ดวงใจภวินท์ - บทที่ 511 การเปลี่ยนแปลงของตระกูลสถิรานนท์
เมื่อถึงโรงพยาบาลที่หมอเจมส์อยู่ในต่างประเทศ วันเวลาได้ผ่านไปในชั่วพริบตา
ตั้งแต่วันที่พวกเขามาถึงโรงพยาบาล เจมส์ก็ได้นำทีมผู้เชี่ยวชาญของตัวเองในการจัดตั้งทีมแพทย์ เขาดำเนินการวางแผนรักษาอันอันอย่างรวดเร็วพร้อมกับบังคับใช้ในทันที
เนื่องจากขั้นตอนการรักษานั้นต้องเป็นมืออาชีพและต้องเป็นความลับ ญาธิดาและธีทัตแทบจะไม่ได้เจออันอันเลย พวกเขาพักอยู่ในโรงแรมห้าดาวข้างโรงพยาบาล นอกจากจะไปพบหมอที่โรงพยาบาลแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำมากสุดในทุกๆ วันก็คือเที่ยวไปรอบๆ เมือง
จะว่าไป นี่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่สบายที่สุดของญาธิดาในสองปีที่ผ่านมานี้ เธอพาอีธานและเอลล่าเที่ยวทุกซอกทุกมุมของเมืองนี้ เดินชมโบสถ์ กินอาหารอร่อย แม้แต่วิวที่ท่าเรือพวกเขาก็ชมไปหลายรอบเช่นกัน บางครั้งก็ออกไปเที่ยวกับธีทัตและเกล้าแก้วบ้าง ในตอนกลางคืน พวกเขาไปชมวิวกลางคืน ไปเที่ยวบาร์ ฟังเพลงชิลๆ และดื่มเหล้านิดหน่อย
และแล้ว เธอไม่รู้เลยว่า ในช่วงเวลาที่เธอกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศในเมืองนี้ STN Groupที่เมือง Jในประเทศนั้นมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เป็นเวลา3วันติดต่อกัน ที่ภวินท์ประธานSTN Groupนั้นได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากที่รัฐภูมิเสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งก่อน หุ้นส่วนและบอร์ดบริหารระดับสูงในบริษัทก็เริ่มอยู่ไม่นิ่ง ทุกคนต่างเริ่มหวั่นใจ
บวกกับสองพ่อลูกจากบริษัทวรโชติที่มีกระแสระดมพลและทำดีด้วย ทุกคนจึงรู้สึกลังเล เมื่อต้องเผชิญกับการนัดทานข้าวของชนัดพล พวกเขาลังเลว่าจะไปหรือไม่ไปดี
การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของรัฐภูมินั้นมีการเล่าต่อกันออกไปอย่างแตกต่างกัน คนส่วนใหญ่เดาว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม แต่ส่วนใหญ่ก็ได้รับข้อมูลอย่างลมๆ แล้งๆ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ทุกคนจึงทำได้แค่เล่ากันปากต่อปากเท่านั้น
แต่ยิ่งมีคนพูดถึงมากเท่าไหร่ เรื่องราวค่อยๆ ดูเหมือนจะจริง ความน่าเชื่อถือก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น
และพวกผู้ถือหุ้นที่รัฐภูมิที่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของชนัดพลด้วยกันก่อนหน้านี้นั้น แต่ละคนก็เดากันไปคนละแบบ วันนั้นรัฐภูมิมีปากเสียงกับชนัดพล จากนั้นวันที่สองเขาก็เกิดอุบัติเหตุ เรื่องนี้จึงทำให้ผู้คนสงสัยกันเป็นอย่างมาก
ดังนั้น ทุกวันนี้ที่มองไปยังสองพ่อลูกตระกูลวรโชติ พวกเขาจะรู้สึกกลัวมากขึ้นเล็กน้อย แม้จะพบกันแค่ผิวเผิน พวกเขาก็จะเผยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
ตามด้วยสองพ่อลูกตระกูลวรโชติกับผู้ถือหุ้นและผู้บริหารระดับสูงของSTN Groupที่เหมือนปลาได้น้ำ บวกกับภวินท์ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยติดต่อกันหลายวัน อำนาจภายในบริษัทจึงค่อยๆ สั่นคลอน
วันที่ห้าที่ภวินท์หายตัวไป ภูผาก็ได้ปรากฏตัวในบริษัท เขาได้จัดการประชุมฉุกเฉินในฐานะผู้ถือหุ้น ในเวลาเพียงไม่นาน เขาได้รับคะแนนเสียงข้างมาก เสียงส่วนมากสนับสนุนให้เขาเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในฐานะทายาทคนที่สองของปกรณ์จากตระกูลสถิรานนท์
ในชั่วขณะหนึ่ง มีการถกเถียงกันในเมือง J เกี่ยวกับศึกแย่งชิงตำแหน่งของพวกไฮโซ ไม่มีคนที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ ทุกคนต่างรู้สึกสนุกกับประเด็นนี้ แต่ครั้งนี้ภวินท์ดันหายตัวไป จากนั้นคุณชายรองของตระกูลสถิรานนท์ก็ได้เข้ายึดตำแหน่งในทันที ทำให้ผู้คนอดคิดไม่ได้จริงๆ อดไม่ได้ที่จะคาดเดากันไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
แต่ว่า เจ้าตัวปกรณ์ที่เป็นเสาหลักของตระกูลสถิรานนท์นั้นอยู่ต่างประเทศ เขาไม่เคยปรากฏตัวต่อความวุ่นวายในประเทศมาก่อน ส่วนนายท่านตระกูลสถิรานนท์ก็หายตัวไปเช่นกัน แม้ว่าทางตำรวจได้ส่งคนไปตามรอยภวินท์ แต่กลับไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลย
หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ได้มีข่าวสะเทือนขวัญจากเมือง J ทางตำรวจพบศพชายวัยกลางคนที่ถูกสัตว์ป่าฉีกร่างหลังเขาเขารามตรงหญ้ากก ศพนั้นเน่าเปื่อยและเหม็นเน่า หลังจากที่เทียบDNA ยืนยันตัวตนของศพว่าเป็นร่างของภวินท์แล้ว พวกเขายังพบอุปกรณ์ทานอาหารและเต็นท์อยู่ข้างหญ้ากก พร้อมกับข้าวของส่วนตัวของภวินท์
จากการตรวจสอบของตำรวจ จนในที่สุดก็หาสาเหตุได้ว่า ผู้ตายนั้นมาล่าสัตว์ป่าบริเวณหญ้ากก สุดท้ายแล้วโดนสัตว์ป่าโจมตีกลับจนเสียชีวิต
หลังจากที่ตระกูลสถิรานนท์ได้ทราบข่าว ก็ได้จัดงานศพให้ภวินท์อย่างยิ่งใหญ่โดยมีภูผาเป็นเจ้าภาพ ระหว่างนั้นนายท่านของตระกูลสถิรานนท์ก็ได้ปรากฏตัว คนผมขาวส่งคนผมดำ เธอร้องไห้จนเกือบจะเป็นลม ภูผาก็สีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ บนโลกโซเชียลก็ยังมีชาวเน็ตมากมายที่สันนิษฐานความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลายคนคาดเดาว่านี่เป็นผลมาจากการแย่งชิงอำนาจของทายาททั้งสองตระกูลสถิรานนท์ แต่เพียงในเวลาอันน้อยนิด บัญชีผู้ใช้พวกนั้นได้ถูกบล็อก ข่าวคราวที่เกี่ยวกับเรื่องนี้บนโลกโซเชียลได้หายสาบสูญ ข่าวถูกปิดอย่างมิดชิด และในขณะเดียวกัน ภูผาได้ออกคำสั่งไม่ให้คนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งใดก็ตามพูดถึงเรื่องนี้อีกเด็ดขาด พนักงานเกือบครึ่งนึงของบริษัทถูกภูผาไล่ออกและเอาคนของตนเองเข้ามาทำแทน เขากุมอำนาจไว้ในมืออย่างมั่นคง แล้วปิดกั้นความเห็นการถกเถียงและคาดเดาจากคนอื่นๆ เพียงคนเดียว
เพียงไม่นาน เวลาได้ผ่านไปช่วงหนึ่ง ภายใต้คำพูดที่เด็ดขาดของเขานั้น ข่าวลือต่างๆ ได้ค่อยๆ จางหายไป เรื่องราวที่เกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจภายในของSTNก็เริ่มไม่มีคนพูดถึง
ในเวลาเดียวกัน ญาธิดาที่อยู่ต่างประเทศ เพราะทีมแพทย์ที่รักษาของเจมส์นั้นได้รักษาถึงระยะที่สองแล้ว เธอจึงได้ใกล้ชิดกับอัญมณีที่อยู่บนเตียงคนไข้มากขึ้น เธอต้องสละเวลาของตัวเองเพื่ออยู่เป็นเพื่อนและคอยดูแล เธอจึงค่อยๆ เริ่มยุ่งขึ้นมา
ส่วนเกล้าแก้วนั้นกลับประเทศก่อนกำหนดโดยอ้างว่าที่บ้านของเธอนั้นมีปัญหา ส่วนธีทัตก็ไม่ได้อยู่ต่างประเทศให้เสียเวลาเปล่าๆ เธอต้องวิดีโอประชุมออนไลน์ทุกวัน และเดินทางไปทั่วเมืองที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อเจรจาธุรกิจ จึงไม่มีเวลาอยู่กับพวกเขามากนัก
ภาระของญาธิดาเพิ่มขึ้นในชั่วพริบตา เธอต้องดูแลเด็กน้อยทั้งสองคนอีธานและเอลล่า แล้วยังต้องคอยติดตามอาการของอัญมณีอีกด้วย เธองานยุ่งจนหัวหมุน ค่อยยังชั่วที่ธีทัตให้บอดี้การ์ดโชนคอยช่วยเหลือเธอ หากปล่อยให้เธอทำเองทุอย่าง คงจะยุ่งไม่มีเวลาทำอย่างอื่น
เธอใช้ชีวิตแบบนี้อยู่อาทิตย์กว่า อาการของอัญมณีค่อยๆ ดีขึ้น การบำบัดด้วยการปลุกเร้าและการช็อกในระดับเซลล์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของเธอที่ไม่มีการตอบสนองนั้นเริ่มมีการขยับที่ปลายนิ้ว นี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าอัญมณีอาจจะมีโอกาสฟื้นขึ้นมา
ญาธิดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอรีบโทรหาธีทัตอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล ทัต ฉันมีข่าวดีจะบอก! นิ้วของอันอันขยับแล้ว!”
ธีทัตที่อยู่ปลายสายได้ยินเช่นนั้น ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข่าวดีจริงด้วย ผมจะกลับจากฟิลาเดลเฟียวันมะรืน คุณอดทนอีกหน่อยนะ”
“ได้เลย ฉันยังมีโชนที่ช่วยดูแลอีธานกับเอลล่า งานก็ไม่ได้มีอะไรให้ทำมากนัก คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“ครับ รอผมกลับไปนะ”
บทสนทนาของทั้งคู่จบลงในเวลาอันสั้น แล้วกดวางสายไป ญาธิดายังคงจมอยู่กับความสุขที่อัญมณีมีอาการดีขึ้น ส่วนด้านธีทัตก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง
สำหรับเขาแล้ว การที่อาการของน้องสาวดีขึ้น และมีโอกาสที่จะฟื้นนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่การที่เธออาการดีขึ้นนั้น ก็มีเรื่องที่ทำให้เขาต้องปวดหัวเช่นกัน
หากการรักษาในครั้งนี้จบลง พวกเขาก็ต้องบินกลับประเทศ ส่วนเรื่องยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในเมือง J ในตอนนี้นั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่STN Groupมีการเปลี่ยนตำแหน่งประธาน แค่เรื่องการตายของภวินท์ก็ถือว่าเป็นระเบิดลูกใหญ่แล้ว เขาไม่กล้ามั่นใจว่าหัวใจของญาธิดาจะยังมีที่ว่างให้ภวินท์อยู่อีกหรือเปล่า แต่เรื่องนี้คงมีผลกระทบกับความรู้สึกของเธอแน่ๆ
เขาต้องลงทุนไปเท่าไหร่กว่าจะพาทั้งครอบครัวของญาธิดามาต่างประเทศ แล้วใช้ข้ออ้างที่อันอันต้องรักษาตัวเพื่อรั้งให้เธออยู่กับเขา เขาจะไม่ให้เรื่องนี้มาทำให้ทุกอย่างพังทลายหรอกนะ
และในตอนนี้ ญาธิดาไม่ทราบข่าวคราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมือง Jเลย เขาเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ให้เธอ พร้อมกับแฮ็คเครื่องโทรศัพท์ เพื่อปิดกั้นข่าวสารที่เกี่ยวกับเมือง J ดังนั้นจนทุกวันนี้เธอก็ยังไม่ได้รับข่าวสารอะไรเลย
ตอนนี้ สิ่งที่เขาทำได้นั้นก็คือรีบกลับไปอยู่เคียงข้างญาธิดา โดยเร็วที่สุด รั้งเธอเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
สถานการณ์ในตอนนี้ของเมือง J นั้นยังคงไม่ชัดเจน ภวินท์จะยังมีหรือไม่มีชีวิตนั้น เขาก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ เขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องในครั้งนี้ที่จะทำให้ญาธิดาใจอ่อน แล้วกลับไปหาภวินท์อีกครั้ง!
ถึงแม้ภวินท์จะเสียชีวิตจริงๆ เขาก็ไม่มีทางยอม เพราะผู้หญิงของเขา ต้องรักเขาอย่างเต็มอกเต็มใจเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเรื่องราวทุกอย่างจะถูกปิดอย่างมิดชิดแต่มันไม่สามารถถูกปิดไว้ตลอดไป เหมือนกับกระดาษที่ไม่สามารถห่อไฟไว้ได้