ดวงใจภวินท์ - บทที่ 487 รอให้จันจิราถูกพิพากษา
บทที่ 487 รอให้จันจิราถูกพิพากษา
ธีทัตตอบเสียงเข้ม “อืม จะปล่อยเธอไป”
หากยังไม่ปล่อยคนอีก เกรงว่าภวินท์จะเล่นงานหนัก ถึงตอนนั้นแข็งกระทบแข็ง เกรงว่าทั้งสองจะบาดเจ็บ
ในใจของญาธิดาเกิดความผิดหวังเล็กน้อย และตอบรับ เธอเบี่ยงประเด็นและพูดคุยกับธีทัตอีกครู่ ถึงได้วางสายไป
เป็นตรงไหนกันนะที่เกิดปัญหา? วันนี้แกร่งอ่อนควบเข้ากัน ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง หรือว่าจะไม่มีทางหาเบาะแสจากตัวนิวราได้จริงๆงั้นเหรอ?
หรือว่า ตั้งแต่ต้น พวกเขานั้นสงสัยผิดคนกัน?
ความคิดเช่นนี้เพิ่งจะผุดมาในหัวของเธอ ก็ถูกปัดทิ้งไปทันที
เธอเชื่อสัญชาตญาณของเธอ ดังนั้น เธอแน่ใจว่าคนร้ายที่ขับรถชนก็คือนิวรา
แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีหลักฐานใดๆเลย ความคิดนั้นไร้หนทาง แต่ในใจของเธอก็ปักใจเชื่อความรู้สึกแรก
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆกำหมัดแน่น
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เธอก็แอบตัดสินใจบางอย่าง บางที เธออาจจะไปที่สถานีตำรวจ แล้วกระทำการบางอย่างต่างจากอีกมุมหนึ่ง
ตอนนี้ บนถนนกว้างใหญ่ในเมือง J รถตู้สีขาวคันหนึ่งอยู่ๆก็จอดลงที่ข้างทาง ต่อมา ประตูรถก็ถูกเปิดออก และโยนคนลงมาหนึ่งคน ประตูรถปิดลงอย่างรวดเร็ว รถก็ “ฟิ้ว!” จากไป
นิวรานั่งทรุดอยู่บนพื้น สภาพย่ำแย่มาก ท้องหิวมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงวันนี้ตอนเช้า ท้องเธอร้องจ๊อกๆ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ความตกใจและการเหวี่ยงผลัดกันทำให้เธอประหม่า จนถึงตอนนี้ เธอถึงได้กล้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย และถอนหายใจเฮือกใหญ่
ขณะนั้น รถMaybachสีดำคันหนึ่งก็ค่อยๆเข้ามาทางเธอ และจอดลงข้างเธอ ประตูรถเปิดออก ไม่นาน ก็มีคนลงมา และพยุงเธอขึ้นรถ
เมื่อนิวราขึ้นรถ ก็มองที่เบาะหลัง มีภวินท์สวมชุดสูทสีดำนั่งอยู่ น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายโดยที่ควบคุมไม่ได้ “พี่วิน ในที่สุดพี่ก็มาช่วยฉัน…”
เมื่อคืน เดิมที่เธอคิดว่าจะมีคนมาช่วยเธอ คิดไม่ถึง ว่าเธอต้องใช้เวลาตลอดทั้งคืนอยู่ในห้องใต้ดินที่เย็นและชื้นนั่น เธอถึงได้ถูกปล่อยตัวออกมา!
ภวินท์ยื่นมือออกไป ดึงกระดาษทิชชูมา และยื่นให้ตรงหน้านิวรา “ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะส่งเธอกลับบ้านนะ”
นิวราไม่ได้รับ และยื่นมือออกไปคล้องแขนภวินท์อย่างน้อยใจ และสะอื้น “พี่วิน ฉันไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อน! ธีทัตนั่นถึงกับกล้าจับฉัน พี่ต้องแก้แค้นแทนฉันนะ……”
ได้ยินดังนั้น ภวินท์ก็ขมวดคิ้วแบบไม่ทันสังเกต สีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย “นิว เธอไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อตระกูลกรเวชจริงๆเหรอ?”
ธีทัตไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ถ้าหากเขาลงมือ จะต้องมีแนวโน้มว่าแน่ชัดแล้ว
เขาพูดถึงเหตุผลถูกต้องเต็มไปด้วยสัจธรรม และถามเธออย่างจริงจัง ท่าทางราวกับสอบปากคำนักโทษ
นิวราได้ยินดังนั้น เดิมทีหน้าเล็กๆที่บึ้งตึงอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยใจเข้าไปอีก “พี่วิน ฉันต้องพูดยังไงพี่ถึงจะเชื่อ? ฉันไม่เคยทำอะไรเลยจริงๆ……”
ภวินท์หรี่ตาเล็กน้อย แสดงให้เห็นความอันตรายเล็กน้อย “งั้นทำไมธีทัตถึงต้องจับเธอไปด้วย?”
นิวราสูดหายใจเข้าลึกๆ เผชิญหน้ากับสายตาของชายผู้นั้น ก็ไม่มีความกล้าอย่างอธิบายไม่ได้ “นิว……นิวก็ไม่รู้เหมือนกัน!”
ภวินท์เอ่ยปากเสียงเข้ม “ที่ไหนไม่มีไฟที่นั่นก็ไม่มีควัน ถ้าหากเธอกำลังปิดบังอะไรฉัน นิว ถึงตอนนั้นฉันก็ปกป้องเธอไม่ได้!”
ประโยคนี้ของเขาตรงไปตรงมา พูดแสดงอย่างชัดเจน นิวราได้ยิน สีหน้าก็ซีดลงไปเล็กน้อยทันที
เป็นไปได้มั้ย ที่ภวินท์ก็สงสัยในตัวเธอแล้ว?
เธอไม่ทันได้ตอบ ผู้ชายก็หันหน้ามาแล้ว มองมาทางเธอด้วยสีหน้าซีเรียส “เข้าใจมั้ย?”
นิวราเลิ่กลั่ก พูดอะไรไม่ออก
เธอสูดหายใจเข้าลึก กัดริมฝีปาก น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง “พี่วินฉันไม่เคยทำอะไรเลยจริงๆ”
เวลานี้ นอกจากกัดฟันไม่ยอมรับ เธอก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
นัยน์ตาของภวินท์มีแสงสลัว มองเธออย่างลึกซึ้ง และพูดออกมาเสียงเข้ม “แบบนั้นก็ดี”
พูดประโยคนี้แล้ว เขาก็หันไป และไม่พูดอะไรอีก
นิวราแอบถอนหายใจ เมื่อก้มหน้า ถึงพบว่าตนกำลังกุมชายเสื้อตัวเองอยู่ ไม่รู้เลยว่าชายเสื้อยับตอนไหน
ไม่นาน รถก็ได้มาถึงคฤหาสน์ นิวราลงจากรถ มองดูภวินท์ที่อยู่บนรถไม่มีปฏิกิริยาอะไรสักนิด จึงเอ่ยถาม “พี่วิน วันนี้พี่อยู่เป็นเพื่อนฉันได้มั้ย ฉันกลัว……”
ที่นี่คือเรือนหอของพวกเขา เมื่อก่อนภวินท์แค่มาบ้างเป็นครั้งคราว แต่วันนี้เธอไม่อยากเข้าไปคนเดียว
ภวินท์ก้มดูนาฬิกาข้อมือ “ฉันยังมีเรื่องต้องทำ เธอกลับไปก่อนเถอะ พักผ่อนดีๆ”
พูดจบ เขาก็หันไปสั่งให้คนขับรถออกรถ
นิวราช็อกในใจ พูดไม่ออกสักคำ ดวงตาจ้องมองดูรถ ค่อยๆขับห่างออกไปเรื่อยๆ
เธออยู่กับที่ กำหมัดแน่น พลางมองเงารถ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
วันนี้ภวินท์ปฏิบัติต่อเธอ ต่างจากเมื่อก่อนมาก เธอรู้สึกได้ มีแต่ความเย็นชา! แม้แต่ความห่วงใยความเอ็นดูในอดีตก็หายไปแล้ว!
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หรือว่าภวินท์จะรู้เรื่องราวเหล่านั้นที่เธอทำแล้วเหรอ?
นิวราหันเดินเข้าคฤหาสน์ไป สมองแล่นอย่างรวดเร็ว เธอกลับมาถึงห้องและหยิบโทรศัพท์เครื่องสำรองออกมา โทรหาชยิน
“ฮัลโหล? คุณหนู กลับไปแล้วเหรอครับ?”
เมื่อสายติด อีกฝั่งก็มีเสียงร้อนรนของชยินดังขึ้น
“อืม เสียแรงที่ฉันคิดว่านายจะไปช่วยฉันเมื่อคืน คิดไม่ถึง……”
เธอทำเสียงหึ
ชยินอธิบาย “คุณหนู ดูไม่ออกเหรอ? พวกมันจับคุณหนูไป เพื่อล่อผมให้ติดเบ็ด นี่เป็นสิ่งที่พวกมันวางแผนเอาไว้”
ได้ยินดังนั้น นิวราก็ขมวดคิ้ว “อะไรนะ?”
“พวกมันแค่จับคุณหนูไปหนึ่งคืน หนึ่งเพื่อเป็นการเตือน สองคืออยากจะใช้คุณหนูเพื่อจับผม ไม่อย่างนั้นเช้าวันนี้พวกมันจะปล่อยคุณหนูทำไม?”
นิวราช็อก “หรือว่าไม่ใช่……พี่วินช่วยฉันเหรอ?”
วันนี้ตอนเช้าที่เห็นภวินท์ เธอจึงคิดว่าเขาช่วยเธอ คิดไม่ถึง……
ได้ยินภวินท์ชื่อนี้ ชยินก็หึอย่างเย็นชา “เขาเหรอ? เขามันหน้าซื่อใจคดที่สุดแล้ว เกรงว่าเขาจะส่งคนมาตรวจสอบคุณหนูแล้ว”
นิวราตกใจ ร่างกายหนาวสั่น “งั้น…งั้นทำยังไงดี?”
“ช่วงนี้ ก็อยู่เฉยๆไว้ อยู่บ้านอย่างสงบเสงี่ยม พวกเราก็เจอกันให้น้อยลง มีแค่แบบนี้ โอกาสที่จะผิดพลาดจะยิ่งน้อยลง”
ชยินเงียบอยู่ครู่ และพูดต่อ “ต่อมา ก็รอให้จันจิราถูกพิพากษา”
ประโยคนี้ สำคัญที่สุด รอให้แพะรับบาปอย่างจันจิราถูกพิพากษา ทั้งหมดถึงจะเรียบร้อย พวกเขาถึงจะวางใจได้
นิวรารีบเห็นด้วย “ใช่! นายพูดถูก!”
จำศีลสักพัก ขอแค่สามารถลบล้างข้อสงสัยของตนได้ เธอก็ยินดี!
ชยินพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ดี ที่เหลือสิ่งที่เราทำได้ก็มีแค่รอแล้ว”
พวกเขากำลังรอเวลา แต่มีคนบางคนรอไม่ไหวแล้ว
วันนั้น ญาธิดารีบมาที่สถานีตำรวจ ยื่นคำขอพบจันจิราเป็นการส่วนตัว
ฝั่งตรงข้าม เป็นผู้หญิงผอมผิวสีเหลืองซีดกำลังนั่งก้มหน้า เทียบกับครั้งก่อน เธอดูผอมลงไปกว่าเดิม โหนกแก้มดูสูงขึ้น หนังหุ้มกระดูก
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก และเอ่ยปากถาม “จันจิรา เธอน่าจะรู้ว่าฉันมาหาเธอทำไม”
จันจิราเงียบไม่พูดอะไร
ญาธิดาพูดต่อ “ฉันขอแค่ความจริง และอยากช่วยเธอสักครั้ง สิ่งที่คนอื่นตกลงกับเธอ ฉันก็สามารถตกลงให้เธอได้ ฉันขอแค่ให้เธอพูดความจริง”
จันจิรายังคงเงียบอยู่ ราวกับไม่ได้ฟังสิ่งที่เธอพูดเลยตั้งแต่แรก
ญาธิดากัดฟัน และพูดคนเดียวต่อ “เธอยังสาว เธออยากจะติดคุกไปตลอดชีวิตแบบนี้เหรอ? แล้วก็ญาติของเธอล่ะ? เธอไม่นึกถึงพวกเขาเลยงั้นเหรอ?”
เมื่อพูดถึงญาติ จันจิราถือว่ามีปฏิกิริยาตอบสนองเล็กน้อย สายตาของเธอสั่นไหว สุดท้ายก็พูดสบถออกมาหนึ่งคำ “ฉันเป็นเด็กกำพร้า”