ดวงใจภวินท์ - บทที่ 490 รอเธอมานานแล้ว
บทที่ 490 รอเธอมานานแล้ว
ลังเลอยู่ครู่ ญาธิดาก็หันกลับมา สูดหายใจเข้าลึก และพูดออกมาทีละคำๆ “ถ้าหากเพื่ออันอัน ฉันตกลง”
ความสามารถของเธอมีขีดจำกัด ถ้าหากภวินท์ยินดีที่จะช่วยเธอตรวจสอบจริงๆ เรื่องราวก็จะยิ่งกลายเป็นง่ายขึ้น
ยืนยันคนร้ายตัวจริงเร็วๆ ถึงจะยุติธรรมกับเรื่องของอันอันมากที่สุด
“ดี” ภวินท์เดินขึ้นหน้ามา สายตาซีเรียสจริงจัง “ถ้าหากเธอยินดีจะร่วมมือกับฉัน งั้นเธอต้องรับปากฉัน ห้ามบอกใครทั้งนั้นถึงเรื่องที่เกิดที่สถานีตำรวจวันนี้”
ญาธิดาชะงัก ลนลานเล็กน้อย
ถ้าหากเขาพูดแบบนี้ วันนี้เธอมาเจอจันจิรา ได้ยินหล่อนพูดเรื่องคนร้ายเป็นอีกคน รวมไปถึงเสียงอัดบทสนทนาที่ชยินติดต่อจันจิรา เรื่องพวกนี้ เธอไม่สามารถแพร่งพราย
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพราะอะไร?”
สิ่งเหล่านี้คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด ทำไมถึงต้องปิดบังด้วยล่ะ? หรือว่า เขายังอยากจะปกป้องนิวรา?
สีหน้าของภวินท์ซีเรียส และพูดออกมาทีละคำ “เลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ก็อึ้งไปแป๊บหนึ่ง และไม่ได้พูดอะไร
ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าภวินท์คิดจะทำอะไร แต่ว่าได้ยินเขาพูดแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขามีแผนการเตรียมรับมืออยู่แล้ว
มือที่ทิ้งข้างลำตัวก็กำแน่นเล็กน้อย เธอตัดสินใจ ตอบตกลง “โอเค ฉันตกลง แต่นายต้องจัดการขั้นต่อไปให้เร็วที่สุด”
เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะว่างรอต่อไปแบบนี้ อันอันกำลังจะย้ายไปรักษาที่ต่างประเทศแล้ว เวลาที่เธอจะอยู่ที่เมือง J เหลืออยู่ไม่มากแล้ว
ภวินท์สบตาเธอ “อืม ฉันจะไปจัดการ”
ทั้งสองตกลงกันอย่างรวดเร็ว ญาธิดาก็ไม่ได้อยู่ต่อนาน และขับรถออกจากสถานีตำรวจ
รีบมาจากสถานีตำรวจจนถึงแกรนด์ บูเลอวาร์ด เมื่อเห็นหน้าประตูจอดรถอยู่คันหนึ่ง ญาธิดาก็รู้ว่าธีทัตกลับมาแล้ว
เมื่อเธอเข้าไป ก็เห็นธีทัตกับอีธานเอลล่านั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องเล่น เมื่อเห็นเธอกลับมา เด็กน้อยสองคนก็รีบวิ่งพุ่งเข้าไปหาเธอราวกับผีเสื้อ
“แม่ แม่ไปไหนมา! วันนี้ตื่นเช้ามาก็ไม่เห็นแม่แล้ว……”
อีธานกอดแขนญาธิดา ถูไถเธออย่างแนบแน่น
ญาธิดายิ้ม “แม่มีธุระน่ะ แม่กลับมาแล้วนี่ไง?”
เธอยิ้มพลางพาเด็กสองคนเดินไปอีกฝั่ง เมื่อเงยหน้า ก็เห็นธีทัตกำลังยิ้มผ่านสายตามองมาทางเธอ เธอลนลาน เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสถานีตำรวจวันนี้ คอก็แห้งขึ้นมาเล็กน้อย
ตามหลักเหตุผล มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เธอควรบอกธีทัตเป็นคนแรกถึงจะถูก ถึงยังไงเขาก็เป็นพี่ชายแท้ๆของอันอัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอไม่มีเหตุผลที่จะปิดบังเขา
แต่ว่าเมื่อนึกถึงสิ่งที่ภวินท์พูดพวกนั้น เธอก็ลังเลอีกครั้ง เธอจึงทำได้แค่เก็บเรื่องทุกอย่างไว้ และเล่นกับเด็กน้อยสองคนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่นาน อีธานก็พาเอลล่าไปเล่นในสวน ญาธิดาถึงได้มีเวลาว่าง หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มน้ำ
จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นได้ ญาธิดาเงยหน้าขึ้นมองธีทัตแล้วถาม “ใช่แล้วเรื่องที่คุณจับนิวราไป ตระกูลวรโชติจะรู้เรื่องมั้ย?”
“ไม่หรอก เรื่องแบบนี้ของหล่อน ยิ่งคนรู้มาก ยิ่งไม่ดีต่อหล่อน” ธีทัตพูด พลางนั่งลงข้างเธอ และเอ่ยปากถาม “วางใจเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงผม”
ญาธิดาพยักหน้า ยังไม่ทันได้พูด ก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น “เมื่อเช้าคุณไปทำอะไรมา?”
เสียงของธีทัตอ่อนโยนเหมือนปกติ ถึงแม้จะเป็นคำถาม แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนลองเชิง ราวกับถามไปงั้นๆเท่านั้น
ลำคอของญาธิดาเกร็งๆ “ฉัน……ไปสถานีตำรวจมา”
“ตอนแรกคิดว่าจะถามอะไรจากจันจิราได้สักนิด คิดไม่ถึง ว่าหล่อนจะปากแข็งแบบนี้”
ธีทัตพยักหน้าเบาๆ และพูดนิ่งๆ “อืม เจอภวินท์แล้วใช่มั้ย?”
ได้ยินชื่อนี้ออกจากปากของเขา ญาธิดาก็ชะงักเล็กน้อย และประหลาดใจ
เขารู้ได้ยังไงว่าเธอพบกับภวินท์? แล้วรู้การเคลื่อนไหวของเขาได้ยังไง?
ญาธิดาเกร็งๆ ถึงขั้นรู้สึกสันหลังเย็นวาบ เธอสูดหายใจเข้าลึก พลางมองทางธีทัตอย่างประหลาดใจ
ก็เห็นแค่ผู้ชายยังคงยิ้มอยู่ ไม่ได้ให้ความรู้สึกกดดันกับคนเลยสักนิด เขายิ้มจางๆ “ผมกับคุณชาติรู้จักกันมาหลายปีแล้ว เพิ่งได้ยินเขาพูดขึ้นมา”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไร
แต่ว่า ความรู้สึกประหลาดๆที่เกิดขึ้นในใจไม่อาจหายไปได้ ขณะที่ไม่รู้ตัว เธอก็มีความรู้สึกเหินห่างจากธีทัตแล้ว
ธีทัตก็รู้การเคลื่อนไหวของเธอ ทำไมตอนแรกยังต้องถามเธอว่าไปไหนมา? จะทดสอบงั้นเหรอ?
ส่วนลึกในใจก็เกิดคำถาม ขมวดเป็นปมพันกัน สุดท้าย กินข้าวเสร็จ เธอก็กลับไปที่ห้อง
เมื่อเธอถึงห้อง ก็อาบน้ำ และหยิบโทรศัพท์มาดู ก็เห็นว่าไม่กี่นาทีก่อนภวินท์ส่งข้อความมาให้เธอ “วันมะรืนไปกินข้าวที่ร้านอาหารเก็นติ้ง”
ญาธิดาชะงัก
เธอเคยได้ยินร้านอาหารเก็นติ้งของเมือง J นั่นเป็นภัตตาคารหรูที่เพิ่งเปิดใหม่ อยู่ที่ด้านบนสุดของอาคาร 70 ชั้นที่สูงที่สุดในเมือง J พื้นที่ทั้งชั้น หน้าต่างโปร่งแสงสูงจากพื้นจรดเพดาน สามารถมองทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง J ได้
ที่ร้านอาหารเก็นติ้งนั้น เป็นภัตตาคาร TOP 1 ในเมือง J ที่เหมาะกับคู่รักที่จะไปทานอาหาร อยู่ๆภวินท์บอกว่าจะพาเธอไปกินข้าวที่ร้านอาหารเก็นติ้ง เขาหมายความว่าไงกันแน่?
ญาธิดาลนลาน เหงื่อออกมืออย่างไม่รู้ตัว ขณะที่เธอไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีกครั้ง
เธอหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นว่าภวินท์โทรมา ลังเลอยู่ครู่ จึงกดปุ่มรับสาย “วันมะรืนฉันจะหาเหตุผลพานิวราไปกินข้าว เธอก็ไปด้วย พวกเราแกล้งทำเป็นบังเอิญเจอ ทดสอบความจริง”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาถึงได้วางใจ “อ๋อ ที่แท้นายหมายความว่าแบบนี้นี่เอง…”
พูดประโยคนี้จบ จู่ๆเธอถึงได้นึกอะไรออก เกร็งลำคอ หยุดพูดทันที
ชายคนนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงทุ้มต่ำก็ดังมา ก็เหมือนจะขำเล็กน้อย “เธอคิดว่าหมายความว่าไง?”
คำพูดของเขา ราวกับสายฟ้าฟาด ผ่านสัญญาณโทรศัพท์ มากระทบหัวใจเธอตัวเกร็ง หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นมา
ถึงแม้จะพูดผ่านโทรศัพท์ แต่ฟังจากน้ำเสียงของเขา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมองออกแล้วอย่างนั้นแหละ ความตื่นเต้นและอารมณ์ซ่อนไม่ได้
เธอกระแอมขึ้น และลองเปลี่ยนประเด็น “แผนการโดยละเอียดคืออะไร?”
ภวินท์เงียบอยู่ครู่ “ไม่สะดวกพูดในโทรศัพท์ เธอออกมาหน่อย”
“ออกไป? ไปไหน?”
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย กลับอ่อนโยน “ฉันอยู่หน้าแกรนด์ บูเลอวาร์ด เธอออกมา ฉันจะเล่าแผนการให้ฟัง”
ไม่รู้ว่าทำไม วินาทีนั้น ใจของญาธิดาก็เต้นรัว แรงกระตุ้นที่ไม่อาจระงับได้เติมเต็มหัวใจ ทำให้เธออยากลุกขึ้นทันที
คิดไม่ถึง ว่าเขาจะอยู่ด้านหน้าแกรนด์ บูเลอวาร์ด หรือว่าเขาตั้งใจมาหาเธองั้นเหรอ?
ในใจเธอราวกับมีม้าพันตัววิ่งอยู่ แต่สีหน้าของเธอยังคงอยู่ในสภาพนิ่งๆ “แผนการอะไร ทำไมถึงต้องพูดต่อหน้า?”
ผู้ชายเงียบไปหลายวินาที และพูดอย่างอ่อนโยน “ฉันอยากมั่นใจว่าจะไร้ข้อผิดพลาด ทางที่ดีที่สุดระวังตัวไว้ดีกว่า”
ลังเลอยู่ครู่ ญาธิดาก็สูดหายใจเข้าลึก และเงยหน้าขึ้นมองค่ำคืนที่มีหมอกนอกหน้าต่าง และตอบตกลง “โอเค”
วางสายไป เธอก็สวมเสื้อคลุม เดินผ่านห้องนั่งเล่น เปลี่ยนเป็นรองเท้าแฟลต ออกไป
เดินไปได้ไม่ไกล เธอก็เห็นรถสีดำจอดอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่อยู่ไม่ไกล ชายสวมชุดสีดำทั้งตัวยืนอยู่ข้างรถ ร่างพิงตัวรถเล็กน้อย ท่ามกลางแสงจันทร์ที่พร่ามัว ราวกับรูปวาด
ใจของญาธิดาหนักอึ้ง เร่งฝีเท้าเดินขึ้นหน้าไป
เมื่อภวินท์ได้ยินเสียงก็หันมา นัยน์ตาสีดำจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ พลางมองเธอ ด้วยนัยน์ตาลึกซึ้ง หลายวินาทีต่อมา ก็ยกยิ้มมุมปาก
รอให้เธอเดินมาใกล้เล็กน้อย เขาจึงไปพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ “รอเธออยู่นานแล้ว”