็ยิ่งซับซ้อน แต่ไม่ว่าจะยังไง ขอแค่มีโอกาส งั้นก็หมายความว่ายังมีความหวังที่อันอันจะฟื้น
ธีทัตสูดหายใจเข้าลึก นวดหว่างคิ้วอย่างเหนื่อยล้า และพูดเสียงเบา “เดี๋ยววันอื่นจะคุยกับคุยเจมส์อีกครั้ง จะรีบยืนยัน พาอันอันไปรักษาที่ต่างประเทศ”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ก็พูดขึ้นทันที “ฉันไปกับพวกนายด้วย”
ธีทัตได้ยินดังนั้น ตอนแรกอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อนึกว่าเขาจะต้องไป ญาธิดาก็ต้องอยู่เลี้ยงอีธานกับเอลล่าที่เมือง J คนเดียว แบบนี้เขายิ่งไม่วางใจ ให้พวกเขาไปด้วยกันจะดีกว่า
เขาพยักหน้า “โอเค ฝั่งฉันจะรีบจัดการเรื่องงานที่บริษัท……”
ใครจะรู้ว่าเขาพูดยังไม่ทันจบ อยู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดูหน้าจอ สีหน้าก็จริงจังขึ้นเล็กน้อย และกดรับสายทันที
“ฮัลโหล? ”
เขาชะงักอยู่หลายวินาที จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “อะไรนะ? จับผู้ก่อเหตุได้แล้ว? ”