ดวงใจภวินท์ - บทที่ 489 เชื่อเขาอีกสักครั้ง
บทที่ 489 เชื่อเขาอีกสักครั้ง
“ฉันจะทำอะไร เมื่อกี้ฉันก็พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ภวินท์ปล่อยมุมรูปภาพที่เหลือ และสะบัดขี้เถ้าระหว่างนิ้ว ไม่ได้เงยหน้ามองหล่อนเลย
เขาพูด พลางหยิบโทรศัพท์ออกมา เหมือนว่าจะกดโทรออก ไม่นาน เขาก็แนบโทรศัพท์เข้ากับหู ทันใดนั้น ก็พูดสั่งการกับปลายสาย “โอเค ลงมือได้แล้ว……”
เมื่อเสียงของเขาหยุดลง อยู่ๆจันจิราก็ลนลานขึ้นมา หล่อนลุกขึ้นพรวด พูดอย่างใส่อารมณ์ “นาย…พวกนายคิดจะทำอะไรกันแน่! น้องสาวฉันไม่ได้ทำให้พวกนายไม่พอใจสักหน่อย!”
“แต่ว่าเธอทำให้ฉันไม่พอใจแล้ว ยอมรับความผิดแทนคนอื่น เธอรู้มั้ยว่ามีโทษอะไร? แม้แต่เธอเองก็กำลังทำความผิด มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน?”
คำพูดหลายประโยคของภวินท์เมื่อพูดออกไป จันจิราก็ชะงักทันที พูดอะไรไม่ออก
หล่อนสูดหายใจเข้าลึก กัดฟันแน่น หลังจากทบทวน จึงได้เอ่ยปากพูด “นายรับประกันความปลอดภัยของฉันและน้องสาวฉันได้จริงๆใช่มั้ย?”
ภวินท์พูดอย่างสบายๆ “เมื่อพูดไปแล้ว คำไหนคำนั้น”
ได้ยินดังนั้น จันจิราก็ลังเลอยู่ครู่ สุดท้ายก็กำหมัดแน่น และพูดออกมาทีละคำ “ฉันมารับโทษแทนคนอื่นจริง……ฉัน ฉันจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนั้นมารักษาโรคของน้องสาวฉัน ฉันไม่มีทางเลือก ผู้ชายคนนั้นบอกว่า ขอแค่ยอมติดคุกแทนผู้หญิงคนหนึ่ง ค่ายาและค่าใช้จ่ายของน้องสาวฉันหลังจากนี้ไป เขาจะออกให้ทั้งหมด……ฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ……”
ดวงตาของภวินท์เฉียบคม ยืดตัวตรง “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ติดต่อผ่านโทรศัพท์มาตลอด……” จันจิราส่ายหน้า หวาดระแวง “เขาบอกว่าถ้าหากฉันพูดเรื่องนี้ออกไป เขาจะไม่ปล่อยฉันไปแน่ ฉันควรทำยังไงดี!”
ภวินท์ขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรอยู่นานครึ่งวัน สุดท้าย เขาก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเข้มๆ “ฉันรับประกันความปลอดภัยของเธอ ฝั่งน้องสาวของเธอ ฉันจะส่งคนไปดู”
จันจิราได้ยินดังนั้น ดวงตาก็เป็นประกาย และรีบพูดขอบคุณ “ขอบคุณนะ…ขอบคุณนายมากๆ!”
ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อย เม้มปากและไม่พูดอะไร ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะตรวจสอบได้ว่าจันจิราไม่ใช่คนร้าย แต่ก็ยังไม่มีเบาะแสใดๆของคนที่อยู่เบื้องหลัง สำหรับพวกเขาแล้ว ยังถือว่ายากอยู่
ญาธิดาที่อยู่ด้านข้าง ในใจรู้ดี จันจิรานั้นบริสุทธิ์ แต่ว่าก็ไม่สามารถเอามาเป็นหลักฐานได้ว่าคนอื่นนั้นมีความผิด ดังนั้น สถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้นั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาก
ขณะที่ภวินท์ลุกขึ้นจะเดินไป ญาธิดาก็ถอนหายใจเบาๆ และจะเดินตามไป ใครจะรู้ว่าขณะนั้น อยู่ๆจันจิราก็เอ่ยปากเรียก “เดี๋ยวก่อน!”
ญาธิดากับภวินท์หันกลับมาพร้อมกัน ก็เห็นแค่ว่าจันจิราพูดออกมาอย่างลังเล “ที่จริง ฉันอัดเสียงบทสนทนาไว้ท่อนหนึ่ง ฉันกลัวว่าคนคนนั้นจะไม่ให้เงินค่าผ่าตัดกับน้องสาวฉัน เพราะงั้นจึงอัดเสียงที่คุยกับเขาไว้ครั้งหนึ่ง……”
ภวินท์ดวงตาเข้ม “โทรศัพท์อยู่ที่ไหน?”
“อยู่ในกระเป๋าที่ติดตัวฉัน ตอนนี้อยู่กับตำรวจ รหัสโทรศัพท์คือศูนย์หกตัว”
ได้ยินดังนั้น ภวินท์ก็ไม่กล้ารอช้า ก้าวเท้า ออกจากห้องเยี่ยมนักโทษทันที ถามหากระเป๋าที่ติดตัวจันจิราจากคุณชาติ อย่างที่คาด ด้านในเจอโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง
เปิดโทรศัพท์ และเปิดหาไฟล์เสียงที่อัด ด้านบนแสดงว่า มีการอัดเสียงสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อหลายวันก่อนจริงๆ
ญาธิดายืนอยู่ด้านข้าง แอบกังวลเล็กน้อย พลางมองดูภวินท์กดปุ่มเปิดไฟล์เสียง
ด้านในก็มีเสียง “กุกๆกักๆ” ดังขึ้น ไม่นานก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น “คุณจะรับประกันได้ยังไงว่าพวกคุณจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตรงเวลา? แล้วก็น้องสาวฉัน ฉันต้องแน่ใจว่าชีวิตของเธอจะปลอดภัย”
เสียงนี้ เป็นเสียงของจันจิราจริงๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ในสายโทรศัพท์ก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้น “เธอวางใจได้ พวกเราให้เธอทำเรื่องแบบนี้ ไม่สนใจเงินเล็กน้อยแบบนี้หรอก ยิ่งไม่ยอมทำตามที่ตกลงแล้วเพิ่มปัญหาให้ตัวเอง หลังคำพิพากษา ค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลของสามเดือนจะจัดการให้เรียบร้อย พวกเราจะมาหาเธอเดือนละครั้ง ให้เธอดูวิดีโอของน้องสาวเธอ และยอมให้เธอโทรหาน้องครั้งหนึ่ง”
ได้ยินเสียงนี้ ญาธิดาก็ชะงัก รู้สึกคุ้นๆแปลกๆ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังนึกไม่ออก แต่เสียงของผู้ชายคนนี้เธอต้องเคยได้ยินมาจากที่ไหนแน่ๆ
ในขณะที่เธอสับสน ภวินท์ที่อยู่ด้านข้างอยู่ๆก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง พูดชื่อหนึ่งออกมา “ชยิน”
ญาธิดาชะงัก และมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที
เป็นชยินจริงๆด้วย!
เธอเงยหน้า สบตากับภวินท์ ราวกับนัดกันไว้
ถ้าหากยืนยันได้ว่าคนที่อยู่ในคลิปเสียงเป็นชยินจริงๆ แบบนั้นเรื่องหลายเรื่องก็สามารถขุดคุ้ยออกมาได้แล้ว!
นี่คือสิ่งที่ปรากฏขึ้นเหนือความคาดหมาย และยังเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ!
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ตื่นเต้นเล็กน้อย สามารถขุดชยินออกมาได้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะตัดสินว่าใครคือผู้ร้ายที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังแล้ว ผู้หญิงที่สามารถทำให้ชยินจงรักภักดีได้แบบนี้ นั่นก็คือนิวราไม่ใช่เหรอ?
เดิมทีเธอคิดจะพูดออกมา แต่เมื่อเงยหน้า มองภวินท์ จึงเก็บคำพูดทั้งหมดนี้ไว้
ถึงแม้หลักฐานทั้งหมดจะชี้ไปที่นิวราอย่างชัดเจน เกรงว่าภวินท์ก็จะปกป้องหล่อนอย่างถึงที่สุดแหละมั้ง?
ญาธิดาคิด ในใจก็เกิดความผิดหวังเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึก ยังไม่ได้เอ่ยปาก อยู่ๆภวินท์ก็พูดขึ้น “เธอคิดว่าเป็นใคร?”
ญาธิดาชะงักเล็กน้อย แล้วเงยหน้ามองเขา ดวงตาของชายผู้นั้นเป็นประกายและหนักแน่น อย่างไม่มีการหลบหลีกและความรู้สึกผิดเลย
ญาธิดาลังเลอยู่ครู่ และยิ้มกับตัวเอง “ฉันคิดว่าเป็นใคร นายจะเชื่อเหรอ?”
ราวกับเดาได้ว่าเธอจะคิดแบบนี้ ภวินท์จึงเอ่ยปากพูดขึ้นทีละคำ “ตอนนี้หลักฐานมันชัดเจนมากแล้ว ญาธิดา ในใจของฉันก็พอจะมีความเที่ยงตรง”
ญาธิดาเงยหน้า และถามกลับ “ดังนั้น นายคิดว่าเป็นใคร?”
ภวินท์เงียบอยู่ครู่ และพูดขึ้น “ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ฉันจะไม่พูด”
ญาธิดายิ้มอย่างเย็นชา หัวใจก็เยือกเย็นขึ้นมา
มาถึงขั้นนี้แล้ว ทุกคนเข้าใจ คำพูดทุกคำเหลือเพียงเส้นด้านบางๆเท่านั้น แต่ว่าเขาก็ไม่ยอมพูดชื่อนิวราออกมา นี่มันไม่ใช่กำลังปกป้องหรอกเหรอ?
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ที่ปั่นป่วน สีหน้ากลับมาเย็นชา “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นนายก็ไม่ต้องพูดแล้ว”
เรื่องมาถึงขั้นนี้ เธอกับภวินท์ก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดกันแล้ว
จากนั้น พลางก้าวเท้า เดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เดินมาถึงหน้าสถานีตำรวจ เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง ต่อมา เธอถูกคนดึงข้อมือเอาไว้แน่นๆ
เธอหันกลับไป เมื่อเห็นภวินท์ สีหน้าก็ไม่พอใจ และอยากจะสะบัดเขาออกทันที
มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังจะตามออกมาอีก มันหมายความว่ายังไง!
สายตาเข้มของภวินท์มองไปยังร่างของเธอ “เธอจะไปพิสูจน์กับฉันมั้ย?”
“พิสูจน์อะไร!” ญาธิดาทั้งโมโหทั้งหงุดหงิด สะบัดมือเขาออก
ดวงตาของภวินท์เป็นประกายเล็กน้อย ทั้งจริงจังและหนักแน่น “คนที่พวกเราคิดอยู่ในใจ ไปพิสูจน์ว่าหล่อนใช่คนร้ายมั้ย”
ญาธิดาใจสั่น พลางมองเขา อยู่ๆในใจก็ปั่นป่วนไปหมด
ภวินท์……คือจะไปกับเธอเพื่อพิสูจน์ว่านิวราจะใช่คนร้ายมั้ยงั้นเหรอ?
เขาปกป้องนิวราอยู่ตลอดไม่ใช่หรือไง?
เมื่อเห็นเธอช็อกอยู่กับที่ไม่พูดไม่จา ภวินท์ก็เอ่ยปากอีกครั้ง และพูดขึ้นทีละคำ “พวกเราร่วมมือกัน ไปพิสูจน์ความจริง”
ทันใดนั้น อารมณ์ของญาธิดาก็ซับซ้อน ขณะนี้ ไม่รู้ว่าควรตกลงหรือปฏิเสธดี
เขาอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ ฝั่งเธอ หรือว่าฝั่งนิวรา? เธอไม่ชัดเจนเลย และก็เดาไม่ออก
แต่ว่า ตอนนี้เวลานี้ ผู้ชายตรงหน้าสายตาเป็นประกาย มองทะลุถึงด้านใน ไม่ซับซ้อนเลยสักนิด
ครั้งนี้ เธออยากจะเชื่อเขาอีกสักครั้งหนึ่ง