ดวงใจภวินท์ - บทที่ 502 เห็นภาพบาดตาจนอิจฉาตาร้อน
เขาโยนกระบองที่หักสองท่อนในมือทิ้งทันที ยกมือขึ้นมานวดตรงแขนที่รับกระบองเมื่อครู่ แล้วหมุนตัวไป พร้อมกับสั่งพายุว่า “รีบเอาคนไปทำความสะอาดห้องโถง ให้ทุกคนปิดปากให้สนิท อย่าพูดเหลวไหล”
พายุรับคำสั่ง รีบไปจัดการทันที
กลับมาที่ห้องทำงาน ภวินท์ขมวดคิ้ว คาดเดาอะไรบางอย่างได้
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ จู่ๆก็เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น คนที่เขาพอจะนึกได้ ก็คือญาธิดา
ลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โทรไปหาญาธิดาทันที
เสียงโทรศัพท์ทางนั้นดังขึ้นสองครั้ง ยังไม่มีคนรับ ก็ถูกคนกดตัดสายทิ้งเลย
ภวินท์หัวเราะเยาะ ในใจเริ่มมีความมั่นใจแล้ว
เรื่องนี้ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นฝีมือเธอ ในเมื่อเธอไม่ยอมรับสาย เช่นนั้นเขาก็คงต้องไปพบเธอด้วยตัวเองแล้ว
เวลานี้ ญาธิดานั่งอยู่ในห้องพักผู้ป่วย มองที่หน้าจอโทรศัพท์ งุนงงเอย
จู่ๆภวินท์ก็โทรมาหาเธอ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เกล้าแก้วก็มองเวลา แล้วมองมาทางเธอพร้อมพูดว่า “ธิดา ฉันมีธุระนิดหน่อย ต้องไปคุยกับหัวหน้าหน่อย อีกประมาณครึ่งชั่วโมงกลับมานะ”
ญาธิดาพยักหน้าเล็กน้อย “เธอไปเถอะ ที่นี่มีฉันอยู่”
เกล้าแก้วยิ้ม เพิ่งจะลุกขึ้นมา โทรศัพท์ที่วางไว้ข้างเตียงก็ดังขึ้น
ตอนที่เห็นชื่อแสดงบนหน้าจอ เธอก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที รีบตัดสายทิ้งเลย
ญาธิดาที่นั่งอยู่ข้างๆเห็นท่าทางของเธอเข้าพอดี จึงยิ้มพลางถามว่า “ทำไมไม่รับสายล่ะ แฟนโทรมาเหรอ”
สีหน้าเกล้าแก้วเลิ่กลั่กไม่เป็นธรรมชาติ ส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ใช่ พวกโทรสแปม ฉันไปก่อนนะ”
“ได้”
เห็นเกล้าแก้วรีบร้อนออกไป ญาธิดาก็ดึงสายตากลับมา มองไปที่โทรศัพท์มือถือตัวเอง
นอกจากภวินท์ที่เพิ่งโทรมาเมื่อครู่แล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก
ช่วงสองสามวันนี้ ธีทัตเองก็ไม่ได้ติดต่อมาหาตนเอง ไม่ได้โทรมา ไม่ได้ส่งข้อความมา ว่างเปล่าจนทำให้เธอไม่คุ้นเคยเล็กน้อย
ดูท่าทาง ตอนที่อยู่ที่ร้านอาหารเก็นติ้งครั้งก่อน เขาจะโกรธจริงๆ
เกิดความรู้สึกผิดในใจของเธอ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ ตอนแรกเธอคิดว่าการที่เธอร่วมมือกับภวินท์จะทำให้นิวราเพลี่ยงพล้ำ คิดไม่ถึงว่าต่อมา เธอกลับเป็นฝ่ายถูกภวินท์หลอกใช้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบตอนนี้ สู้เธอสารภาพทุกอย่างกับธีทัตตั้งแต่แรกแล้ว คงไม่เกิดความเข้าใจผิดตามมาแบบนี้
เธอถอนหายใจ เพิ่งจะเก็บโทรศัพท์มือถือ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากห้องพักผู้ป่วย จากนั้น ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก อีธานกับเอลล่าวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น เรียกด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “คุณแม่!”
ญาธิดาตกตะลึง ยื่นมือไปกอดเด็กทั้งสองคน พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นธีทัตยืนอยู่ที่ประตู
เขายิ้มบางๆ มองพวกเขา
ญาธิดาหัวใจแทบจะหยุดเต้น รีบเอ่ยว่า “ทัต……”
ธีทัตเดินมาข้างหน้า เอาตะกร้าในมือวางบนโต๊ะข้างๆ “เค้กถั่วเขียวกับขนมเปี๊ยะถั่วแดงที่คุณชอบ”
ญาธิดารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ “ทำไมจู่ๆคุณก็มา……”
“ผมกลับมาเอาของที่แกรนด์ บูเลอวาร์ดนิดหน่อยครับ อีธานกับเอลล่าบ่นว่าเบื่อ ผมก็เลยพาพวกเขามา”
น้ำเสียงเขายังคงอ่อนโยนเหมือนที่ผ่านมา ราวกับว่าเรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันครั้งก่อนเป็นแค่ความฝัน ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ญาธิดารู้สึกเศร้าเสียใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะ “ทัต……”
ธีทัตหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอ พูดอย่างรักใคร่ว่า “เอาละ ต่อไปก็ชดเชยให้ผมแล้วกัน ขอแค่คุณเชื่อใจผมเท่านั้น ”
อีธานที่อยู่ข้างๆเงยหน้าขึ้นมาถาม “คุณพ่อ คุณแม่ ชดเชยอะไรเหรอครับ”
พอญาธิดาได้ยิน ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ รีบพูดว่า “ไม่มีอะไรจ้ะ……”
เธอเพิ่งพูดจบ ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที จุมพิตที่แผ่วเบาเหมือนแมลงปอแตะที่ผวน้ำสัมผัสบนใบหน้าเธอ
เธออึ้งตะลึง เห็นแค่ว่าธีทัตที่อยู่ข้างๆมองเธออย่างรักใคร่ลึกซึ้งพลางพูดว่า “ก็คือการชดเชยแบบนี้……”
ญาธิดาตัวร้อนผ่าวทั้งตัว ในชั่วพริบตา ลำคอตีบตันพูดไม่ออก
อีธานและเอลล่าเอามือปิดปาก หัวเราะคิกคักไม่หยุด
ญาธิดาตั้งตัวกลับมาได้ มองไปยังธีทัตด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ทำไมคุณ……”
ธีทัตหัวเราะเบาๆ โอบไหล่เธอไว้แน่น “ไม่เป็นไร สักวันอีธานกับเอลล่าก็ชินเอง”
พอพูดแบบนี้ บรรยากาศก็ยิ่งกระอักกระอ่วน ญาธิดาหน้าร้อนผ่าว พูดอะไรไม่ออก
ตอนนี้เอง ที่ประตูห้องพักผู้ป่วย ภวินท์ยืนอยู่ตรงนั้น มองเห็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดเมื่อครู่ทั้งหมด
เขารีบร้อนออกจากบริษัทมาที่โรงพยาบาลพัฒนา ตอนแรกก็คิดที่จะมาหาญาธิดา แต่บังเอิญมองเห็นธีทัตพาอีธานกับเอลล่ามา จึงเดินตามมา
คิดไม่ถึงว่า พอมาถึงประตู ก็จะเห็นภาพบาดตาที่ทำให้อิจฉาตาร้อน
วินาทีนั้น หัวใจเขาเหมือนถูกเอากระสอบมาคลุมเอาไว้แน่นจนหายใจไม่ออก พูดอะไรไม่ถูก ไม่สบายใจ เจ็บปวดเล็กน้อย
แล้วยังมีความโกรธบางอย่างที่ยากจะอธิบายด้วยคำพูด
ภาพที่ครอบครัวพวกเขาสี่คนมีความสุขกันมันบาดตาเขา ทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นความทรมานถ้าต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกหนึ่งวินาที ต้องเห็นภาพนี้นานขึ้นอีก
เขาหมุนตัวไป ก้าวขาเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ลมหายใจที่เย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากตัวเขา
“ท่านประธานครับ จะไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอครับ”
พายุที่มาพร้อมกับเขา ตอนแรกคิดว่าจะไปเยี่ยมอันอันด้วย คิดไม่ถึงว่า ภวินท์ก็เตรียมที่จะพาเขาไปแล้ว
ภวินท์พูดเสียงเข้ม “ไป”
พายุลังเล เหลือบมองแววตาเขา “คุณนิวราเองก็อยู่ที่นี่ จะแวะไปเยี่ยม……”
ภวินท์พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ไม่ไป”
เดิมเขามาที่นี่ก็เพื่อจะมาหาญาธิดา คิดไม่ถึงว่ากลับต้องมาเห็นภาพแบบนั้น ยังน่าโมโหไม่พออีกเหรอ
พายุเห็นท่าทางเขายืนกรานหนักแน่น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เดินจากไปพร้อมกับเขา
ตรงประตูใหญ่ของโรงพยาบาลพัฒนา
เกล้าแก้วเดินออกมา เหลือบมองโดยรอบอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็มองเห็นรถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง เธอสาวเท้ามา เดินไปทางรถคันนั้นอย่างรวดเร็ว
เดินมาด้านหน้ารถ เธอดึงประตูเปิด เข้าไปนั่งในรถทันที
ยังไม่ทันที่จะปิดประตูรถ จู่ๆ เธอถูกรวมตัวเข้าไปในอ้อมกอด ชายหนุ่มพรมจูบลงมา
เกล้าแก้วส่งเสียงฮึ่มฮั่ม พยายามผลักเขา แต่ผลักไม่ออก เธอถูกกดลงไปที่บนเบาะด้านท้ายรถ ค่อยๆถูกเอวที่แข็งแรงแรงชายหนุ่มปิดล้อมเอาไว้
หลังจากการจุมพิตอันแสนยาวนาน เธอก็แดงไปทั้งตัว ใบหน้าร้อนผ่าว ดวงตาเลื่อนลอย แม้แต่เสื้อเชิ้ตตรงหน้าอกยังยับยู่ยี่เลย
ทั้งสองคนผละออกจากกัน เธอหอบหายใจ หัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “รีบร้อนขนาดนี้เลยเหรอ”
ภูผาไม่ปฏิเสธ หัวเราะเบาๆว่า “อืม แทบจะทนไม่ไหวแล้ว”
น้ำเสียงเขาแฝงด้วยการยั่วที่มองไม่เห็น ทันใดนั้น เกล้าแก้วก็หน้าแดงยิ่งขึ้น
ภูผายกมือขึ้น บีบคางเธอเอาไว้ ใช้นิ้วหัวแม่มือถูริมฝีปากหญิงสาวอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน เอ่ยเบาๆว่า “รอเธอกลับมา แล้วพวกเราค่อยคุยกัน”
แก้มสองข้างของเกล้าแก้วแดงเรื่อ เหมือนกับหญิงสาวที่กำลังมีความสุข ยิ้มพลางพยักหน้า
ภูผาเอ่ยถามว่า “วันมะรืนก็จะไปแล้วเหรอ”
“อืม สองวันนี้ก็เลยต้องอยู่ทางนี้ กลัวว่าจะไม่มีเวลาปลีกตัวกลับคฤหาสน์แล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมมาหาเธอเอง” ภูผายิ้ม “ใช่แล้ว เรื่องครั้งนี้ ทำได้ดีมาก”
พอเกล้าแก้วได้ยิน ก็ยิ้มพลางเอามือโอบรอบคอเขา พูดเบาๆว่า “อันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว เรื่องที่คุณสั่งนี่คะ”
ภูผาหัวเราะเบาๆ “เรื่องสนุกๆของภวินท์กับตระกูลวรโชติกำลังจะเริ่มขึ้น คอยดูเถอะ”
ดวงตาเกล้าแก้วเป็นประกาย เอ่ยถามว่า “งั้นฉันยังต้องทำอะไรอีกมั้ยคะ”
“แน่นอน” ภูผายิ้มพลางยื่นมือมา กุมมือของเธอเอาไว้ บีบเบาๆ “ยังมีอีกเรื่อง ที่มีแต่เธอเท่านั้นที่ทำได้ แล้วก็มีแค่เธอที่ทำได้ดี”
เกล้าแก้วถูกชมจนหน้าแดง หลังจากยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้ว ก็ถามอีกว่า “เรื่องอะไรคะ”
ภูผาเข้ามากระซิบเบาๆ ข้างๆหูเธอว่า “ ก่อนที่จะไปจากเมืองJ เธอก็แค่ ……”