ดวงใจภวินท์ - บทที่ 524 การตะลุมบอน
บทที่ 524 การตะลุมบอน
พยัคฆ์สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็พูดว่า “ก่อนหน้านี้สิงโตเคยใช้พี่มาข่มขู่คุณภวินท์”
ญาธิดาขมวดคิ้วเข้าหากัน “อะไรนะ? ”
คำพูดของพยัคฆ์ทำให้ความทรงจำของเธอย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอถูกลักพาตัว คนที่ใส่หน้ากากหน้าผีบอกว่าตัวเองเป็นสิงโต หลังจากนั้นมาเธอก็เคยถามภวินท์ แต่ว่าเขาก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย สุดท้ายเธอก็ค่อยๆ ลืมมันไป
พยัคฆ์เอ่ยปากเตือน “แมวตายตัวนั้นในตอนนั้น……”
พอได้ยินดังนั้น ร่างกายของญาธิดาก็สั่นสะท้าน แผ่นหลังแข็งทื่อไปในทันที มีอยู่ช่วงหนึ่งก่อนหน้านี้มีของขวัญและดอกไม้ส่งมาให้เธอ และมีจดหมายที่มีโลโก้ใยแมงมุม แล้วก็ศพแมวหลังเบาะรถ หลังจากนั้นเธอก็ถูกคนลักพาตัวไปบนเกาะและต้องเซ็นสัญญาว่าเธอจะต้องอยู่ห่างจากภวินท์
ต่างเป็นฝีมือของที่ชื่อสิงโตทั้งนั้น ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ความหนาวเหน็บในหัวใจที่เกิดขึ้นตอนนั้นมันก็พัดพากลับมาอีกครั้ง
ในใจของญาธิดาเต็มไปด้วยความโกรธอย่างแปลกประหลาด เธอกำหมัดแน่น และเอ่ยปากถามว่า “เรื่องในครั้งนี้ก็เป็นฝีมือของเขางั้นเหรอ? ”
พยัคฆ์พยักหน้าเงียบๆ
ญาธิดากัดฟันแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พยัคฆ์หันหน้ามามองเธอ และเอ่ยปากถามว่า “ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดีครับ? ”
ญาธิดาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กัดฟันและพูดว่า “ในเมื่อพวกเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องของภวินท์ งั้นพวกเราก็ไปที่นั่น จับพวกมันเอาไว้ ดูซิว่าจะงัดอะไรมาจากปากพวกนั้นได้รึเปล่า”
พยัคฆ์ได้ยินแล้วก็พยักหน้า “เดี๋ยวผมไปบอกพี่เข้ม”
พวกลูกน้องของภวินท์ต่างก็รู้ว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์กับเขา ในใจก็เลยมีความรู้สึกเคารพเธออยู่ บวกกับการที่เธอได้รับการไหว้วานจากคุณย่าให้มาตามหาที่อยู่ของภวินท์ แน่นอนว่าพวกเขาต่างจะยอมปฏิบัติตามเธอ
หลังจากได้มีการแจ้งไปแล้วนั้น พวกเขาก็นัดเวลากัน แล้วก็มุ่งหน้าไปที่วัดเขารามในเขตชานเมืองของเมือง J พวกเขานัดเจอกันก่อนที่ถนนเขาราม หลังจากนั้นก็ไปที่วัดเขารามด้วยกัน พวกเขาไม่มีเวลาได้เตรียมรับมือเลย
ตอนที่เดินทางไปได้ครึ่งทางนั้น ญาธิดาก็รู้สึกกังวลใจตลอดทาง เธอไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เธอกลับได้นำคนสิบกว่าคนไปจับอาชญากร นับเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้ทำอะไรแบบนี้
เธอคิดเยอะมาก สุดท้ายก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาหมุนไปหมุนมา สุดท้ายก็เรียกพยัคฆ์ แล้วก็สั่งอะไรบางอย่างกับเขา
ไม่นาน พวกเขาก็ได้เจอกับพี่เข้มที่ถนนเขาราม และสุดท้ายรถทั้งสามคันก็ขับตรงไปที่วัดเขาราม
บางทีอาจจะเป็นเพราะความทรุดโทรมจากการที่ไม่ได้ซ่อมแซมเป็นเวลานาน ทำให้ภายนอกของวัดเขารามดูทั้งเก่าและเยินมาก รอบข้างก็ไม่มีคนอยู่ มันเงียบเชียบวังเวง แม้แต่ประตูวัดก็ปิดสนิท
พี่เข้มส่งสัญญาณให้กับพวกลูกน้อย แล้วก็ออกคำสั่งด้วยเสียงเบาว่า “พวกแกสองคน ไปขวางประตูหลังไว้ ส่วนพวกแกเฝ้าอยู่ตรงนี้ คนอื่นๆ ตามฉันมา”
พี่เข้มมอบหมายหน้าที่อย่างชำนาญ พอเรียบร้อยแล้ว ก็เหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีญาธิดาอีกคนหนึ่ง เขาหันหน้ามาแล้วก็มองญาธิดาอย่างครุ่นคิด หลังจากนั้นก็หันไปมองพยัคฆ์และพูดว่า “ต้องปกป้องความปลอดภัยของพี่ธิดาให้ได้”
พยัคฆ์ตอบรับในทันที
ญาธิดาได้ยินคำที่เขาเรียกตัวเอง ก็รู้สึกอดหัวเราะไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าพี่เข้มแก่กว่าเธออยู่หลายปี แต่ยังเรียกเธอว่า “พี่ธิดา”แถมยังเรียกอย่างเคารพอีก
เวลาค่อนข้างเร่งด่วน แถมสถานการณ์ก็ตึงเครียด ญาธิดาปรับอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วก็กลับมาจริงจังอีกครั้ง เธอเดินตามพี่เข้มและคนอื่นๆ ส่วนพยัคฆ์ก็เดินตามเธอ ปกป้องเธอเอาไว้ตรงกลาง
พวกเขาผลักประตูวัดเขารามช้าๆ แล้วประตูก็ส่งเสียงดัง “เอี๊ยด”หลังจากที่ประตูเปิดออกจนมีช่องว่างให้คนสามารถเดินผ่านไปได้นั้น พวกเขาก็เคลื่อนไหวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ญาธิดาก็เดินตามไปด้านหลังอย่างตื่นเต้นและตึงเครียด
หลังจากที่เข้าไปแล้ว ญาธิดาก็เห็นโบสถ์อยู่ตรงหน้าของตัวเอง ด้านข้างทั้งสองข้างเป็นเจดีย์ พอมองไปด้านหลังก็เห็นแค่ชายหลังคาบ้านเท่านั้น ไม่เห็นอย่างอื่นอีก
วัดเขารามถูกปกคลุมไปด้วยสภาพแวดล้อมที่ทรุดโทรม พวกเขาเดินเข้าไป แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของคนอยู่เลย
พี่เข้มเดินนำด้านหน้าสุด เขามองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่เฉียบคม แล้วก็เดินตรงเข้าไปที่โบสถ์ที่อยู่ใกล้กับพวกเขามากที่สุด พอพวกเขาเข้าไปใกล้แล้ว ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากด้านใน
ด้านในนั้นมีคนอยู่!
ทุกคนสะดุ้งอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นก็ตกเข้าไปสู่ห้วงของความตึงเครียดอีกครั้ง แล้วก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ใครจะไปรู้ว่าในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีคนสามคนเดินเข้ามาจากด้านหลังโบสถ์ พอสามคนนั้นเห็นพวกเขา ก็รู้สึกตกใจ แล้วก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “มีคนมา!”
พอพวกเขาตะโกนออกมา ไม่นานประตูโบสถ์ก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา พอเห็นพวกพี่เข้ม ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที
ไม่คิดเลยว่า พวกเขาจะถูกพบเจอแบบนี้
ในบรรดาพวกเขามีคนจำพี่เข้มได้ แล้วก็หัวเราะถากถางอย่างไม่ใส่ใจ “ทาวัต มาทำอะไรที่นี่เหรอ? ซุ่มโจมตีรึไง? ”
ใบหน้าของพี่เข้มดูโมโหเล็กน้อย เขาหัวเราะในลำคออย่างเย็นชา แล้วก็ถามกลับว่า “แล้วพวกแกมาทำอะไรที่นี่ล่ะ? ”
“พี่จะมาสนใจพวกเราทำไมกันล่ะ? เมือง J ใหญ่โตขนาดนี้ พวกเราอยู่ที่นี่ แล้วมันไปขวางทางอะไรของพี่รึเปล่า? ”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็มีคนบางส่วนเดินเข้ามาในโบสถ์อีก ผู้ชายที่เดินนำหน้าสุดนั้นมีผิวคล้ำ สายตาคมกริบ ใบหน้าของเขาดูแปลกประหลาดและน่ากลัวมาก แต่ว่าสามารถสัมผัสได้ถึงออร่าที่บีบบังคับออกมาจากตัวของเขา
พอเขาเดินเข้ามา คนทั้งสองข้างต่างก็พากันหลีกทางให้กับเขา
ทางฝั่งนี้ สีหน้าของพี่เข้มกับพวกลูกน้องก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มซีดลงเล็กน้อย
ญาธิดาประหลาดใจมาก สุดท้ายก็ได้ยินพยัคฆ์กระซิบบอกเธอว่า “เขาก็คือสิงโตครับ”
ตอนแรกพี่เข้มบอกว่าวัดเขารามมีคนอยู่แค่ประมาณหกคนเท่านั้น และสิงโตก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ว่าตอนนี้ดูท่าทางแล้วข้อมูลของเขาน่าจะผิด เพราะสิงโตอยู่ที่นี่ และพวกเขาถ้าเกิดว่ามานับรวมดูแล้ว น่าจะมีประมาณสิบกว่าคน ไม่ต่างจากจำนวนคนของพวกเขาเท่าไหร่นัก
ถ้าเป็นแบบนี้ สถานการณ์ก็ดูท่าทางว่าจะไม่ค่อยเอื้ออำนวยกับพวกเขามากนัก
พวกเขาล้อมญาธิดาไว้ตรงกลาง มองไปที่ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าสิงโตด้วยสายตาระมัดระวัง หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ถ้าเกิดว่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นกับเธอนั้นเป็นฝีมือของสิงโตจริงๆล่ะก็ แต่ว่าครั้งก่อนหน้านี้ที่เธอถูกลักพาตัว ถึงแม้ว่าจะโดนวางยา แต่ว่าเธอก็จำได้อย่างเลือนรางว่าผู้ชายคนนั้นสวมใส่เสื้อคลุม ใส่หน้ากากผี ถึงแม้จะเรียกตัวเองว่าสิงโต แต่ว่าร่างกายสูงใหญ่ มองไม่เห็นรูปร่างหน้าตา แต่ว่าไม่ใช่คนเดียวกับผู้ชายที่ใบหน้าดุร้าย และดูผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะคนนี้เลย
สรุปแล้วมีอะไรผิดพลาดกันแน่?
ญาธิดาหาคำตอบไม่ได้ ทำได้แค่จ้องมองผู้ชายคนนั้นอย่างประหม่า
สิงโตยืนอยู่บนบันได มองดูกลุ่มคนที่อยู่ด้านล่าง ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เสียงแหบแห้งจนไม่น่าฟัง และดูน่าเกลียดชังอย่างอธิบายไม่ถูก “มีแขกมางั้นเหรอ? ”
เขาพูดพลางยิ้มออกมา สายตาเหลือบมองไปยังพี่เข้ม และทันใดนั้น สายตาของเขาก็หยุดชะงัก และจับจ้องมาที่ญาธิดาแทน
และรอยยิ้มของเขาก็ดูคลุมเครือมากขึ้นในทันที “คุณญาธิดา การปรากฏตัวของคุณทำให้ผมประหลาดใจมากเลยนะ ทำไม? ของขวัญที่ผมส่งไปให้คุณชอบไหมล่ะ? ”
ไม่คิดเลยว่าเขาจะอ้าปากคำพูดที่ทำให้คนรังเกียจแบบนี้ ใบหน้าของญาธิดาเย็นชาขึ้นมาในทันที และพูดออกมาว่า “สิงโต ภวินท์อยู่ในกำมือคุณรึเปล่า? ”
เป้าหมายที่พวกเขามาที่นี่ในวันนี้เพราะต้องการจะจับคนของสิงโตไว้ แล้วถามเกี่ยวกับที่อยู่ของภวินท์ แต่ไม่คิดเลยว่าสถานการณ์จะพลิก ตอนนี้พวกเขาทั้งสองฝั่งเผชิญหน้ากัน ถ้าเกิดว่าอยากจะถามอะไรสักอย่าง ก็ถามอย่างตรงประเด็นไปเลยจะดีกว่า
พอสิงโตได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะเสียงดังออกมาทันที “ดูท่าทางคุณจะไม่ได้มาหาผมนะ!ถ้าจะมาหามัน เกรงว่าน่าจะสายไปแล้วนะ มันอาจจะถูกหมาป่าคาบไป และกระดูกละลายหายไปหมดเกลี้ยงแล้วก็ได้นะ!”
หลังจากนั้น ก็มีแสงสลัวแวบเข้ามาในดวงตาของเขา “แต่ว่าก็ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว ก็อย่าได้คิดจะออกไปเลย”
พอพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นมา ลูกน้องของเขาเข้าใจในทันที แล้วก็เข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้
พอพี่เข้มเห็นดังนั้น ก็รีบออกคำสั่งทันที “ปกป้องพี่ธิดา!”
พอเขาพูดจบ คนของสิงโตก็พุ่งเข้ามา และในขณะนั้น ก็เกิดการตะลุมบอนขึ้นในทันที