ดวงใจภวินท์ - บทที่ 488 ให้เธอติดคุกไปตลอดชีวิต
บทที่ 488 ให้เธอติดคุกไปตลอดชีวิต
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ก็พูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง
ที่จริงคิดว่าจะงัดไพ่ใช้ความรู้สึกมาใช้ และขุดข้อมูลอะไรออกมาจากปากของจันจิรา แต่คิดไม่ถึง ว่าเธอจะเป็นเด็กกำพร้า
ดังนั้น วิธีนี้ก็ใช้ไม่ได้แล้วงั้นเหรอ?
แต่เธอไม่ยอมแพ้ ในเมื่อมาแล้ว เธอจะกลับไปมือเปล่าแบบนี้ไม่ได้ ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดโน้มน้าวอีกฝ่ายด้วยเหตุผล ใช้ความรู้ทำให้เธอหวั่นไหว สุดท้าย แม้กระทั่งการข่มขู่ก็งัดออกมาใช้แล้ว และก็สั่นคลอนจันจิราไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
และเวลาเยี่ยม ก็หมดลงแล้ว
ก่อนที่จะไป ญาธิดามองผู้หญิงสีหน้าเหลืองซีดคนนั้น โมโหจนร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา แต่เมื่อเห็นตำรวจกำลังพาเธอไป เธอก็ไม่มีทางแล้ว
เดิมที่เธอคิดว่าไม่สามารถหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์จากนิวราได้ งั้นเธอจึงมาลงมืออีกด้านหนึ่งอย่างจันจิรา คิดไม่ถึง พวกเขาจะไม่ยอมปริปาก ไม่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเธอเลยสักนิด
ความรู้สึกไร้อำนาจผุดขึ้นในใจของญาธิดา เมื่อเห็นว่าเวลาที่จะส่งตัวอันอันไปรักษาที่ต่างประเทศใกล้เข้ามาทุกที ถ้าพวกเขาจากไป รอให้กลับมาตรวจสอบ เกรงว่าแค่ว่าจะยากกว่าเก่าแล้ว!
เธอรับไม่ได้! ทำใจยอมรับไม่ได้!
ออกมาจากห้องเยี่ยมผู้ต้องหา อารมณ์ของญาธิดาก็ไม่สงบ เธอเดินออกไปหลายก้าว ขณะที่กำลังจะไปหาคุณชาติเพื่อบอกขอบคุณ ใครจะรู้ว่าเดินไปได้ไม่ไกล ก็เห็นเขาและผู้ชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงห่างออกไปไม่ไกล
มองจากข้างหลัง ผู้ชายแขนยาวขายาว ชุดสูทที่เรียบหรูช่วยเสริมรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขา ตัวสูงไหล่กว้าง รัศมีไม่ธรรมดา
ใจของญาธิดา “ตึกตัก” อยู่ครู่
เพียงแค่แผ่นหลัง เธอก็ดูออก ว่านั้นคือภวินท์!
เขามาทำอะไรที่นี่!
ไม่รอให้เธอได้คิดอย่างชัดเจน ภวินท์กับคุณชาติก็หันหลังกลับมา เมื่อเห็นเธอ ต่างก็ชะงักเล็กน้อย
ไม่นาน คุณชาติก็ดึงสติกลับมาได้ และพูดอย่างยิ้มๆ “ดูเหมือนว่าเธอจะเยี่ยมนักโทษเสร็จแล้ว”
ญาธิดาพยักหน้า เดิมที่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเงยหน้า ก็ประสานเข้ากับดวงตาเป็นประกายคู่นั้นของภวินท์ ใจก็ดำดิ่ง ไม่ได้เอ่ยปาก
ในขณะนั้น ภวินท์ก็หันไปมองคุณชาติ และเอ่ยปากพูด “คุณตำรวจ งั้นต่อจากนี้ก็ถึงตาผมแล้ว”
คุณชาติพยักหน้า และพูดแนวล้อเล่น “จันจิราคนนี้เนื้อหอมจริงๆ วันๆหนึ่งมีคนมากมายมาเยี่ยมเธอ”
พูดถึงจันจิรา ญาธิดาก็สะดุ้ง
คิดไม่ถึง ว่าภวินท์ก็มาเยี่ยมจันจิราเหมือนกัน! หรือว่าเขากำลังตรวจสอบอยู่เหรอ? เขาก็อยากถามอะไรได้จากจันจิราอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อมองชายหนุ่มก้าวเดินตามคุณชาติออกไป ญาธิดาลนลาน และหันหลังตามไปทันที
คุณชาติประหลาดใจ “คุณญาธิดา อะไรกันครับ?”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ และรีบเอ่ยปาก “ฉันเข้าไปด้วยได้มั้ย? ฉันแค่ฟัง ไม่พูดอะไรทั้งนั้น!”
คุณชาติได้ยินดังนั้น ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ?”
ญาธิดาขมวดคิ้ว และหันไปทางภวินท์ พอดีกับที่เขากำลังมองเธอ
ทั้งสองสบตาเข้าด้วยกัน อารมณ์ก็ซับซ้อนเล็กน้อย ญาธิดาขยับปาก เดิมทีอยากจะอ้อนขอให้เขาตกลง แต่ว่าคำขอร้องมาถึงมุมปากแล้ว แต่ยังไงเธอก็พูดไม่ออก
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ กัดริมฝีปาก และเงียบไป
ภวินท์มองเธออย่างลึกซึ้ง และหันไปมองคุณชาติที่อยู่ด้านข้าง พลางพูด “ให้เธอเข้าไปกับผมเถอะ”
คุณชาติลังเลอยู่ครู่ มองดูภวินท์ และก็มองญาธิดา ในที่สุดก็พูดขึ้น “คุณก็พูดมาขนาดนี้แล้ว ผมจะไม่ไว้หน้าคุณก็ไม่ได้”
เขาโบกมือ “ไปเถอะ”
ญาธิดาดีใจ รีบพูดขอบคุณ
สามารถตามเข้าไปได้ ฟังบทสนทนาของพวกเขา ไม่แน่อาจจะมีเรื่องผิดคาดเกิดขึ้น
ญาธิดาตามภวินท์เข้าไปในห้องเยี่ยมผู้ต้องหา และมองดูจันจิราที่นั่งอยู่ตรงนั้น เธอก้มหน้า ผมแทบจะบดบังใบหน้าของเธอไปครึ่งหนึ่ง
ภวินท์นั่งลงตรงข้ามหล่อน และพูดเสียงเย็นชา “จันจิรา ฉันจะให้โอกาสเธอสารภาพผิด”
ญาธิดายืนอยู่ด้านข้าง ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก
เมื่อกี้ตอนที่เธอเยี่ยมจันจิรา ข่มขู่หลอกล่อด้วยผลประโยชน์ พยายามใช้ทุกวิถีทาง สุดท้ายก็ไม่ได้เผยไต๋อะไรออกแม้แต่นิดเดียว เขาคิดว่าเขาพูดแบบนี้จะทำให้จันจิรายอมเอ่ยปากหรือไง?
ไร้เดียงสาจริงๆ!
ตามนั้น จันจิราไม่ได้พูดอะไร
ภวินท์นั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายๆ และพูดออกมาทีละคำ “พูดออกมา จะเป็นผลดีกับตัวเธอนะ ฉันให้เวลาเธอคิดทบทวนสามนาที”
เมื่อเสียงของเขาหยุดลง ห้องเยี่ยมนักโทษก็ตกอยู่ในความเงียบ หนึ่งนาที สองนาที สามนาที……
นาฬิกาที่แขวนผนังก็เดินไปอย่างช้าๆ บรรยากาศในห้องก็อึดอัดจนน่ากลัวเล็กน้อย
ญาธิดายืนอยู่ด้านข้าง มองภวินท์ที่ดูไม่รีบร้อน ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เขาคิดจะทำอะไรกันแน่นะ? สอบปากคำจันจิราแบบนี้ ถามได้ความสิแปลก!
ใครจะรู้ ในขณะนั้น ภวินท์ก็ยืดตัวตรง พูดอย่างนิ่งๆ “สามนาทีแล้ว เห็นที เธอไม่คิดจะพูด เธอคิดว่ายอมรับผิดแทนคนแปลกหน้าคนหนึ่งแบบนี้ จะดีต่อน้องสาวเธอเหรอ?”
เมื่อเสียงของเขาจบลง ร่างของจันจิราก็สั่นเทา และเงยหน้าอย่างตกใจเล็กน้อย พลางมองภวินท์อย่างอึ้งๆ “นาย…จะทำอะไร!”
ญาธิดาที่อยู่ด้านข้าง ได้ยินดังนั้นก็ช็อก
หล่อนบอกว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่ไง! ทำไมถึงได้มีน้องสาว?
“ไม่มีอะไร ก็แค่ใจดี ให้เธอดูสภาพของน้องสาวเธอในตอนนี้”
พูดจบ ภวินท์ก็หยิบรูปภาพใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทของเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน วางมันลงบนโต๊ะหน้าด้านจันจิรา
ในรูป เด็กสาวผมสั้นทำสีหน้าซีดทรมาน สวมชุดผู้ป่วยตัวใหญ่ๆ ขดตัวอยู่ใต้เตียง ราวกับกระต่ายตัวน้อยที่ได้รับความตกใจ
จันจิราเห็นรูป ก็ช็อกไปหลายวินาที ไม่นาน ก็เงยหน้ามองภวินท์ ด้วยสายตาหวาดกลัวและระแวง “นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”
สองขาของภวินท์ไขว่ห้าง ร่างพิงไปทางด้านหลัง และพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ก็แค่อยากดู สำหรับเธอแล้ว น้องสาวเธอจะสำคัญมากแค่ไหน”
เขาพูด พลางยกมือ และหยิบรูปใบนั้นออกมาจากด้านหน้าจันจิรา มืออีกข้างก็ล้วงไฟแช็กออกมา กดเบาๆ ไฟก็ติดขึ้นมา
ร่างกายของจันจิราล้วนแต่อยู่ในสภาพลนลาน หล่อนมองดูท่าทางของภวินท์ ขยับปาก แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร
“บอกความจริงฉันมา ฉันรับประกันความปลอดภัยของเธอและน้องสาวเธอ แต่ถ้าให้ตายยังไงเธอก็ไม่พูด ฉันจะให้เธอติดคุกไปตลอดชีวิต ออกมาไม่ได้ตลอดไป ส่วนน้องสาวของเธอก็จ่ายค่ารักษาไม่ได้ และถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล”
ภวินท์ไม่รีบไม่ร้อน ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลพูดสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ทันใดนั้น สีหน้าของจันจิราก็ซีดเผือด ต่อมาก็ส่ายหัวปฏิเสธ “เป็นไปไม่ได้! เขาตกลงว่าจะจ่ายค่าผ่าตัดให้!”
เมื่อพูดจบ จู่ๆหล่อนก็นึกอะไรขึ้นได้ และรีบหุบปากทันที
แต่ว่า มันสายไปแล้ว
เบาะแสและข้อความที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเธอ มันเพียงพอที่จะทำให้ภวินท์กับญาธิดาครุ่นคิดคาดเดาได้ต่อเนื่อง
ญาธิดาก็ได้ยินทั้งหมดอย่างชัดเจน ทันใดนั้น เธอก็เดือดเลือดพลุ่งพล่าน “ใครตกลงกับเธอ เขาเป็นใคร?”
จันจิรารู้ว่าตัวเองพูดผิดไป จึงรีบก้มหน้า หุบปาก ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ทันใดนั้น ห้องเยี่ยมนักโทษก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง สีหน้าของภวินท์ไม่พอใจมากกว่าเมื่อครู่นี้ สายตาของเขาจ้องไม่ยังตัวของจันจิรา อยู่นานไม่ละสายตา
ในที่สุด เขาก็เงยหน้า และถามอย่างเย็นชา “แน่ใจนะว่าจะไม่พูด?”
จันจิราก้มหน้า ยังคงไม่ขยับ
ต่อมา ภวินท์ก็จุดไฟแช็ก เสียงดัง “ฉึก” ดวงไฟก็ผุดขึ้นมา และเผามุมของรูปใบนั้น
ไม่นาน รูปหนึ่งใบ ก็ไหม้เหลือแค่ผุยผง
ในที่สุดจันจิราก็เงยหน้า มองดูรูปของน้องสาวค่อยๆสลายไป ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเล็กน้อย ค่อนข้างลนลานแล้ว “นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”