ดวงใจภวินท์ - บทที่ 517 คุณยายรู้เรื่องทั้งหมด
บทที่ 517 คุณยายรู้เรื่องทั้งหมด
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาก็คัดจมูกขึ้น น้ำตาซึม พูดไม่ออก
เธอค่อยๆ ปรับอารมณ์แล้วถึงกล่าวขึ้น “คุณย่า……”
คุณย่าตบมือเธอเบาๆ จากนั้นกล่าวอย่างตั้งใจ “อีกอย่าง ย่าดูออก ถึงความรู้สึกระหว่างพวกหนูสองคน อีกทั้ง……”
เธอหยุดชะงัก มองญาธิดาด้วยแววตาที่แดงก่ำ “ย่ารู้ว่าลูกสองคนนั้นของหนู……”
ไม่รอให้คุณย่าได้กล่าวจบ ญาธิดาก็เบิกตาโพลง เธอลนลานขึ้นทันใด หัวใจเต้นตึกตัก เลือดลมเดือดพล่าน
หรือว่าเธอรู้สถานะของอีธานกับเอลล่าแล้ว
“คุณย่า……”
เห็นท่าทีตกใจของเธอ คุณย่าจึงเอ่ยปากอย่างใจเย็น “ตั้งแต่ที่ย่าเห็นเด็กสองคนนั้นครั้งแรก ในใจของย่าก็พอจะเดาออก จากนั้นจึงให้คนสนิทส่งคนไปสืบ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นลูกของหนู! ถึงแม้ว่าจะใช้นามสกุลกรเวช แต่ย่าก็รู้ว่านั่นต้องเป็นลูกของหนูกับวินอย่างแน่นอน! หน้าตาเหมือนกับวินตอนเด็กไม่มีผิดเพี้ยน!”
ญาธิดาแน่นคอพูดไม่ออก
ที่แท้ หลังจากที่ลูกแฝดบังเอิญเจอคุณย่าที่หน้าประตูท้องฟ้าจำลอง ก็รู้สถานะตัวตนของพวกเขาแล้ว แต่ว่าเธอกลับเงียบกริบอย่างคาดไม่ถึง…….
“ย่าไม่รู้ว่าระหว่างหนูกับวินเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ อาจจะเข้าใจผิดกัน
และก็อาจจะมีปัญญากันจริงๆ
แต่ว่าย่าเคารพการตัดสินใจของหนู ถึงแม้ว่าย่าอยากจะให้พวกหนูลงเอยกันมากกว่า แต่ว่าย่าจะไม่ฝืนใจหนูให้ทำอะไร”
ได้ยินคำพูดของคุณย่า ญาธิดาก็เกิดความสับสนขึ้นในใจ
เธอมองคุณย่าด้วยแววตาที่นองด้วยน้ำตาจนพร่ามัว กัดฟันแล้วเอ่ยปาก “คุณย่า หนูจะพยายามไปสืบเบาะแสของเรื่องนี้มาให้ได้ค่ะ”
คุณย่าได้ยินก็รีบพยักหน้า ดึงมือของเธอแล้วพยักหน้าอย่างแรง จากนั้นกล่าวจริงจัง “ไม่ว่าจะอย่างไร
เขาก็เป็นพ่อแท้ๆ ของลูกน้อยสองคน ต่อให้เขาจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่หนูคงไม่อยากให้ลูกๆ
ขาดพ่อไปตั้งแต่เด็กใช่ไหม”
ในหัวของญาธิดาผุดภาพที่ภวินท์พาอีธานกับเอลล่าไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน ในใจก็เกิดความประทับใจอย่างอธิบายไม่ถูก ถึงแม้พวกเขาต่างจะไม่รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริง
ระหว่างพวกเขามีแรงดึงดูดที่ยากจะอธิบาย ที่ไม่สามารถลบหรือเปลี่ยนแปลงได้
แต่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
เธอกัดฟัน จึงตัดสินใจขึ้น
“คุณย่า ท่านรักษาสุขภาพด้วยนะคะ เรื่องตามหาภวินท์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหนู”
มองดูคุณย่าอย่างตั้งใจ
เพราะเรื่องที่เกิดกับภวินท์ในครั้งนี้ สาเหตุก็มาจากเธอ หากไม่ใช่เพราะเธอ ภวินท์ก็ไม่ตกหลุมพรางนี้
จะว่าไป เธอยังมีความรู้สึกผิดต่อเขา
คุณย่าจับมือของเธอด้วยความดีใจ
“ธิดา อย่างนั้นความหวังทั้งหมดต้องฝากไว้กับหนูแล้วนะ! หนูวางใจได้ ทรัพยากรมนุษย์และเงินย่าจะรับผิดชอบเอง
ขอเพียงหนูต้องการ ไม่ว่าเงื่อนไขอะไรย่าก็รับปากทั้งนั้น!”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกใจแปล๊บและซาบซึ้งใจ
ยกริมฝีปากหายใจเข้าลึกๆ
แล้วกล่าวขึ้น “หวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีนะคะ”
“แน่นอน” คุณย่าพยักหน้ารัวๆ น้ำเสียงหนักแน่นไม่เปลี่ยน “มันจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน”
เธอสนทนากับคุณย่าอีกสักพัก
เพียงแต่ว่าตอนท้าย คุณย่าสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีอย่างเห็นได้ชัด เธอมองไปรอบๆ หันซ้ายมองขวา จู่ๆ ก็โน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วกดเสียงต่ำจากนั้นกล่าว “ธิดา ตอนนี้อาจจะมีคนคอยดักมองพวกเราอยู่
ภูผาคนนั้นจิตใจรอบคอบ หนูจะต้องป้องกันและระวังตัวให้มากๆ”
เมื่อได้ยินคำแนะนำของคุณย่า
ญาธิดาก็พยักหน้าอย่างจริงจัง สำหรับภูผาคนนี้ ก่อนหน้านี้เธอไม่ค่อยรู้จักดีสักเท่าไร
แต่ว่าตอนนี้ จะมากจะน้อยในใจของเธอก็พอจะประมาณได้
เขาต้องไม่ใช่ตัวละครที่ธรรมดาแน่นอน ตอนนี้เธอต้องตามหาตัวภวินท์ให้เจอ จะต้องหลีกเลี่ยงเขาถึงจะถูก
“ค่ะ หนูจำขึ้นใจแล้วค่ะ”
คุณย่าพยักหน้า หายใจเข้าลึกๆ “เวลาไม่เช้าแล้ว
ย่ากลับไปก่อนนะ มิเช่นนั้นภูผาจะยิ่งสงสัย
เดิมทีเขาก็เริ่มสงสัยย่าแล้ว วันนี้มาไว้ทุกข์ที่สุสาน ก็เพื่อตบตาเขา คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกับหนู”
เธอตกใจ จึงเอ่ยถาม “เขาส่งคนมาเฝ้าคุณย่าเหรอคะ”
คุณย่าพยักหน้า เงียบไม่เปล่งเสียงใดๆ
เห็นดังนั้น ญาธิดาก็ยิ่งเย็นชา คิดไม่ถึงว่าภูผาในวันนี้จะทำได้ขนาดนี้ แม้แต่คนแก่ก็ยังไม่ยอมปล่อย
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบเงยหน้ามองคุณย่าแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“คุณย่าคะ พวกเราคุยกันถึงแค่นี้ก่อน
มิเช่นนั้นอาจจะถูกสงสัยได้ เดี๋ยวเรื่องจะยิ่งยุ่งยากขึ้น”
คุณย่าได้ยินดังนั้น ก็รีบหยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ หนูพูดถูก!”
ทั้งคู่สนทนากันอีกไม่กี่คำ ก็แยกย้ายจากกัน
ญาธิดาหันหน้าไปมองรูปขาวดำบนป้ายหลุมศพ
ในใจหมองหม่น เธอข่มอารมณ์ทั้งหมดไว้ จากนั้นหันหลังแล้วจากไป
ตั้งแต่ออกมาจากสุสาน คำพูดของคุณย่ายังคงก้องดังอยู่ในใจ
เธอโบกแท็กซี่และเตรียมตัวที่จะขึ้นรถเพื่อจากไป ใครจะไปรู้
หางตาเหลือบไปเห็นรถสีดำคันหนึ่งอยู่ข้างถนนไม่ไกลนัก มือดึงจับอยู่ที่ประตูรถจึงชะงักเล็กน้อย
ครึ่งวินาทีต่อมา เธอยังคงเคลื่อนไหวต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขึ้นรถไปแล้วบอกที่อยู่แก่คนขับ รถก็ค่อยๆ
เคลื่อนตัวไปข้างหน้า เธอหันหน้าไปมองกระจกหลังทั้งสองข้าง ปรากฏว่าเห็นรถคันสีดำคันนั้นตามมาอย่างช้าๆ อยู่ไม่ไกล
ตามติดอยู่ด้านหลังพวกเขา
เห็นที เธอน่าจะถูกคนตามเสียแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นคนของภูผา
เธอกำหมัดแน่น
เธอค่อยๆ สงบสติลงแล้วบังเกิดความคิดขึ้นในใจ
เกิดความไม่สบายใจขึ้น ครู่หนึ่ง
ภูผาสามารถส่งคนมาติดตามความเคลื่อนไหวของเธอได้ เธอก็สามารถเคลื่อนไหวตามที่ตัวเองอยากจะให้พวกเขาเห็นได้เช่นกัน
มีทั้งข้อดีแล้วข้อเสีย
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร
ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ขอเพียงเธอตั้งใจจะตามหาเบาะแสของภวินท์
ก็จะต้องจริงจังและรอบคอบตลอดเวลา จะตกหลุมพรางของภูผาไม่ได้!
เวลานี้ ณ ตระกูลวรโชติ
มีเสียงดังขึ้นที่ชั้นสอง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องที่แหลมคมของหญิงสาว ชนัดพลที่นั่งจิบชาอย่างสบายใจบนโซฟาชั้นล่างในห้องรับแขกได้ขมวดคิ้วขึ้น สีหน้าดูแย่ในบัดดล
ผ่านไปครู่หนึ่ง มีคนรับใช้วิ่งลงมาจากชั้นสองอย่างลนลาน ก้มหน้ารายงานชนัดพลอย่างระมัดระวัง “คุณหนูรองอารมณ์เสียอีกแล้วค่ะ เธอขว้างปาข้าวของ ดิฉันไม่สามารถห้ามได้ค่ะ……”
ได้ยินดังนั้น ชนัดพลเลิกคิ้ว กล่าวฮึดฮัด “เธอคิดจะทำอะไร อยากจะก่อจลาจลหรือไง”
ระหว่างที่พูด เขาได้ลุกยืนขึ้น สาวเท้าก้าวยาวตรงขึ้นไปชั้นสอง ขณะที่กำลังเดินมาถึงหน้าบันได ก็ได้ยินเสียงขว้างปาข้าวของดังเปรี้ยงปร้างจากห้องนอน ทันใดนั้น ความโมโหของเขาก็ยิ่งปะทุขึ้น
เขาเดินมาที่หน้าห้องนอนของนิวรา ยกมือขึ้นเพื่อจะผลักประตู ใครจะไปรู้ ประตูได้ล็อกจากด้านใน เขาพยายามลองผลักหลายครั้ง จึงยิ่งโมโหสั่งคนรับใช้ให้ไปเอากุญแจสำรองมา
ระหว่างที่รอ เขาเริ่มจะระงับความโกรธในใจไว้ไม่ได้แล้ว ยกมือขึ้นมาตบประตูห้องนอน แล้วตะคอกขึ้น “นิวรา เธอเป็นบ้าอะไร!”
เสียงขว้างปาข้าวของจากด้านในได้หยุดชั่วขณะหนึ่ง ไม่ถึงสองนาที เสียงเปรี้ยงปร้างก็ดังลอยออกมาอีกครั้ง
ชนัดพลโกรธจนตัวสั่น สองสามวันมานี้ เพราะนิวราเขาต้องปวดหัวไม่น้อย นี่เพิ่งจะผ่านไปสองวันที่ได้พักผ่อน คิดไม่ถึงว่าจะถูกเธอกวนใจอีกแล้ว!
ในเวลานี้ ประตูห้องนอนที่อยู่ด้านข้างถูกคนผลักออก หน้าปริญใบเต็มไปด้วยความโมโห ได้ยินเสียงดังจากฝั่งนี้ ก็กลอกตาด้วยความเคือง “เกิดอะไรขึ้น เธอกินยาหรือยัง!”